หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 125 ขอแต่งงาน
รุ่งขึ้น ป้าสะใภ้ใหญ่ตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้ครอบครัว ทันทีที่เข้าไปในครัวก็เห็นว่า ตู้จินฮวากำลังง่วนอยู่หน้าเตา
ป้าสะใภ้คิดว่าตนตาฝาด ตู้จินฮวามาที่บ้านสกุลอวี๋ด้วยตนเอง แต่งานเพียงเล็กน้อยก็ไม่เคยช่วยทำ เข้าครัวมาก็แค่หาอะไรกิน เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าครัวมาทำกับข้าว
“นี่เจ้า…” ป้าสะใภ้ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“อ้าว ท่านพี่ตื่นแล้วหรือ ทำไมไม่นอนอีกสักหน่อยล่ะ? อีกประเดี๋ยวอาหารเช้าก็จะเสร็จแล้วล่ะ!” ตู้จินฮวากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ใส่หน่อกระเทียมสับลงในชามเปล่าด้านข้าง แล้วเอาขิงอีกชิ้นมาหั่นต่อ
ป้าสะใภ้มองดูท่าทางของนาง คำพูดที่ดูสุภาพเกรงอกเกรงใจไม่เหมือนที่พูดกับตน ก็อดจะสงสัยนางมากขึ้นไม่ได้
จะเป็นตนที่แปลกไปหรือเป็นตู้จินฮวากันแน่ที่แปลกไป? ตู้จินฮวาตื่นเช้ามาช่วยครอบครัวทำอาหารเช้าจริงๆ รึนี่? หากนางไม่ได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตาตนเอง คงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
ไม่ใช่ว่าตู้จินฮวาจะเกียจคร้านเหมือนสกุลจ้าว แต่ตู้จินฮวาชอบทำตัวหยิ่งยโสและเสแสร้ง โดยเฉพาะต่อหน้านางกัวผิงเซียงคนนี้ คนหยิ่งผยองเยี่ยงนาง ไม่รอให้ปรนนิบัติรับใช้ก็ถือว่าดีแล้ว แต่นี่ยังช่วยทำอาหารเช้าอีก
ตู้จินฮวาไม่เพียงแต่ทำอาหารเช้า แต่นางยังเติมน้ำจนเต็มถังและกวาดมูลไก่ออกจากเล้าด้วย แม้แต่ไข่อุ่นๆ สองฟองที่แม่ไก่ป่าเพิ่งฟักก็ถูกเก็บอย่างระมัดระวัง…แม้ไข่เพียงสักฟองก็ไม่คิดขโมย
ป้าสะใภ้ใหญ่ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก “เจ้า…เจ้าต้องการยืมเงินใช้รึ?”
ตู้จินฮวามองนางอย่างขุ่นเคือง “ดูท่านพี่พูดเข้า ข้าดูเหมือนคนที่จะยื่นมือขอเงินผู้อื่นรึ? กินนอนอยู่บ้านเขาก็รู้สึกละอายมากพออยู่แล้ว ยังจะเอาเงินเขาอีก นี่ข้ากลายเป็นคนแบบไหนไปแล้วหรือ?”
นี่เจ้ายังรู้ว่าตัวเองเป็นคนด้วยสินะ…
ตู้จินฮวาผัดกับข้าวจานเล็กสองจาน นึ่งซาลาเปาไส้กะหล่ำปลีชิ้นใหญ่และอัวอัวโถวซึ่งทำจากแป้งข้าวโพด นางนำซาลาเปาและอัวอัวโถวใส่ลงในตะกร้า ยิ้มเป็นประกายแล้วพูดว่า “ข้าจะนำไปให้บ้านน้องเจียงเสียหน่อย”
จะนำไปให้บ้านพี่เขยสามหรือ? ลืมไปแล้วหรือว่าอาหวั่นเอาชนะกัวเซี่ยนเฉี่ยวได้อย่างไร?
