หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 123 พี่จิ่วช่างเอาใจใส่
กัวเซี่ยนเยว่สงสัยเหลือเกินว่าในกล่องนั้นมีสิ่งใด เหตุใดต้องมอบให้พี่หวั่น พี่หวั่นรู้จักกับคุณชายวั่นด้วยหรือ?
กัวเซี่ยนเยว่รู้ดีว่าการแอบดูของของผู้อื่นไม่ใช่เรื่องดี แต่นางก็มิได้จะหยิบไปนี่ แค่ดูคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง…
“ท่านพี่! ข้าเจ็บนะ!”
เสียงบ่นของเถี่ยตั้นน้อยดังมาจากในห้อง
“แขม่วพุงหน่อย พี่จะยัดพุงอ้วนๆ ของเจ้ากลับเข้าไป”
“ข้าไม่มีพุงอ้วนๆ สักหน่อย!”
“มีสิ เจ้าดู”
“อย่าจิ้มซี่! ฮ่าๆๆ…” เถี่ยตั้นน้อยถูกจิ้มพุง ก็หัวเราะลั่นออกมา
แต่เมื่ออวี๋หวั่นดึงมือกลับไป เขาก็ยังไม่หยุด “เอาอีก! ท่านพี่เอาอีก!”
กัวเซี่ยนเยว่มองไปยังทิศทางของห้อง แล้วค่อยๆ ยื่นมือออกไปแง้มฝากล่องดู ไหนเลยจะรู้ว่าในกล่องกำมะหยี่ ยังมีกล่องกำมะหยี่อีกใบหนึ่งซ้อนอยู่
“พอแล้ว เจ้าเหงื่อออกอีกแล้วเนี่ย มาเร็ว รีบใส่รองเท้า” อวี๋หวั่นพูด พลางหยิบด้ายสี
กัวเซี่ยนเยว่รีบปิดกล่องทันที
อวี๋หวั่นหยิบด้ายสองหลอดออกมา “น้องเยว่ เจ้าดูว่าสีนี้ใช้ได้หรือไม่? ”
จิตใจของกัวเซี่ยนเยว่มิได้อยู่ที่ด้ายสีอีกต่อไป เดิมทีคิดว่าจะรีบหยิบไป ทว่าทันทีที่เห็นด้ายเหล่านี้ นางก็ถึงกับตะลึงงัน
ด้ายสองหลอดนี้สีสด คุณภาพของเส้นด้ายนั้นดีจนไม่ต้องพูดถึง ดียิ่งกว่าด้ายของบ้านสกุลหลัวที่นางเคยเห็นสักสามส่วนเห็นจะได้
อวี๋หวั่นเห็นสีหน้าประหลาดใจของนาง จึงถามว่า “ทำไมหรือน้องเยว่ ด้ายนี่ใช้ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” กัวเซี่ยนเยว่รีบส่ายหน้า “ท่านพี่ซื้อด้ายจากร้านไหนหรือ? ไว้ข้าจะไปซื้อบ้าง”
นางไม่ได้ถามราคา สำหรับนางแล้ว อวี๋หวั่นมีเงินพอที่จะซื้อด้ายเหล่านี้ นางจึงมิได้กล่าวอะไรต่อ
กัวเซี่ยนเยว่หารู้ไม่ว่า ด้ายเหล่านี้เป็นด้ายที่ใช้สำหรับงานฝีมือในวังหลวง ทำจากไหมน้ำแข็ง มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ อย่าว่าแต่นางจะหาซื้อได้ แม้แต่โอกาสจะเห็นก็ยังไม่มี
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นไม่รู้เรื่องนี้ ด้ายเหล่านี้เป็นของขวัญที่เยี่ยนจิ่วเฉาให้เถี่ยตั้นน้อยมา ถึงอวี๋หวั่นจะเดาได้ว่าด้ายนี้เป็นของล้ำค่า แต่ก็คงคิดไม่ถึงว่าจะมีค่ามากเพียงนั้น
“ข้าไม่ได้ซื้อหรอก มีคนให้มา” อวี๋หวั่นตอบเลี่ยง
“ใครหรือ?” กัวเซี่ยนเยว่ถามต่อ
เยี่ยนจิ่วเฉา
ทว่าไม่ควรพูดชื่อนี้กับกัวเซี่ยนเยว่ อวี่หวั่นจึงยิ้มไปตามมารยาท “เพื่อนคนหนึ่ง”
อวี๋หวั่นพูดเช่นนี้ กัวเซี่ยนเยว่มิได้โง่งม นางรู้ว่าไม่ควรถามต่อ จึงลุกขึ้นกล่าวลา
เมื่อจะออกไป กัวเซี่ยนเยว่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันมามองกล่องกำมะหยี่นั้นอีกครั้งหนึ่ง
แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงสงสัยว่าของที่พี่หวั่นได้รับคือสิ่งใด
บางที…อาจเป็นเพราะคนให้ก็ได้กระมัง?
“ท่านพี่ๆ! ข้าใส่แล้ว! ท่านพี่เยว่เล่า?”
เมื่อเถี่ยตั้นน้อยวิ่งเตาะแตะออกมา กัวเซี่ยนเยว่ก็ถือด้ายออกไปแล้ว
“ไปแล้วหรือ” เถี่ยตั้นน้อยทำสีหน้าผิดหวัง
อวี๋หวั่นหลุดขำ “ทำไม? ชอบท่านพี่เยว่รึ?”
เถี่ยตั้นน้อยกอดแขนอวี๋หวั่นแน่น “ข้าจะไปชอบคนอื่นได้อย่างไรกัน? ข้าชอบท่านพี่แค่คนเดียว!”
