หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 81 ภารกิจใหม่
แม่ทัพเซียวถูกทัพใหญ่ของซยงหนูมาบีบมาจนถึงตรงนี้ ชาวซยงหนูยิงเกาทัณฑ์มาระรอกหนึ่ง หากโชคดีก็จะยิงโดน หากยิงไม่โดน ก็ยังพอจะบีบพวกเขาได้หรือหาร่องรอยได้มากขึ้น หากโชคไม่ดีก็จะยิงไม่โดนผู้ใดเลย ส่วนใหญ่มักเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ทว่าบัดนี้พวกเขาได้ครอบครองเสบียงของทัพใหญ่ซีเป่ยเอาไว้แล้ว มิต้องกังวลเรื่องอาวุธหรืออาหาร เมื่อไม่มีอะไรทำก็ออกมายิงเกาทัณฑ์ แม้ว่าในสิบครั้งที่ยิง พวกเขาจะยิงโดนเพียงครั้งเดียว ก็ยังนับว่าพวกเขาได้จัดการทหารที่แตกกระสานซ่านเซ็นของกองทัพซีเป่ยได้เกือบหมดแล้ว
แม่ทัพเซียวได้รับบาดเจ็บสาหัส ทหารคู่ใจนายหนึ่งแบกเขาไว้
เมื่อทั้งคู่เห็นต้าหนิว ก็นึกว่าเป็นทหารชาวซยงหนูที่ตามไล่ลาพวกเขามา โชคดีเหลือเกินที่สามารถบอกรหัสลับได้ทัน จึงมิได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ถ้ำที่อวี๋เซ่าชิงและคนอื่นๆ หลบอยู่ในตอนนี้นับว่าใหญ่มากพอ ด้านในมีหินขนาดมหึมาหลายก้อนแบ่งถ้ำเป็นสองฝั่ง เดิมทีอวี๋เซ่าชิงและทหารยามอย่างโก๋วจื่ออาศัยอยู่ด้านซ้ายของถ้ำซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ส่วนอู๋ซันและทหารที่เหลือพำนักอยู่ในถ้ำด้านขวา บัดนี้โก๋วจื่อได้รับบาดเจ็บ และย้ายไปอยู่ในส่วนพักฟื้นทหารบาดเจ็บในถ้ำฝั่งใหญ่ ถ้ำฝั่งเล็กจึงเหลืออวี๋เซ่าชิงเพียงคนเดียว
ถูกต้องแล้ว ก่อนที่โก๋วจื่อจะมา อวี๋เซ่าชิงอยู่กับทหารอีกนายหนึ่ง เขาก็คือทหารนายที่ถูกศรเกาทัณฑ์ยิงเข้า และจากไปในวันที่สี่ของปีนั่นเอง
แม่ทัพเซียวถูกแบกเข้ามาในถ้ำฝั่งเล็กของอวี๋เซ่าชิง
ในถ้ำไม่มีเตียงนอน มีเพียงเสื้อผ้าฝ้ายซึ่งถูกถอดมาจากผู้เสียชีวิต
แม่ทัพเซียวนอนอยู่บนเสื้อผ้าฝ้าย เขาเสียเลือดไปมากเหลือเกิน ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากแห้งแตก หนวดเครายาว ผมเผ้ารุงรัง ชุดเกราะก็ยังแตกอีกด้วย
“พวกเจ้าไม่ได้กินอะไรมานานเท่าไรแล้ว” อวี๋เซ่าชิงเอ่ยถามผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเซียว
อวี๋เซ่าชิงจำเขาได้ เขาแซ่โจว มีนามว่าไหว อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ติดตามแม่ทัพเจียงมาสองปี มิได้ไขว่คว้าตำแหน่งสูงอันใดให้ตนเอง ซื่อสัตย์ต่อแม่ทัพเซียวมาโดยตลอด
โจวไหวได้กลิ่นน้ำแกงเนื้อหอมอบอวล ก็กลืนน้ำลาย และกล่าวว่า “สามวันแล้ว”
อวี๋เซ่าชิงจึงกล่าวกับอู๋ซันว่า “เจ้าไปเอาแผ่นแป้งมาต้มเป็นน้ำแกงร้อนๆ ต้มนานสักหน่อย ไม่ต้องใส่อะไร”
“ได้!” อู่ซันรีบร้อนออกไป
แม่ทัพเซียวได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่ได้สติ อวี๋เซ่าชิงจึงเอ่ยถามโจวไหวต่อ “มีเพียงเจ้ากับท่านแม่ทัพหรือ?”