หลังจากตู้จินฮวาจากไป ป้าสะใภ้ใหญ่ก็รีบกลับเข้าบ้านและเขย่าตัวลุงใหญ่ที่สะลึมสะลือหวังปลุกให้ตื่น “แย่แล้ว แย่แล้ว! ตู้จินฮวาเป็นบ้าไปแล้ว”
……
แต่หลังจากที่ตู้จินฮวาถือตะกร้าซาลาเปาและอัวอัวโถวออกไป ก็ตรงไปยังบ้านของอวี๋หวั่น ในความเป็นจริงนางได้หยุดเดินก่อนที่จะไปถึงบ้านของอวี๋หวั่น
เป็นอย่างที่ป้าสะใภ้คิดไว้ไม่ผิด นอกเสียจากว่าตู้จินฮวาจะเสียสติไปแล้ว มิเช่นนั้นนางไม่มีทางนำของไปให้บ้านอวี๋หวั่นเป็นแน่
ความคิดอันเปี่ยมด้วยความปรารถนาของตู้จินฮวาได้เป็นจริงในคืนที่ผ่านมา อย่างแรก คุณชายวั่น จ้วงหยวนวั่น มิใช่หนึ่งในหมื่นคนหรือ ลูกสาวของนางหรือจะไม่ชอบ สอง ครอบครัวสมฐานะ เป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด ไม่มีการแต่งงานใดที่คู่ควรไปกว่านี้อีกแล้ว
แม้นางจะไม่อาจไปขอแต่งงานอย่างเปิดเผยได้ แต่นางก็สามารถป่าวประกาศอย่างอ้อมๆ
หากคุณชายวั่นทราบว่านางมีลูกสาวที่สวยสดงดงามดั่งบุปผา มีหรือจะไม่แต่งกับนาง
ในระหว่างที่นางภาคภูมิใจอยู่นั้น ตู้จินฮวาก็เดินมาถึงหน้าประตูบ้านใหม่ของสกุลติง
สมกับเป็นสกุลที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่ประตูก็ทาด้วยสีแดง
ตู้จินฮวาจัดแจงปิ่นมุกกับจอนผม และยกมือขึ้นเคาะประตู
“นั่นใคร?” คนที่เปิดประตูก็คือลุงวั่น
ตู้จินฮวาต้องการให้สกุลวั่นมองนางสูงส่ง จึงตั้งใจแต่งเนื้อแต่งตัว สวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ดูดีที่สุด และทาชาดสีแดง ให้รู้สึกว่าตนนั้นโดดเด่นเหนือผู้ใดในพื้นที่แถบนี้
แต่หารู้ไม่เมื่อลุงวั่นได้เห็นนางเป็นครั้งแรกกลับคิ้วขมวดแน่น หญิงขี้เหร่ผู้นี้มาจากที่ใดกัน?!
ลุงวั่นเห็นสาวงามมามากมายนัก ใกล้ๆ ก็นางเจียง ไกลๆ ก็พระชายา ไม่ว่าจะแย่แค่ไหน คนสติไม่ดีในบ้านก็ยังดูเหมือนเทพเซียน หน้าตาบ้านๆ อย่างตู้จินฮวาไม่อยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย
ตู้จินฮวาไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีรังเกียจของลุงวั่น เมื่อรูปลักษณ์ของนางทำให้เขาประหลาดใจแล้ว นางยิ้มอย่างสดใสยิ่งกว่าเดิม “คุณชายวั่นอยู่รึไม่เจ้าคะ”
“เจ้ามาหาคุณชา…เกิดอะไรขึ้นกับหลานชายข้ารึ?”
ลุงวั่นตอบไปครึ่งหนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่าสถานะตอนนี้เขาคือลุงของคุณชายวั่นแล้ว แรงบันดาลใจนี้มาจากบ้านแม่นางอวี๋
“อ้อ ที่แท้ท่านก็เป็นลุงของคุณชายวั่นนี่เอง” ตู้จินฮวายิ้มพร้อมยื่นตะกร้าที่ถืออยู่ในมือออกไป “ซาลาเปากับอัวอัวโถวทำเอง ยัดไส้หมูตุ๋น”
ลุงวั่นที่แม้แต่อาหารมีระดับอย่างหอยเป๋าฮื้อ ปลิงทะเล หูฉลามและกระเพาะปลาก็มิได้เป็นสิ่งหายาก “…”
“ข้าวางไว้บนโต๊ะนะ” ตู้จินฮวาเข้าไปในบ้านโดยมิได้รับเชิญ นางมองกะขนาดสภาพแวดล้อมภายในห้องพลางนำตะกร้าไปวางไว้บนโต๊ะแปดเซียนที่อยู่ภายในห้องโถง
นางค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมภายในบ้านสกุลวั่น อย่างน้อยก็เก็บกวาดได้สะอาดและเรียบร้อย ดูเป็นครอบครัวที่ดีและมีเกียรติ แต่ไม่มีเครื่องหยก เงินหรือทอง จึงเดาว่าคงไม่ร่ำรวยเท่าสกุลหลัว
“เหตุใดจึงไม่เห็นท่านพ่อท่านแม่ของคุณชายวั่นเล่า” ตู้จินฮวาเอ่ยถาม
“ไม่อยู่” ลุงวั่นตอบ
ดวงตาของตู้จินฮวาเป็นประกาย พ่อแม่ไม่อยู่แต่ลุงอยู่ หรือว่าพวกเขาจะตายไปแล้ว?
