หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 142 อาหารยาสมุนไพรอันล้ำค่า
การแข่งขันทำอาหารระดับเทพเป็นงานทำอาหารที่ยิ่งใหญ่และหาชมได้ยาก มิใช่ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันครั้งใหญ่ได้ อย่างเช่นหอหยกขาวก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม แต่ก็มีผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันนี้และแม่นางตู้เป็นหนึ่งในแม่ครัวมีชื่อเสียงที่ได้รับเชิญ
นางไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแทนร้านอาหารใดๆ เพียงแค่เข้าร่วมการแข่งขันในนามของนางเอง
“แม่นางตู้จะไปรึไม่?” เหยียนหรูอวี้กำลังสนทนากับแม่นางตู้ที่ลานกลางคฤหาสน์สกุลเหยียน นางรินชาผูเอ่อร์ที่ชงไว้แล้วให้กับแม่นางตู้หนึ่งถ้วย
แม่นางตู้ค่อยๆ วางบัตรเชิญและใบประกาศในมือลงบนโต๊ะ “ท่านอาจารย์ไปแล้ว ข้าเองก็คงต้องไปด้วย”
ดูเหมือนอาจารย์ที่นางพูดถึงจะเป็นพ่อครัวเทพเป้าที่ถูกจ้างโดยหอเทียนเซียงในราคาสูง ฟังจากน้ำเสียงของนางแล้ว คงเป็นอาจารย์ที่นางให้ความเคารพมาก
เหยียนหรูอวี้ไม่อาจถามแม่นางตู้ได้ว่าจะเอาชนะอาจารย์ของตนได้หรือไม่
“คุณหนูมีอะไรจะพูดรึเจ้าคะ?” แม่นางตู้สังเกตเห็นความลังเลของเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าพ่อครัวเทพผู้นั้นเก่งในเรื่องอาหารสมุนไพร แต่ข้าก็สงสัยว่ามันจะดีกว่ายาอายุวัฒนะตามที่คนเล่าลือกันจริงรึ?”
แม่นางตู้ส่ายหัว “ยาอายุวัฒนะมีที่ไหนในใต้หล้านี้กันเล่า? แต่เรื่องอาหารสมุนไพรของท่านอาจารย์ที่มีผลในการยืดอายุเป็นเรื่องจริง ข้าเป็นศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด แต่เสียดายที่ข้าได้ลิ้มลองไปเพียงไม่กี่ครั้ง”
“ทำไมเล่า?” เหยียนหรูอวี้ถามด้วยความสงสัย
แม่นางตู้ถอนหายใจเบาๆ “สูตรอาหารยาสมุนไพรที่เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาได้หายไปแล้ว”
ตอนนั้นสูตรอาหารอยู่ในมือของนางเป้า หลังจากที่นางเป้าคลอดบุตร สูตรอาหารและบุตรชายที่เพิ่งเกิดก็หายไปพร้อมกัน ตั้งแต่นั้นมาพ่อครัวเทพเป้าก็มิได้ทำอาหารยาสมุนไพรง่ายๆ อีก
มิใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ไม่อยากเจ็บปวดจากเหตุการณ์ตอนนั้นต่างหาก
“คุณหนูถามเพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ?” แม่นางตู้มองไปยังเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดตามความจริง “ข้าอยากขอให้พ่อครัวเทพเป้าทำอาหารยาสมุนไพร”
“จะเอาไปให้คุณชายเยี่ยนรึเจ้าคะ?” แม่นางตู้ถาม
