หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 120 กอดพี่จิ่ว
ผู้จัดการชุยมิใช่คนหมู่บ้านเหลียนฮวาโดยกำเนิด เขาอพยพมาจากทางใต้ ปู่ของเขาเข้าเมืองหลวงมาสอบซิ่วไฉ ย่าของเขาย้ายมาที่นี่ เดิมทีคิดว่าจะได้เป็นฮูหยิน ไหนเลยจะรู้ว่าในปีต่อมา ปู่ของเขาก็สอบไม่ผ่าน ผิดหวังจนนอนซมติดเตียง ไม่กี่ปีต่อมาก็ลาลับโลกไป
ในตอนนั้นเขายังอยู่ในท้องของมารดา
ครอบครัวของเขามีชีวิตที่ยากลำบาก ในตอนเด็กเขาก็เริ่มช่วยบิดาทำงาน บิดาของเขามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการทำถังหูลู่ น่าเสียดายที่ยังมิทันได้ถ่ายทอดวิชาให้บุตรชาย ก็ด่วนจากไปเสียก่อน
มิใช่ว่าเขาไม่เคยลองเรียนหนังสือ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ทางของเขาเอาเสียเลย
เขามาเป็นผู้จัดการของหอหยกขาวได้อย่างไร ความลำบากยากเข็ญนี้มิต้องเอ่ยถึง ไม่มีผู้ใดสอนเขา ประสบการณ์ที่เขามีล้วนได้มาจากการลองผิดลองถูกด้วยตนเอง เขาได้เรียนรู้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด ทว่าวันนี้รู้สึกปีติยินดีเหลือเกิน อีกทั้งหมู่บ้านเหลียนฮวาอยู่ห่างไกล ตนพูดอะไรคงไม่ต้องวิตกว่าเรื่องจะแพร่ออกไป
ไหนเลยจะคิดว่าเผลอหลุดปากไปเพียงครั้งเดียว จะนำมาซึ่งความหายนะครั้งใหญ่
เยี่ยนจิ่วเฉาเคยไปหอหยกขาว ผู้จัดการชุยก็อยู่ที่นั่นพอดี มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของคุณชายในตำนานผู้นี้ เพราะฉะนั้น เมื่อเขาผินหน้าไปมอง ก็พบว่าคนที่ตนเรียกว่า ‘คนบ้า’ ได้มายืนอยู่ด้านหลังเสียแล้ว ขาทั้งสองข้างของเขาพลันอ่อนระทวย พลาดอีกนิดเดียวก็คงตกลงไปในบ่อก็เป็นได้!
อวี๋เฟิงเคยไปจวนคุณชาย กลับได้พบเพียงลุงวั่น และอวี๋เฟิงก็ยังเคยไปหอหยกขาว แต่ก็คลาดกับคุณชายเยี่ยน ดังนั้นอวี๋เฟิงจึงไม่รู้จักเยี่ยนจิ่วเฉา
ทว่าต่อให้ไม่รู้จัก ใบหน้าหล่อล้ำเกินปุถุชนและท่าทางสูงศักดิ์ผิดธรรมดาของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ทำให้อวี๋เฟิงตกตะลึงอยู่บ้าง อีกทั้งยังเห็นเขาทำให้ผู้จัดการชุยตกใจกลัวเช่นนี้…
อวี๋เฟิงก็พอจะระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้
เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนบ้า ใต้หล้าต่างรู้ทั่ว ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าบริภาษเขาซึ่งหน้าว่า ‘เจ้าคนบ้า’
ผู้จัดการชุยร่างอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง นอนกองอยู่ข้างบ่อน้ำ มิอาจลุกขึ้นได้!
เอ๊ะ?
ไฉนถึงเป็นเช่นนี้?
เจ้าคนบ้านี่มาทำอะไรในสถานที่แบบนี้กัน!
น่ากลัวเหลือเกิน!
เยี่ยนจิ่วเฉาใช้สายตาพิฆาตมองไปยังผู้จัดการชุย
ที่ว่าความโศกศัลย์เกิดอยู่บนความสุขนั้น แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่น่าเวทนาเหลือเกิน…
“คุณชายเยี่ยน” อวี๋หวั่นพูดเสียงค่อย
“ขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างเย่อหยิ่ง
ผู้จัดการชุยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม แม่นางอวี๋เป็นผู้มีพระคุณของลูกของเยี่ยนจิ่วเฉา แม้แต่นางขอร้องยังไม่เป็นผล เขาเองไม่รอดแน่ๆ ต้องไม่รอดแน่ๆ!