“เจ้าเป็นใคร มาตามหาหลานชายข้าด้วยเหตุใด” ลุงวั่นเอ่ยถามเป็นครั้งที่สอง เขารู้สึกอึดอัดกับการแสดงออกของอีกฝ่าย น้ำเสียงของเขาก็เริ่มไม่ค่อยดีนัก
ตู้จินฮวาฟังความนัยไม่ออกและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นน้องสะใภ้ของอาเซียง ข้ามาหาคุณชายวั่นมิได้มีเรื่องอันใด น้องเขยข้าก็มีลูกชายที่กำลังจะสอบขุนนาง ได้ยินมาว่าคุณชายวั่นมีความรู้ ข้าจึงอยากเรียนรู้จากเขา”
หากเป็นคนอื่นก็คงเชื่อในสิ่งที่นางพูดแล้ว แต่ลุงวั่นเป็นใคร? ขันทีน้อย (แก่) ผู้ไร้พ่ายในวังเย็นที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเยี่ยนอ๋องและฮ่องเต้วัยหนุ่ม มีหรือจะมิเห็นว่านางมีเจตนาอันใด?
อย่างที่คาดไว้ ตู้จินฮวามิได้ถามอะไรมาก และหญิงงามนางหนึ่งก็ปรากฏตัวเข้ามาจากด้านนอกประตู สาวน้อยอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี อายุไล่เลี่ยกับแม่นางอวี๋ แต่นางได้รับการปรนนิบัติปรนเปรอมากกว่าแม่นางอวี๋ นางสวมผ้าไหม ใส่เครื่องประดับทองและเงิน ทุกการแสดงออกเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์และอ่อนโยน
“ท่านแม่ ท่านอยู่นี่เองหรือ? ทุกคนรอท่านมาทานอาหารเช้าอยู่นะ”
กัวเซี่ยนเยว่กล่าวอย่างประหม่าเล็กน้อย
ทันทีที่นางเข้ามาในบ้าน หัวใจของนางก็เต้นรัว แต่มารดาของนางต้องการให้นางมาที่บ้านนี้เพื่อเผยให้เห็นหน้าตาของนาง
ตู้จินฮวาเหลือบมองลูกสาวอย่างพึงพอใจ “เยว่เอ๋อร์ เข้ามาทำความเคารพสิ ท่านนี้เป็นคุณลุงของคุณชายวั่น”
กัวเซี่ยนเยว่โค้งศีรษะและเดินไปด้านหน้า คุกเข่าลงแสดงความเคารพ “คุณลุงวั่น”
“นี่ลูกสาวของข้า เยว่เอ๋อร์” ตู้จินฮวากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ต่อจากนี้ก็ควรจะถามบุตรสาวของนางว่าอายุเท่าไรแล้ว ควรแต่งงานแล้วสิ
เพียงครู่เดียวนางก็จะพูดตามน้ำไปว่า อายุสิบเจ็ดแล้ว นางก็แสนระอาใจที่บุตรสาวเอาแต่จะอยู่กับนางตลอด ทว่าตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรจะคิดเรื่องแต่งงานเสียที
แต่หารู้ไม่ลุงวั่นกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูแล้วอายุอานามน่าจะไล่เลี่ยกับแม่นางอวี๋ จะแต่งงานแล้วสินะ? ถึงตอนนั้นก็อย่าลืมชวนข้าไปดื่มฉลองงานแต่งด้วยล่ะ”
กลับกลายเป็นการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา!
