หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1 - บทที่ 86 จ้วงหยวนจากครอบครัวต่ำต้อย
ย่างเข้ายามราตรี จ้าวเหิงมาถึงตำบลเหลียนฮวา ร้านรวงส่วนใหญ่ต่างปิดกันไปแล้ว บนถนนว่างเปล่า มีคนเดินผ่านไปบ้างเป็นครั้งคราว
เขานั่งเกวียนของซวนจื่อมา
“ที่นี่หรือ?” ซวนจื่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อืม” จ้าวเหิงพยักหน้า มิได้ใส่ใจต่อความเย็นชาของซวนจื่อ อย่างไรเสีย เมื่อผ่านวันนี้ไป คนทั้งหมู่บ้านเหลียนฮวาก็ต้องเป็นหนี้บุญคุณเขา
เขาลงจากเกวียน แล้วเดินไปยังหน้าประตูสีชาด
จวนแห่งนี้ เขาเพิ่งมาเมื่อวันปีใหม่ ไม่คิดว่าผ่านไปไม่กี่วันก็ได้มาอีก
เขาเป็นอาจารย์ของคุณชายคนเล็ก นายอำเภอก็นับว่าเกรงอกเกรงใจเขา เรื่องแม่น้ำ เขามั่นใจว่าจะเกลี้ยกล่อมนายอำเภอได้
เพียงแต่ว่า สิ่งเดียวที่นึกไม่ถึงเลยก็คือ นายอำเภอไม่อยู่
“เอ๋? เมื่อครู่ยังเห็นนายอำเภออยู่ในลานหลังบ้านเลยนี่ เหตุใดเพียงครู่เดียวก็หายไปแล้วเล่า” บ่าวชายเกาหัว เขามึนงงไปหมด ถามคนอื่น ก็ล้วนตอบแต่ว่าไม่เห็น
“นายอำเภอ…ออกไปข้างนอกหรือ?” จ้าวเหิงเอ่ยถามด้วยความผิดหวัง
บ่าวขมวดคิ้ว “ข้าเฝ้าประตูอยู่ตลอด ไม่เห็นท่านนายอำเภอเลยขอรับ! แปลกเสียจริง หายไปไหนแล้วเล่า? ติดปีกบินไปแล้วหรืออย่างไรกัน?”
บ่าวผู้นี้มิได้เดาถูกทั้งหมด แต่เขาเดาถูกถึงแปดเก้าส่วน นายอำเภอมิได้ติดปีกบิน เขาบินหายไปแล้วต่างหาก
เดิมทีนายอำเภออยู่ในห้องหนังสือ กำลังชื่นชมของกำนัลที่หมู่บ้านซิ่งฮวาใช้ติดสินบนเขา ชื่นชมไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็รู้สึกว่าคอเสื้อหดเข้ามารัดแน่นขึ้น เขาถูกดึงขึ้นไปทั้งตัว ยังมิทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ ‘บิน’ ออกนอกหน้าต่างไปแล้ว
ลมหนาวดุจใบมีด โลกและท้องฟ้าหมุนตลบ เขารู้สึกคล้ายจะเป็นลม
ครั้นลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตนเองนอนอยู่บนเกวียนเล่มหนึ่งซึ่งมีหลังคาง่อนแง่นคลุมอยู่
สารถีรถม้าเป็นบุรุษร่างสูงสง่า
ความคิดแรกของเขาก็คือ ตนเองกำลังถูกลักพาตัว เขาลุกขึ้น มองไปยังแผ่นหลังของบุรุษผู้นั้นอย่างระแวดระวัง แล้วกล่าวเต็มเสียงว่า “โจรจากที่ใด? กล้ามาลักพาตัวข้า ยังไม่หยุดเกวียนแล้วปล่อยข้าลงอีก!”
อิ่งลิ่วมิได้สนใจเขา ทั้งเร่งเกวียนให้เร็วยิ่งขึ้นอีก
นายอำเภอรู้สึกซ้ายโขยกขวาเขยก โขยกเขยกจนเขาเวียนหัว จึงกล่าวด้วยโทสะว่า “ข้าบอกให้เจ้าหยุด เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร? รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็นถึงนายอำเภอผู้ดูแลตำบลเหลียนฮวา เป็นขุนนางระดับเจ็ด!”