โจวไหวนั่งคุกเข้าอยู่ด้านข้างแม่ทัพเซียว กำหมัดแน่นพลางตอบว่า “พวกเขา…ถูกเกาทัณฑ์ยิง”
เหล่าทหารบ้างก็ตายในสนามรบ บ้างก็ถูกทหารซยงหนูสังหาร บางก็ได้รับบาดเจ็บแต่กลับไม่ใช้ยาของแม่ทัพเซียว ได้แต่รอคอยความตาย ยังมีทหารที่ถูกหิมะกัดและอดตาย โจวไหวหมดปัญญาจะนับต่อแล้ว
“ในถ้ำที่พวกข้าอยู่ในวันนี้มีอีกสองคน ทว่ามิสามารถหนีออกมาได้…ศรธนูนั้น…ศรธนูนั้นมีมากเหลือเกิน””
โจวไหวพูดไป ขอบตาก็แดงก่ำ
เห็นได้ชัดว่าการไปช่วยชีวิตผู้ใดในตอนนี้มิใช่เรื่องที่ฉลาดนัก อวี๋เซ่าชิงสั่งการให้ต้าหนิวและพลทหารอีกสองสามนาย ให้รอจนชาวซยงหนูกลับไป แล้วค่อยไปยังถ้ำที่แม่ทัพเซียวเคยอยู่อีกครั้งหนึ่ง
อันที่จริง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้รอดชีวิต ทว่าอย่างน้อยก็ยังสามารถนำศพกลับมาฝังได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพบร่องรอยของแม่ทัพเซียวหรืออย่างไร ในครั้งนี้ทหารชาวซยงหนูจึงใช้เวลาสำรวจนานกว่าเดิม โชคดีที่พวกเขามิได้มาสำรวจยังถ้ำของอวี๋เซ่าชิง ชาวซยงหนูไม่พบอะไร พวกเขาดูคล้ายกับจะผิดหวังเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงเดินสบถลงเขาไป
“พี่ต้าหนิว พวกเขาหาสิ่งใดอยู่กันแน่” พลทหารใหม่ที่พวกเขาไปพบระหว่างทางกระซิบถามต้าหนิว
ทั้งสองเข้ากองทัพมาพร้อมกัน แต่เป็นเพราะต้าหนิวติดตามอวี๋เซ่าชิงมาก่อน บัดนี้ฐานะของพวกเขาจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปในความคิดของทุกคน
ต้าหนิวเอ่ยตอบ “ไม่รู้ แต่ว่าหัวหน้ากองร้อยบอกว่า ชาวซยงหนูลงแรงมหาศาล เกรงว่าใครบางคนในหมู่พวกเราคงมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ”
พลทหารใหม่เข้าใจในทันที “มิน่าถึงไม่ยอมให้พวกเราตายไปเอง”
ต้าหนิวกล่าวต่อว่า “พอๆ พวกเขาลงเขาไปแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
ที่อวี๋เซ่าชิงแต่งตั้งให้ต้าหนิวเป็นหน่วยสอดแนม ย่อมมิใช่เพราะเขาเลือกที่จะติดตามอวี๋เซ่าชิงในยามที่ถูกเหยียนฉงหมิงบีบคั้น หากแต่เป็นเพราะเขามีความสามารถในการสอดแนมและสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้เหนือกว่าผู้อื่น
เมื่อต้าหนิวแบกศพของทหารที่มิได้ถูกยิง แต่ถูกสังหารด้วยคมมีดของชาวซยงหนูนั้น แม่ทัพเซียวก็ฟื้นขึ้น
