หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 60 รักบุตรสาวยิ่งชีพ
ก๊อกๆๆ
ยามสี่ ป้าจางได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ
“ใครหรือ” ป้าจางถามอย่างงัวเงีย
“ข้าเอง เสี่ยวเจียง”
น้ำเสียงอ่อนหวานประหนึ่งเสียงสายธาร ฟังแล้วชุ่มชื่นหัวใจดุจสายฝนเหนือแผ่นดินฉางเจียง
ป้าจางรุดรีบมาเปิดประตู เห็นนางเจียงสวมเสื้อคลุมมอซอยืนอยู่ ใบหน้างดงามดุจเทพเซียน ในตอนที่นางเจียงเข้ามาในหมู่บ้าน ป้าจางก็เป็นสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ สิบแปดปีผ่านไป ป้าจางมิได้อ่อนวัยลง แต่นางเจียงยังคงใบหน้าเหมือนกับครั้นแรกพบเอาไว้
ป้าจางเอ่ยถามอย่างมิได้คาดคิด “เสี่ยวเจียงมาทำอะไรหรือ มีเรื่องอะไรหรือไม่?”
นางเจียงตอบเสียงเบา “พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่จะเตรียมอาหารสำหรับคืนส่งท้ายปี ข้าต้องไปช่วย อาหวั่นกับเถี่ยตั้นยังหลับอยู่ เมื่อคืนอาหวั่นคล้ายจะถูกลมหนาวจนไม่สบาย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ข้ายังไม่วางใจ รบกวนท่านพี่จางช่วยไปดูให้สักหน่อยได้หรือไม่? ข้ารู้ว่ายังเช้าอยู่ ลำบากท่านพี่จางแล้ว แต่ข้าไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว”
ป้าจางกล่าวด้วยความร่าเริง “จะเป็นไรไป ประเดี๋ยวข้าไปดูให้เจ้าเอง!”
นางเจียงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณท่านพี่จาง”
……
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
ผู้ใหญ่บ้านถูกป้าใหญ่เรียกจนตื่น
ในหมู่บ้าน ป้าไป๋ขึ้นชื่อเรื่องเสียงที่ดัง เส้นเสียงที่ดีของนาง ต่อให้อยู่ในตัวตำบล ก็ยังสามารถได้ยินเสียงแว่วๆ ของนาง
นางอาศัยอยู่ข้างบ้านของผู้ใหญ่บ้าน สามีของนางเป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งมารดาของผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาไม่สนิทกันแม้แต่น้อย นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นญาติห่างกันเกินห้ารุ่นหรือไม่ ทว่าพวกเขากลับมาอาศัยอยู่ใกล้กัน เมื่อไปมาหาสู่กันบ่อยเข้า ก็กลายเป็นสนิทกันยิ่งกว่าญาติคนอื่นๆ
เมื่อเกิดเรื่องขึ้น นางจะเป็นคนแรกที่วิ่งมาหาผู้ใหญ่บ้าน
เพียงแต่ว่า ตอนนี้ออกจะเช้าเกินไปสักหน่อย คนในครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านล้วนกำลังหลับไหล
ผู้ใหญ่บ้านขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ดันภรรยาซึ่งอยู่ข้างกาย กล่าวว่า “ไปดูหน่อยสิ เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าไม่ไป” นางเฉินน้อยซุกผ้าห่มแล้วพลิกตัวหันไป
พี่สะใภ้ของผู้ใหญ่บ้านก็เป็นคนสกุลเฉิน คนในหมู่บ้านจึงเรียกนางว่า ‘นางเฉินใหญ่’ และเรียกภรรยาของเขาว่า ‘นางเฉินน้อย’ ครอบครัวพี่ชายของผู้ใหญ่บ้านย้ายไปที่เมืองอื่นแล้ว แต่คำที่ใช้เรียกภรรยาของผู็ใหญ่บ้านหาได้เปลี่ยนไม่
“เจ้านี่เกียจคร้านเสียจริง!”