เหยียนหรูอวี้หน้าแดงเล็กน้อย “อื้ม”
“เขา…” แม่นางตู้อยากจะบอกว่าเขาดูไม่เหมือนคนป่วย หากสมองมีปัญหา อาหารยาสมุนไพรก็มิสามารถรักษาได้ แต่เมื่อนางคิดดูแล้ว อาจารย์ของนางก็มีชื่อเสียงมาก คนจำนวนมากต่างดิ้นรนเพียงเพื่อขออาหารยาสมุนไพรสักถ้วย มันต้องทำให้คุณชายเยี่ยนและพระชายาพึงพอใจได้เป็นแน่
แม่นางตู้พยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าจะไปคุยกับเขาให้”
เหยียนหรูอวี้เอ่ยด้วยความปีติยินดี “แม่นางตู้เป็นศิษย์ที่พ่อครัวเทพเป้าภาคภูมิใจที่สุด หากเจ้าพูดไป เขาต้องตอบตกลงเป็นแน่”
แม่นางตู้รู้สึกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แม้ว่าอาจารย์จะมีนิสัยแปลกๆ แต่เขาก็รักนางเสมอ เขายังบอกอีกว่า หากบุตรชายของเขาไม่หายไป เขาจะให้แต่งงานกับนาง และถ่ายทอดวิชาทั้งหมดในชีวิตให้แก่นาง เพียงแค่อาหารยาสมุนไพรชามเดียว คิดว่าอาจารย์ก็คงไม่ตระหนี่
แม่นางตู้จิบชาพลางคิดอะไรบางอย่างและพึมพำกับตัวเอง “มิรู้ว่าการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ ข้าจะได้พบกับเด็กสาวตัวน้อยจากการแข่งขันคราก่อนไหมนะ?”
คราก่อนรึ? เหยียนหรูอวี้หยุดชะงัก “แม่นางตู้หมายถึงคนแซ่อวี๋ที่ทำเต้าหู้เหม็นในงานเลี้ยงสกุลเว่ยรึ?”
“นางนั่นละ” ไม่ใช่ว่าแม่นางตู้ตั้งใจจะจดจำนาง แต่เต้าหู้เหม็นที่นางทำต่างหากที่ประทับใจไม่รู้ลืม
เหยียนหรูอวี้ไม่เคยกินเต้าหู้เหม็นของอวี๋หวั่น แต่เหยียนหรูอวี้ก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่ออวี๋หวั่น ไม่ต้องพูดถึงสิ่งดีๆ ที่ถูกนางทำลายเสมอ ท่าทางที่ดูหัวรั้นไม่ยอมใครทั้งที่ตัวเองก็เป็นแค่สาวชาวบ้าน วางมาดยิ่งใหญ่เสียกว่าบุตรสาวแม่ทัพเสียอีก
เหยียนหรูอวี้ระงับความรู้สึกรังเกียจในใจและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “นางมีคุณสมบัติอะไรรึ? การแข่งขันใหญ่มิใช่ที่ที่แมวหรือสุนัขตัวไหนไปร่วมได้ แม่นางตู้เป็นศิษย์ที่พ่อครัวเทพเป้าภาคภูมิใจที่สุด แค่ให้นางถือรองเท้าของเจ้าก็ยังไม่สมควร แม่นางตู้อย่าได้สนใจนางให้เสียฐานะเลย”
แม้แต่คนอย่างพ่อครัวหยางก็ยังเอามาเทียบกับแม่นางตู้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับสาวชาวบ้าน? แต่อย่างไรแม่นางตู้ก็รู้สึกสังหรณ์เหมือนกำลังจะได้พบกับคนผู้นั้น
เมื่อเหยียนหรูอวี้เห็นว่าแม่นางตู้เงียบไป ขณะที่นางกำลังจะพูดอีกสองประโยค แม่หลินก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
“มีอะไรรึ?” เหยียนหรูอวี้ถาม
แม่หลินพูดด้วยความดีใจ “คุณหนู ฟางมามามาแล้วเจ้าค่ะ!”