อวี๋เซ่าชิงรีบให้อู๋ซันไปยกน้ำแกงเหนียวๆ ซึ่งต้มจากแผ่นแป้งมา “ท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพเซียวส่ายหน้าน้อยๆ แล้วยกมือขึ้น บอกเป็นนัยให้อวี๋เซ่าชิงพยุงเขาขึ้นมา
อวี๋เซ่าชิงพยุงเขาขึ้นมานั่งพิงกับผนังถ้ำอันเย็นเยือก
“โจวไหวเล่า?” แม่ทัพเซียวเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง
“อยู่ตรงนั้น” อวี๋เซ่าชิงชี้ไปยังอีกข้างหนึ่งของแม่ทัพเซียว
โจวไหวเหนื่อยล้าเต็มที เมื่อกินน้ำแกงเหนียวๆ เรียบร้อยก็ล้มตัวนอนกับพื้น เขาปฏิเสธที่จะไปอยู่ในถ้ำฝั่งใหญ่ และยอมนอนคุดคู้อยู่ข้างเท้าของแม่ทัพเซียว
ในอ้อมกอดของเขามีกระบี่หนึ่งเล่ม
แม่ทัพเซียวยิ้มอย่างขมขื่น “เขาไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”
อู๋ซันเดินถือห่อผ้ามา “โจวไหวบอกว่า หากท่านแม่ทัพฟื้นแล้ว อย่าลืมเปลี่ยนยาเป็นอันขาด ข้าจะเปลี่ยนยาให้ท่านเอง”
แม่ทัพเซียวส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่ต้องแล้ว เจ้านำยาไปให้เหล่าทหารเถิด”
อู๋ซันลังเลใจ “แต่ว่า…”
“นี่เป็นคำสั่ง” แม่ทัพเซียวแม้จะอ่อนแรง แต่กลับกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาด
อู่ซันมองไปยังอวี๋เซ่าชิง อวี๋เซ่าชิงพยักหน้า เขาจึงถือยาเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง
โก๋วจื่อเพิ่งถูกดึงศรธนูออกมาจากขา เสี่ยวอวี๋ก็กำลังจะถูกตัดขา…ไม่ว่าใครก็ล้วนต้องการยารักษา
ต้องขออภัยที่เขามิได้มีความตระหนักรู้เหมือนกับผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเซียวเหล่านั้น ที่จะยอมตาย หรือยอมทนเห็นเพื่อนทหารตาย แต่ไม่ยอมใช้ยาสมุนไพรของแม่ทัพเซียว
แม่ทัพเซียวทอดสายตามองตามเงาของอู๋ซันที่เดินออกไป ใบหน้าซีดขาวของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มโล่งใจ “เจ้าสอนผู้ใต้บังคับบัญชาได้ดี เจ้าคือ…”
“อวี๋เซ่าชิง หัวหน้ากองร้อย” อวี๋เซ่าชิงตอบ
แม่ทัพเซียวตกตะลึง “ที่แท้ก็เป็นอวี๋เซ่าชิงหรือ…ข้าเคยได้ยินชื่อเจ้า”
สังหารศัตรูอย่างบ้าบิ่น ขึ้นตำแหน่งเร็วกว่าใครอื่น ผิดใจกับผู้อื่นมากเสียกว่าศัตรูที่สังหาร หากมิใช่เพราะความสามารถทางการทหารโดดเด่น คงจะถูกลากลงจากตำแหน่งไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
แม่ทัพเซียวพลันรู้สึกปีติและหัวเราะออกมา แต่มิทันได้ระวัง จึงไปกระทบกระเทือนบาดแผล เขาไอออกมาเบาๆ ด้วยกลัวว่าจะทำให้โจวไหวตื่น รีบดื่มน้ำแกงอีกหนึ่งคำ และกลั้นไอเอาไว้