ผู้ใหญ่บ้านเรียกนางเฉินน้อย แต่นางไม่ขยับ เขาจึงทำได้เพียงลุกขึ้นสวมเสื้อ
เสียงดังประหนึ่งหมูถูกฆ่าของป้าไป๋ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ตบประตูไปด้วย ผู้ใหญ่บ้านนึกสงสัยขึ้นมาว่า ประตูบ้านเขากำลังจะถูกญาติห่างๆ ผู้นี้ตบจนพังหรือไม่
“มาแล้วๆ เช้าเพียงนี้ เจ้ามาโหวกเหวกอะไรกัน?” ผู้ใหญ้บ้านจับกลอนประตูเย็นเฉียบ นิ้วมือถูกความหนาวกัดจนเจ็บ
ป้าไป๋ได้ยินเสียงกลอนประตู ก็ไม่รีรอให้ผู้ใหญ่บ้านเปิดประตู นางเปิดประตูเข้าไปเอง
โชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านหลบทัน ไม่เช่นนั้นคงจะชนกับประตูเข้าเต็มๆ
ผู้ใหญ่บ้านถลึงตาใส่นาง “เจ้า!”
ป้าไป๋พูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “เดี๋ยวๆๆ…ข้ามีเรื่องจริงๆ แม่ของจ้าวเหิงน่ะ…เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“แม่เขาทำไม?” เมื่อได้ยินว่าจ้าวเหิง ผู้ใหญ่บ้านก็มีสีหน้าสนอกสนใจขึ้นมา
ป้าไป๋ตอบว่า “นาง…นางตกบ่อน้ำ! เจ้ารีบไปดูหน่อยเถอะ!”
ใกล้สิ้นปี แต่มีคนตกบ่อน้ำ แย่เสียยิ่งกระไร
ผู้ใหญ่บ้านมิได้กล่าวโทษป้าไป๋แต่อย่างใด เขามุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำพร้อมกับนาง
บ่อน้ำนี้เก่าแล้ว ทว่ายังไม่แห้ง ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ยังมาตักน้ำจากบ่อนี้อยู่เป็นนิจ ป้าไป๋เองก็เป็นหนึ่งในคนที่มักมาตักน้ำในบ่อแต่เช้าตรู่ เมื่อโยนถังลงไป ก็ได้ยินเสียงกระแทก คล้ายกับว่ากระป๋องชนเข้ากับของบางอย่าง นางจึงชะโงกหน้าไปมอง และเห็นร่างร่างหนึ่งจมอยู่ในน้ำเกือบครึ่งตัว…
นางนึกว่าตนเห็นพรายน้ำ จึงตกใจกลัวจนล้มก้นจ้ำเบ้า
แต่เมื่อลองพิจารณาดูดีๆ นางก็จำได้ว่าเป็นนางจ้าว
เมื่อผู้ใหญ่บ้านรุดมาถึงบ่อน้ำ นางจ้าวก็ถูกซวนจื่อและบุรุษในหมู่บ้านอีกจำนวนหนึ่งช่วยขึ้นมาจากบ่อน้ำเรียบร้อยแล้ว
นางเจียงหนาวจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าของนางซีดขาว ปลายผมมีเกล็ดน้ำแข็ง หากนางไม่ชักอยู่บ่อย ชาวบ้านคงคิดว่านางลาโลกไปเสียแล้ว
“ขาของนางหักแล้ว” นายพรานคนหนึ่งในหมู่บ้านพูด
“แขนก็เหมือนจะหักเช่นกัน” บิดาของซวนจื่อกระซิบ
“เหตุใดไม่กระโดดลงไปให้ดีๆ นะ” ซวนจื่อบ่นอุบ หากเป็นเขากระโดดละก็…จะบ้ารึ! เขาจะไปกระโดดบ่อน้ำทำไมกัน!
ชาวบ้านต่างคิดว่านางแขนขาหักเมื่อกระโดดลงไปในบ่อน้ำ มิเช่นนั้น จะให้คนมาหักแขนขานางหรือ ใครจะไปทำได้ถึงเพียงนั้น!
คนทั้งหมู่บ้านต่างถูกเสียงของป้าไป๋ทำให้ตกใจ ไม่มีผู้ใดคิดว่าจะเห็นอะไรเช่นนี้แต่เช้าตรู่
“บาปกรรมแท้ๆ” ป้าไป๋พูด
“ท่านแม่!”
จ้าวเหิงกระวีกระวาดเข้ามา ผู้ที่ตามหลังเขามาก็คือจ้าวเป่าเม่ย นางใส่เสื้อคลุมกลับตะเข็บ
เมื่อจ้าวเป่าเม่ยเห็นร่างแข็งทื่อดุจซากศพของนางจ้าว นางก็ร้องไห้โฮออกมา!
จ้าวเหิงนั่งยองลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง “ท่านแม่! ทะ…ท่านแม่!”