…
เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในบ้านของใครบางคนนานเกินไป กว่าเขาจะกลับไปที่จวนคุณชายก็ใกล้จะห้าวันแล้ว
จวนคุณชายสว่างไสว รถม้าที่หรูหรากว่าของฮองเฮาจอดอยู่นอกประตูจวนคุณชาย
ผู้ติดตามผู้มีใบหน้างดงามเดินมาและคุกเข่าที่พื้น
เยี่ยนจิ่วเฉาก้าวลงบนหลังของเขาพลางมองไปที่รถม้าหรูหรา และเดินเข้าไปในจวนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เขาเดินไปที่สวนและมิได้แปลกใจที่เห็นซั่งกวนเยี่ยนเดินอยู่ตรงทางเดิน
ซั่งกวนเยี่ยนเดินอยู่ที่นี่เกือบตลอดทั้งคืนแล้ว องครักษ์ที่ส่งออกไปก็มิกลับมาแม้แต่ผู้เดียว ขณะที่กังวลว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ร่างของเยี่ยนจิ่วเฉาก็เดินมาอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของซั่งกวนเยี่ยนก็ผ่อนคลายลง นางเดินลงไปตามขั้นบันไดพลางกล่าวว่า “เจ้าไปไหนมา?”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ตอบคำถามของนาง แต่กลับพูดอย่างไม่แยแส “ทำไมรึ? กลัวว่าข้าจะตายหรือ?”
ซั่งกวนเยี่ยนสะอึก
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินขึ้นบันไดผ่านไหล่ของซั่งกวนเยี่ยน แต่แทนที่จะเข้าไปในห้องของตนเอง เขากลับเดินไปยังห้องข้างๆ
ซั่งกวนเยี่ยนมองด้านหลังของเขาและเอ่ยว่า “มิต้องหาหรอก ข้าพาเด็กๆ ไปแล้ว”
มือที่กำลังผลักประตูของเยี่ยนจิ่วเฉาชะงัก
ซั่งกวนเยี่ยนบีบผ้าคลุมในมือของนางแน่นและพูดด้วยสายตาอันซับซ้อน “รออีกสองสามวัน เมื่อเจ้ารู้สึกดีขึ้น ข้าจะพาเด็กๆ กลับมา”
เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้วและหันตัวกลับไป เขามองนางอย่างไม่พอใจ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง และสายตาของเขากลับมองไปที่ผ้าคลุมตรงคอของนาง
แม้ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อน รอบคอของนางก็ยังพันด้วยผ้าแพรหลากหลายรูปแบบ งดงามและสีสันสดใส ซึ่งคราหนึ่งสตรีในเมืองหลวงนิยมใส่ตามๆ กัน
คืนนี้นางรู้สึกกระวนกระวาย ผ้าแพรจึงหลุดออกเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่น่ากลัว
แผลเป็นนี้เกิดขึ้นตอนที่เยี่ยนจิ่วเฉาอาละวาดครั้งหนึ่ง แม้แต่มารดาแท้ๆ ก็เกือบถูกเขาบีบคอตาย เขาที่เป็นบุตรชายของนางเอง…
มือของเยี่ยนจิ่วเฉาที่จะผลักประตูกลายเป็นกำปั้นที่ค่อยๆ วางลง จากนั้นเขาก็หันตัวกลับไปยังห้องของตนเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ซั่งกวนเยี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ผู้ดูแลวั่น” ซั่งกวนเยี่ยนสั่ง “เจ้าช่วยไปทำความสะอาดที ข้าจะอยู่ที่จวนคุณชายสักวันสองวัน”
ลุงวั่นอยากจะบอกกล่าว คุณชายไม่ต้องการให้ท่านดูเขาหรอก ครานี้เขาดีมาก มิได้อาละวาด มิได้ทำร้ายใครหรือตัวเอง
แต่เมื่อคำพูดนั้นมาถึงริมฝีปากของเขา ก็พลันเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของซั่งกวนเยี่ยน จากนั้นคำพูดก็ถูกกลืนกลับลงไปอย่างเงียบๆ
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดเตรียมห้องให้พระชายา”
…………………………………