……
ตู้จินฮวาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ รีบดึงบุตรสาวออกจากคฤหาสน์สกุลติง
“ไอ้เฒ่าตาบอด!” ตู้จินฮวาโกรธแทบบ้า ที่ผ่านมามีเพียงนางที่ดูแคลนผู้อื่น แต่ยังมิเคยมีผู้ใดที่ไม่อยากแต่งงานกับบุตรสาวนาง
“ท่านแม่!” กัวเซี่ยนเยว่จะร่ำไห้ ไม่แน่ใจว่าร่ำไห้เพราะอับอายขายหน้า หรือเพราะความหวังที่มีดับสิ้นแล้วกันแน่
ตู้จินฮวาตอบอย่างฟึดฟัด “ไอ้เฒ่านั่นจะไปรู้อะไร? เป็นพ่อของคุณชายวั่นก็ไม่ใช่ คำพูดของเขาจะมีค่าอะไร? วันนี้เป็นความผิดพลาดของแม่เอง ไม่คิดว่าคุณชายวั่นจะมิได้เห็นเจ้า แล้วยังโดนลุงของเขาเตะออกมาอีก เจ้าวางใจเถิด ขอเพียงคุณชายวั่นได้พบเจอกับเจ้า เขาจะต้องหวั่นไหวกับเจ้าเป็นแน่”
ตู้จินฮวาใช้คำพูดปลอบประโลมนาง ในที่สุดน้ำตาของกัวเซี่ยนเยว่ก็หยุดไหล
ตู้จินฮวาบอกให้กัวเซี่ยนเยว่กลับบ้านเก่าสกุลอวี๋ไปก่อน แล้วนางก็วนไปวนมาอยู่แถวนั้น
ในตอนนั้นสกุลกัวไม่เห็นด้วยกับกัวต้าโย่วที่จะแต่งกับนาง พวกเขาเห็นว่านางมีความก้าวร้าวเกินไป มิใช่คู่ที่เหมาะสมกัน แต่นางก็ทำให้กัวต้าโย่วหลงจนหัวปักหัวปำ สุดท้ายเรื่องการแต่งงานนี้ก็สำเร็จ
ในตอนนี้นางตัดสินใจใช้แผนเดิมอีกครั้ง โดยเริ่มลงมือจากคุณชายวั่นก่อน
นางเดินไปยังป่าไผ่ที่อยู่นอกประตูหลังบ้าน
ขณะนั้นอวี๋หวั่นแบกตะกร้าสะพายหลังเดินออกมาจากห้องครัวพอดี
“แม่นางอวี๋!”
นั่นเป็นเสียงของลุงวั่น
ตู้จินฮวารีบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะลุงวั่น” อวี๋หวั่นหันตัวกลับมาส่งยิ้มทักทาย
“กำลังจะไปที่ใดล่ะ” ลุงวั่นมองไปที่ตะกร้าบนหลังของเธอและเอ่ยถาม
“ข้าจะขึ้นเขาไปขุดหน่อไม้ และเก็บสมุนไพรป่าเสียหน่อย” อวี๋หวั่นตอบ
ลุงวั่นหัวเราะพร้อมกับยื่นชามกระเบื้องเคลือบลายครามในมือให้เธอ “ขนมเออเจียว[1] ให้แม่เจ้าไว้บำรุงกำลัง”
ไม่รอให้อวี๋หวั่นได้ปฏิเสธ ลุงวั่นก็เอ่ยขึ้นว่า “ที่บ้านข้าก็มีแต่ผู้ชาย เจ้ารับไว้เถิด”
ตู้จินฮวาคิ้วขมวดทันที ไอ้เฒ่าตาบอด ต่อหน้าพวกนางสองแม่ลูกทำเป็นสูงส่งไม่เห็นหัว แต่กับยายเด็กตัวเหม็นกลับทำดีด้วยถึงเพียงนี้! นางยังไม่เคยได้ลิ้มรสของขนมเออเจียวเลยด้วยซ้ำ กลับเอามาให้เด็กนี่เสียได้!
สกุลวั่นก็ดูมีเงินมีทองอยู่
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ตู้จินฮวาที่ตกอยู่ในพะวังก็มิได้สนใจฟัง รู้สึกตัวอีกที ลุงวั่นก็เดินจากไปแล้ว อวี๋หวั่นที่ถือขนมเออเจียวอยู่ในมือกำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่กลับมีเงาของร่างหนึ่งเดินออกมาจากประตูหลังของบ้านสกุลติง
ด้านหลังของคนผู้นี้ประดุจเทพบุตรเดินดิน เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวตัดเงิน รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำขลับราวกับหมึก ป่าไผ่ที่เขียวขจีและเงียบสงบดูเหมือนจะสว่างขึ้นจากด้านหลังของคนผู้นี้
ไม่ต้องพูดตู้จินฮวาก็พอจะเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ สมแล้วที่เป็นชายที่ทำให้บุตรสาวของนางหัวใจสั่นรัว เพียงด้านหลังก็งดงามจนใครก็มิอาจละสายตา
ตู้จินฮวาเห็นคุณชายวั่นเดินตรงไปหาอวี๋หวั่น ไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไร แก้มของอวี๋หวั่นเปลี่ยนเป็นสีแดง จ้องเขม็งไปที่เขาอย่างโกรธเคือง ไหล่ของเขาไหวเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังหัวเราะอยู่
……………………………
[1] เออเจียว เป็นยาจีนที่ทำจากหนังลา สรรพคุณช่วยบำรุงเลือด บรรเทาอาการประจำเดือนผิดปกติ