อวี๋หวั่นเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉาผู้เย็นชาและเย่อหยิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาจับข้อมือของเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วลากเขาออกไปโดยปราศจากคำอธิบายใดๆ
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะทำตัวเป็นเป็นเศรษฐีนิสัยเสีย ผ่านไปครู่เดียวก็ปล่อยให้คนจูงไปประหนึ่งเด็กน้อยอย่างนั้นรึ?!
ในใจผู้จัดการชุยรู้สึกตกตะลึงเหลือเกิน!
อวี๋เฟิงก็มิได้ตกตะลึงน้อยไปกว่าผู้จัดการชุยเลย
เมื่อได้ยินน้องสาวเรียก เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือคุณชายเยี่ยนในตำนาน
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือเหตุใดคุณชายเยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่มาอยู่ในหมู่บ้านของพวกเขาเล่า?
เดี๋ยวก่อน?
ทำไมน้องสาวของเขาจึงพาเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในบ้านสกุลติง?
นั่นไม่ใช่บ้านของคุณชายวั่นหรอกหรือ?
วั่น…
ลุงวั่นเดินออกมา
อวี๋เฟิงรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว!
……
คุณชายเยี่ยนอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
“เปลี่ยนยา”
อวี๋หวั่นเปลี่ยนยาให้เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งเดินคล่องแคล่วซะไม่มี
“ชงชา”
อวี๋หวั่นชงชาให้เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งมีถ้วยชาวางอยู่ด้านข้าง
“ปอกส้ม”
อวี๋หวั่นหยิบส้มขึ้นมาปอกเปลือก
“แกะไยให้หมด”
ไยส้มแก้ร้อนในนะ!
อวี๋หวั่นหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ลอกไยบนเนื้อส้มออก
ทีนี้คนที่จะต้องกินไยส้มย่อมไม่ใช่เขา แต่เป็นตัวเธอเอง
ผ่านไปสักพัก เธอก็สังเกตเห็นท้องฟ้ายามบ่าย เธอไม่ได้ไปเก็บผักโขมนี่นา
เมื่ออวี๋หวั่นปอกส้มไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็หันไปมอง และเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉาหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
ยามตื่น ดวงตาของเขาเป็นประกาย ดูสูงส่งหาผู้ใดเปรียบ ยามหลับก็ยังรูปงามล่มเมือง ไม่มีแม้แต่รัศมีความร้ายกาจแต่อย่างใด แต่กลับดูอ่อนโยนขึ้นมา
เยี่ยนจิ่วเฉาที่เป็นแบบนี้ คนนอกไม่มีใครเคยเห็น
น่าเสียดายที่เธอต้องไปเก็บผัก ไม่เช่นนั้น เพียงแค่ใบหน้าของเขา ก็ทำให้เธอยอมนั่งมองตลอดทั้งบ่ายได้อย่างแน่นอน
อวี๋หวั่นค่อยๆ วางผลส้มกลับในถาดผลไม้ แล้วค่อยๆ ย่องออกไปข้างนอก ขณะที่เธอกำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งยังคงหลับตาอยู่ก็เอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “อิ่งลิ่ว ฆ่าคนแซ่ชุยนั่นซะ”
อวี๋หวั่นจึงกลับมานั่งปอกส้มต่ออย่างว่าง่าย…
ในห้องช่างอบอุ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกำยานทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อวี๋หวั่นปอกส้ม ปอกไปปอกมาก็ผล็อยหลับ คอพับคออ่อนพิงกับเสาเตียง
บุรุษบนเตียงค่อยๆ ลืมตา นิ้วเรียวสวยหยิบผลส้มที่อวี๋หวั่นปอกได้เพียงครึ่งเดียว แล้ววางกลับใส่ถาดผลไม้บนโต๊ะเล็ก
สตรีอายุเพียงเท่านี้ หาได้น้อยนักที่จะทำงานหนักเช่นอวี๋หวั่น ฟ้ายังไม่สางก็ตื่นนอน กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่น ตอนกลางวันก็ทำงานตัวเป็นเกลียว คงไม่ได้นึกถึงเรื่องพักกลางวันเสียด้วยซ้ำ
เยี่ยนจิ่วเฉาลงจากเตียง ค่อยๆ อุ้มอวี๋หวั่นขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วถอดรองเท้าซึ่งเต็มไปด้วยรอยปะชุนทั้งสองข้างของเธอ
ต่อให้เยี่ยนจิ่วเฉาหน้าหนาเพียงใด ก็ไม่เคยคิดจะใช้วิธีพรรค์นี้เอาเปรียบสตรี เขาห่มผ้าให้เธอ จัดมุมผ้าห่มให้เธอ และกำลังจะเดินออกไป
ทันใดนั้นเอง อวี๋หวั่นก็พลิกตัวขึ้นมา แล้วกอดเอวของเขาไว้แน่น
…………………………………….