อิ่งลิ่วทำสีหน้าเดียดฉันท์ ‘ข้าลอบสังหารญาติของฮ่องเต้ซึ่งเป็นขุนนางระดับหนึ่งมาแล้ว’
นายอำเภอกล่าวบริภาษไม่หยุด อิ่งลิ่วรำคาญจนหมดความอดทน จึงตีเข้าหนึ่งทีจนเขาสลบไป!
ระหว่างทาง อิ่งลิ่วเร่งความเร็วมากเกินไป หลังคาของเกวียนจึงหลุดลงมา ทำให้นายอำเภอซึ่งหมดสติไปเมื่อครู่ฟื้นขึ้นมา และถูกกระแทกจนสลบไปอีก…เป็นเช่นนี้ซ้ำๆ กระเด้งกระดอนไปมาจนเมื่อเขารู้สึกใกล้จะสลบไปอีก เกวียนก็มาถึงหมู่บ้านเหลียนฮวา
เนื่องจากเกวียนไร้สิ่งใดกำบัง ผู้ใหญ่บ้านและคนจากหมู่บ้านซิ่งฮวาจึงจดจำนายอำเภอซึ่งหนาวจนตัวสั่น และศีรษะถูกกระแทกจนตาเหลือกได้
“เป็นนายอำเภอที่ซิ่วไฉสกุลจ้าวเชิญมา!” สตรีสูงอายุคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง ฝูงชนก็ตระหนักได้ว่า นั่นมิใช่เกวียนของซวนจื่อ!
“นั่นคือ นั่นคือ…นั่นคือ บ้านนั้นที่มาใหม่” ป้าไป๋กล่าวอย่างตกละลึงพรึงเพริด
เมื่อเข้าไปในหมู่บ้าน อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันนั่งอยู่บนรถ มิได้เปิดเผยหน้าตา ป้าไป๋จดจำพวกเขาไม่ได้ แต่นางจดจำวัวเฒ่าซึ่งมีผ้าผูกอยู่บนเขาได้
“ขะ…เขาออกไปตอนไหนหรือ” ป้าไป๋เอ่ยถามอย่างงุนงง
อย่าว่าแต่ป้าไป๋ แม้แต่เกาซื่อไห่ผู้ซึ่งภาคภูมิใจในวิทยายุทธ์ของตนเองหนักหนา ก็ไม่เห็นเช่นกันว่าอีกฝ่ายนำ
เกวียนออกไปได้อย่างไร
สิ่งที่ผู้คนสงสัยยิ่งกว่าเรื่องที่เขาออกไปได้อย่างไร ก็คือเขาเชิญนายอำเภอมาได้อย่างไร
“ได้ยินว่าผู้ที่มาใหม่เป็นบุรุษ” ป้าจางกล่าว
“ต้องเป็นบัณฑิตตำแหน่งสูงเป็นแน่ สูงกว่าซิ่วไฉเสียอีก!” ป้าไป๋กล่าว
“ใครเล่า?” อันธพาลหัวไม้แห่งหมู่บ้านซิ่งฮวา เกาซื่อไห่ถึงกับขมวดคิ้ว
ในตอนนี้อวี๋หวั่นก็ยืนอยู่ในฝูงชนด้วยเช่นกัน เธอมองไปยังเกวียนซึ่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา จากนั้นก็ผงะไป…
อิ่งลิ่วบังคับเกวียนตรงไปยังประตูบ้านสกุลติง แล้วจับนายอำเภอเข้าไปในบ้าน
นายอำเภอหลังเหยียดตรงยกมือขึ้นเท้าเอว กวาดตามองร่างซึ่งถูกความมืดปกคลุมทว่ากลับดูมีพลังตั้งแต่หัวจดเท้า “เจ้าคือผู้ใด? เอ่ยนามให้ข้าฟังบัดเดี๋ยวนี้!”
ริมฝีปากบางของบุรุษผู้นั้นเผยอออกเล็กน้อย “เยี่ยนจิ่วเฉา”
นายอำเภอคุกเข่าพรวดลงทันที!