อวี๋หวั่นเคาะหน้าผากน้องชาย เจ้าตัวร้าย!
อาหารเย็นวันนี้คือน้ำแกงรากบัวพะโล้วุ้นเส้น หมั่นโถวแป้งข้าวโพด และเนื้อรมควันผัดหน่อไม้
รากบัวพะโล้และหมั่นโถวนั้นยกมาจากบ้านลุงใหญ่ ส่วนหน่อไม้ก็ขุดมาจากหลังบ้าน หน่อหนึ่งมิได้ใหญ่เท่าหน่อ
ไม้ที่ขุดบนเขา หน่อไม้สามหน่อหั่นเป็นแผ่น ล้างน้ำ แล้วนำไปผัด
หน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลินั้นจะหวานและฉ่ำกว่าหน่อไม้ในฤดูหนาว เนื้อสัมผัสกรอบกว่า อวี๋หวั่นคิดว่า วันหลังเมื่อเธอขึ้นเขาไปเก็บผักโขม ก็จะขุดหน่อไม้กลับมามากสักหน่อย
ตกดึก เถี่ยตั้นน้อยหลับไปแล้ว
หลังจากย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็ดีขึ้นมาก ไม่ต้องนอนเบียดกันบนเตียงเดียวเพื่อรักษาความอบอุ่น อวี๋หวั่นจึงกลับไปนอนในห้องของตัวเอง
อวี๋หวั่นจุดตะเกียงน้ำมัน
เมื่อนึกได้ว่าเมื่อก่อนเธอยากจนจนไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อน้ำมันตะเกียง อวี๋หวั่นก็อดถอนหายใจไม่ได้
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มคิดเรื่องป้าใหญ่และโลกก่อนหน้านี้น้อยลง ราวกับว่าชีวิตในโลกก่อนหน้านี้ของเธอ
เป็นเพียงความฝัน ตอนนี้คือเรื่องจริง เธอคืออาหวั่น อาหวั่นแห่งสกุลอวี๋
อวี๋หวั่นเปิดกล่องกำมะหยี่ที่เยี่ยนจิ่วเฉาให้มาดู ในกล่องนั้นมีกล่องที่เล็กกว่าอีกสองใบ แต่ละใบกว้างประมาณสี่ชุ่น และยาวประมาณแปดชุ่น
อวี๋หวั่นเปิดกล่องทางด้านขวาก่อน ของในกล่องทำให้เธอตาลุกวาว
เป็นรองเท้าปักดิ้นดอกไม้คู่หนึ่ง
ส้นรองเท้าเป็นสีขาว รองเท้าเป็นสีชมพูอ่อน วัสดุที่ใช้ทำรองเท้าเป็นมันเงาดุจไหม ด้านข้างของรองเท้าไร้ลวดลาย ด้านหน้าของรองเท้าปักลายดอกบัว เกสรตรงกลางของดอกไม้ทำจากอัญมณีสีเหลืองมารวมกัน เป็นประกายงดงาม ประหนึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ซึ่งทำให้รองเท้าปักดิ้นคู่นี้พลันดูเลอค่าและสง่างามขึ้นทันที
อวี๋หวั่นไม่ใช่คนที่มีอารมณ์สุนทรีย์ แต่เธอก็ละสายตาจากรองเท้าคู่นี้ไม่ได้เลย
เธอเปลี่ยนรองเท้า ขนาดพอดีกับเธอ ด้านในรองเท้านุ่ม เดินแล้วรู้สึกสบายเหนือคำพรรณา
ในทางกลับกัน รองเท้าผ้าซึ่งมีรอยปะชุนที่เธอใส่อยู่นี้ ดูแล้วช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
อวี๋หวั่นแทบจะจำเรื่องที่ไปบ้านของเยี่ยนจิ่วเฉาในวันนั้นไม่ได้แล้ว เธอสวมรองเท้าเก่าคู่นี้ เธอปอกผลส้มแล้วก็เผลอหลับไป ตื่นมาบนเตียงของเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วเธอก็ตกใจจนแทบกระโดด กระนั้นก็เป็นเพราะในอ้อมอกมีเด็กน้อยทั้งสามคนอยู่ เธอจึงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้
แต่หากมาคิดดีๆ แล้ว ใครเป็นคนถอดรองเท้าให้เธอ ใครเป็นคนห่มผ้าให้เธอกัน?
“หรือว่าฉันเบลอไปเองนะ”
ไม่ใช่แบบนั้นหรอก…
ครั้งนั้น เขาเห็นว่ารองเท้าของเธอขาดหรือ?
แล้วยังวัดขนาดเท้าด้วย?
ธะ…เธอไม่ได้ไม่มีรองเท้าดีๆ ใส่หรอกนะ แค่ไม่อยากใส่ตอนไปทำงานก็เท่านั้นเอง
อวี๋หวั่นก้มมองรองเท้าคู่ใหม่ของตน มุมปากยกยิ้มด้วยความดีใจ
ไม่คิดเลยว่าคนที่ผีเข้าผีออกอย่างเขา พอเอาใจใส่ขึ้นมา จะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้
อวี๋หวั่นรอไม่ไหวที่จะเปิดดูของในกล่องที่สอง
มุมปากของเธอยกขึ้นพลางเปิดฝากล่อง ในนั้นมีหนังสือสามเล่ม
ต้องเป็นหนังสือที่ดีแน่ๆ
อวี๋หวั่นคิดใจ
ในใจของอวี๋หวั่นเต็มไปด้วยความดีใจ หยิบหนังสือขึ้นมาดู
‘เคล็ดลับ…’ เล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม
อวี๋หวั่นอยากจะบ้าตาย!
……………………………………….