ป้าไป๋พูดด้วยความร้อนใจว่า “ไอ้หยา อย่านิ่งกันแบบนั้นสิ! รีบถอดเสื้อผ้าฝ้ายออกมาห่มให้นาง! กลับบ้านไปต้มน้ำให้นางอาบ!”
จ้าวเหิงทำตามที่นางบอก เขาถอดเสื้อคลุมออกมา แล้วคลุมให้นางจ้าว
บิดาของซวนจื่อและบุรุษฉกรรจ์ไปหาบานประตูมาแบกนางจ้าวซึ่งหายใจโรยรินกลับไป
สตรีในหมู่บ้านต่างก็มาช่วยต้มน้ำให้นาง
จ้าวเป่าเม่ยร้องไห้โยเย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
นางเฉินรีบตามมาช่วยสตรีคนอื่นๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางจ้าว
ผู้ใหญ่บ้านถามพี่น้องสกุลจ้าว ว่าเหตุใดนางจ้าวจึงกระโดดบ่อน้ำ
จ้าวเหิงรู้สึกสับสน “ท่านแม่ข้าเมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย…”
แม้ว่านางจ้าวจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เมื่อลูกชายกลับบ้าน นางก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นทันที ด้านหนึ่งก็พร่ำบ่น แต่อีกด้านหนึ่งก็กระปรี้กระเปร่าเสียยิ่งกว่าผู้ใด สภาพเช่นนี้ จะให้นางอยู่ไปอีกร้อยแปดสิบปีก็ย่อมได้!
คิดไม่ออกว่าเหตุใดจู่ๆ ถึง…กระโดดบ่อน้ำเสียแล้ว
จ้าวเป่าเม่ยเป็นผู้รู้เหตุการณ์แต่เพียงผู้เดียว
หลังจากจ้าวเป่าเม่ยบอกเรื่องที่อวี๋หวั่นเคยอยู่ในหอคณิกา นางจ้าวก็จะนำเรื่องฉาวนี้ไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ นางอยากให้นางแพศยานั่นถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ อยากให้มันตาย!
ดังนั้นท่านแม่ของนางจึงไปยังทางเข้าหมู่บ้าน มิใช่เพื่อกระโดดบ่อน้ำ หากแต่จะไปตีระฆัง
แต่ว่า…ตกลงไปบ่อน้ำได้อย่างไรกัน?
ท่านแม่ของนางไม่ใช่คนประมาทเลินเล่อขนาดนั้นสักหน่อย…
ขณะที่จ้าวเป่าเม่ยกำลังขบคิดอย่างหนัก นางเจียงและอวี๋หวั่นก็มาหาที่บ้านพอดี
เมื่อก่อนชีวิตของสองแม่ลูกลำบากยากเข็ญ ตัวซีดผอมโซ บัดนี้ชีวิตของพวกนางดีขึ้น ใบหน้าอวบอิ่มมีน้ำมีนวล แก้มแดงระเรื่อ ใครเห็นต่างก็รู้สึกสบายตา
แน่นอนว่านางเจียงก็ยังคงดูป่วยประเสาะกระแสะ
อวี๋หวั่นคล้องแขนนางเจียง ราวกับว่ากลัวนางจะเป็นลมล้มพับไป
“ได้ยินว่าท่านพี่จ้าวเกิดเรื่อง น่าเศร้ายิ่งนัก” นางเจียงถือผ้าเช็ดหน้า กล่าวด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ “เป็นเรื่องยากที่จะปล่อยวางความเคืองแค้น และมาหานางถึงที่นี่”
“เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” นางเจียงพูดอย่างไร้เดียงสา
ผู้ใหญ่บ้านปวดหัวหนึบ “ได้ยินจ้าวเป่าเม่ยบอกว่า แม่นางออกจากบ้านตั้งแต่เช้า…เอ ยังดีอยู่นี่นา ไฉนจึงไปกระโดดบ่อน้ำได้เล่า?”
นั่นสิ คนที่รักตัวกลัวตายอย่างนาง จะกระโดดบ่อน้ำได้อย่างไรกัน
อวี๋หวั่นเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับความสงสัย จังหวะนั้นเอง จ้าวเป่าเม่ยก็ถือกะละมังผ้าเปียกออกมา สบตากับอวี๋หวั่นเข้า
สมองของจ้าวเป่าเม่ยพลันโลดแล่นขึ้นมา นางชี้นิ้วไปทางอวี๋หวั่น “นาง! นางทำร้ายท่านแม่ข้า! นางผลักท่านแม่ข้าตกบ่อน้ำ!”
……………………………………….