……
นายอำเภออยู่ในเรือนของสกุลติงมาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ หลังจากออกมา ปากของเขาซีดเผือด…เพราะตกใจกลัว
ใบหน้าแดงก่ำ…เพราะถูกตบ
ศีรษะเลือดออก…เพราะโขกศีรษะกับพื้น
นิ้วมือบวมเป่ง…เพราะขณะที่ลุงวั่นทำความสะอาดพื้น มิทันระวัง จึงไปเหยียบเข้า
สรุปแล้ว นายอำเภอซึ่งเลิศล้ำมีสง่าราศรีก่อนหน้านี้ เมื่อออกมาแล้วกลับดูน่าเวทนายิ่งนัก
ชาวบ้านมองเขาด้วยความตะลึงงัน
เขาปัดแขนเสื้อกว้างซึ่งฉีกขาดออกเป็นสองท่อน ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว! ข้า…ไม่เคยบอกว่าจะขุดทางน้ำที่หมู่บ้านเหลียนฮวา ต้องเป็นเพราะพวกเจ้า…เข้าใจสิ่งที่ข้าบอกผิดไปเป็นแน่!”
แปลกเหลือเกิน ผู้ใหญ่บ้านก็ไปที่จวนมาแล้วมิใช่หรือ?
เช่นนั้นหนังสือราชการในมือเกาซื่อไห่เก็บมาจากกองขี้หมาหรืออย่างไร?
นายอำเภอมองไปยังเกาซื่อไห่และพรรคพวก กล่าวคล้ายกับเป็นทางการว่า “ไอ้หยา พวกเจ้าคนหมู่บ้านซิ่งฮวามาได้จังหวะพอดี ข้ากำลังจะเรียกพวกเจ้ามาคุยเรื่องขุดแม่น้ำสักหน่อย ข้าเพิ่งนึกได้ ว่าแม่น้ำเพียงสายเดียวย่อมไม่เพียงพอ หมู่บ้านซิ่งฮวาของพวกเจ้ามีขนาดใหญ่ ขุดเพิ่มอีกสักสามสี่เส้นจะเป็นไรไป!”
อะไรกัน จะขุดเพิ่มอีกสามสี่สาย? หมายความว่าหมู่บ้านซิ่งฮวาทั้งหมู่บ้านก็จะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำน่ะสิ?!
“ท่านนายอำเภอ!”
“ท่านนายอำเภอ!”
“ท่านนายอำเภอออออ”
นายอำเภอสะบัดแขนเสื้อ แล้วเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งหลบเข้าไปในกลีบเมฆ
คนจากหมู่บ้านซิ่งฮวาร้องไห้กันระงม
คนจากหมู่บ้านเหลียนฮวากลับดีใจกันถ้วนหน้า
นายอำเภอกล่าวต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้ ชาวบ้านต่างตกตะลึง แต่พวกเขาก็มิต้องกังวลว่าหมู่บ้านจะถูกขุดเป็นแม่น้ำอีกต่อไป
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง!
เรื่องนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าการมีซิ่วไฉ หรือการรักษาชีวิตวัวตัวหนึ่งเสียอีก!
ชาวบ้านต่างมิได้ลืมว่าเป็นน้ำพักน้ำแรงของผู้ใด
“ผู้ที่มาใหม่นั้นเก่งกาจยิ่งนัก ทำให้นายอำเภอพูดออกมาเอง เขาต้องมีวิชาความรู้ดียิ่งกว่าซิ่วไฉสกุลจ้าวเป็นแน่!” ชุ่ยฮวา สะใภ้ตระกูลนายพรานเอ่ยขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นถึงบัณฑิตที่จะเข้าสอบเคอจวี่เชียวนะ!” นางเฉินกล่าวเพราะคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้น
ชาวบ้านต่างร้องว่า ‘โอ้โฮ’ เป็นถึงบัณฑิตที่จะสอบเคอจวี่ มิน่าจึงสามารถทำให้นายอำเภอยอมจำนนได้
“เรื่องนี้มิได้ง่าย เขาเกลี้ยกล่อมอยู่นานหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ข้าได้ยินหมดแล้ว!” ป้าจางแสร้งว่าตนรู้เรื่อง
“ขะ…ข้าก็ได้ยิน!” ชุ่ยฮวาตามน้ำไปด้วย
หนึ่งเป็นสิบ สิบเป็นยี่สิบ ภายในคืนเดียว ทั้งหมู่บ้านก็รู้ว่าผู้มาใหม่เป็นคุณชายผู้มีวิชาความรู้สูงส่งท่านหนึ่ง เขาย้ายมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะเตรียมตัวสอบจ้วงหยวนได้อย่างเต็มที่
……………………………….