อวี๋เซ่าชิงมิได้ถามว่าเขาหัวเราะเพราะเหตุใด แต่กล่าวว่า “เหตุใดท่านแม่ทัพไม่ใช้ยา”
แม่ทัพเซียวมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “ไม่จำเป็นแล้ว”
อวี๋เซ่าชิงเบนสายตาไปยังผ้าพันแผลบนหน้าท้องของแม่ทัพเซียว
“ไม่ต้องมองแล้ว โจวไหวพันไว้แน่นมาก มองไม่เห็นบาดแผล ทว่าข้างในเน่าเสียแล้ว” แม่ทัพเซียวกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ
แน่นอนว่าอวี๋เซ่าชิงรู้ว่าแม่ทัพเซียวมิได้โกหก ในตอนที่เขายังไม่ได้สติ อวี๋เซ่าชิงตรวจดูบาดแผล จึงรู้ว่าปากแผลเป็นหนองและเน่าไปนานแล้ว อาการอักเสบทำให้ร่างกายของเขาร้อนยิ่งกว่าน้ำแกงเดือดๆ เสียอีก
นับว่ามหัศจรรย์มากที่เขายังสามารถพูดคุยกับอวี๋เซ่าชิงได้อย่างมีสติครบถ้วนสมบูรณ์
หรือว่าเขาจะ…
อวี๋เซ่าชิงไม่อยากนึกถึงสี่คำนั้น
แม่ทัพเซียวไม่ยิ้มแล้ว ท่าทางของเขาเปลี่ยนในฉับพลัน ลมหายใจสั้นลง
แววตาของอวี๋เซ่าชิงสั่นระริก “ท่านแม่ทัพ!”
แม่ทัพเซียวล้วงมือซึ่งสั่นเทิ้มเข้าไปในอกเสื้อ จากนั้นอีกพักใหญ่จึงหยิบของชิ้นหนึ่งซึ่งมีขนาดประมาณนิ้วชี้ออกมา “ซยงหนู…มีสายลับอยู่ในโยวโจว…นี่เป็นรายชื่อสายลับ…”
“ท่านแม่ทัพ…”
“อวี๋เซ่าชิงจงฟังคำสั่ง”
อวี๋เซ่าชิงมีสีหน้าขึงขังขึ้นทันที
แม่ทัพเซียวใช้แรงทั้งหมดที่มีควบคุมร่างกายของตนซึ่งจะร่วงผล็อยไปเมื่อไรก็มิอาจรู้ได้ “ข้า ขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหัวหน้ากองพัน…ค่ายเฟิงหั่ว…แห่งทัพซีเป่ย ไปยังโยวโจว…นำรายชื่อนี้ส่งให้ถึงมือแม่ทัพผางเหริน…ก่อนที่ชาวซยงหนูส่งกองทัพไป!”
อวี๋เซ่าชิงรับรายชื่อมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อวี๋เซ่าชิงรับคำสั่ง!”
แม่ทัพเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอก เขานั่งพิงกำแพง กล่าวว่า “เจ้าเป็นคนเมืองหลวงกระมัง?”
อวี๋เซ่าชิงตอบ “หมู่บ้านเหลียนฮวาขอรับ อยู่ด้านล่างเมืองหลวง”
“ก็ต้องอยู่ใกล้จวนแม่ทัพสูงสุด”
แม่ทัพเซียวมองไปยังผนังถ้ำอันว่าเปล่า ราวกับกำลังมองทะลุกำแพง เพื่อหาของบางอย่างอยู่
แม่ทัพหนุ่มหัวเราะอย่างพึงพอใจ “หากเจ้ามีชีวิตรอดกลับไป อย่าลืมป่าวประกาศแทนข้า ว่าแม่ทัพสูงสุด…เซียวเหยี่ยนผู้นี้ตายอย่างมีคุณค่า…เซียวเหยี่ยนปฏิบัติภารกิจสำเร็จ!”
……………………………………………..