หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 159.2 ท่านพ่อ ใช่ท่านหรือไม่ (2)
อวี๋หวั่นเปิดฝากล่องออก มันคือภาพของเด็กชายตัวอ้วนๆ สามคนที่อ้วนขึ้นกว่าเดิมถึงหนึ่งรอบตัว ซั่งกวนเยี่ยนหัวเราะเบาๆ ใต้ภาพมีหยกสีม่วงเนื้อดี อวี๋หวั่นไม่รู้ว่ามันคือหยกชนิดใด รู้เพียงมันอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน เหมาะแก่การนำติดตัวเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้อวี๋หวั่นยังเก็บแตงหวานจากสวนผลไม้มาด้วย จวนสกุลเซียวไม่ขาดแคลนอาหาร ทว่าแตงของเธอหวานกว่าแตงที่ขายด้านนอกยิ่งนัก
ซิ่งจู๋นำอ่างน้ำมาแล้ว อวี๋หวั่นจึงล้างหน้าล้างตา ซั่งกวนเยี่ยนก็ให้ซิ่งจู๋นำแตงหวานไปหั่น
แม่สามีกับสะใภ้นั่งกินแตงหวานฉ่ำอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้นซั่งกวนเยี่ยนก็เอ่ยขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสวนผลไม้ในจวนคุณชายมาได้อย่างไร?”
“มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นถาม
ซั่งกวนเยี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านอ๋องเป็นคนปลูก”
“ท่านอ๋อง… ปลูกสิ่งนี้?” อวี๋หวั่นไม่เคยได้ยินเยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย อันที่จริงเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงเยี่ยนอ๋องอยู่แล้ว อวี๋หวั่นก็กลัวไปสะกิดโดนบาดแผลในใจของเขาจึงไม่คิดจะเอ่ยปากถาม
ใบหน้าของซั่งกวนเยี่ยนหวนนึกถึงความทรงจำในอดีต “จวนคุณชายเคยเป็นตำหนักขององค์ชายหก ก่อนขึ้นเป็นอ๋อง ท่านอ๋องก็อยู่ที่นั่น ยามนั้นฉงเอ๋อร์ยังเด็ก ท่านอ๋องถามเขาว่าชอบสิ่งใด เดิมทีท่านอ๋องคิดว่าบุตรชายชอบดอกไม้พืชพันธุ์ใด เขาจะปลูกดอกไม้พืชพันธุ์นั้น แต่ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อเด็กน้อยเอ่ยปากก็ล้วนเป็นของกิน ท่านอ๋องจึงเปลี่ยนสวนดอกไม้เป็นสวนผลไม้แทน”
ดูไม่ออกเลยว่าเยี่ยนจิ่วเฉาก็เคยเป็นเด็กช่างกินเหมือนกัน ตอนนี้คงไม่อาจโทษว่าความตะกละของเหล่าเด็กอ้วนเป็นความผิดของเธอได้อีกแล้ว!
อวี๋หวั่นไม่เคยพบเยี่ยนอ๋อง แต่ว่ากันว่าบิดากับบุตรมีความคล้ายคลึงกันมาก อวี๋หวั่นจินตนาการถึงภาพเยี่ยนจิ่วเฉาถือจอบขุดดิน เหงื่อออกท่วมกายราวกับตากฝน ก็น่าขำขันและดูอบอุ่นอยู่เช่นกัน
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวต่อว่า “บ่อปลานั้นท่านอ๋องก็ขุดเช่นกัน ข้าบอกว่าให้คนรับใช้ขุดก็พอ ทว่าท่านอ๋องก็ยังยืนยันจะทำเอง ฉงเอ๋อร์เกาะบิดาของเขาตลอด ไม่ว่าบิดาไปที่ใด เขาก็จะไปที่นั่น ผลสุดท้าย เขาก็ขี่คอท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็หัวเราะไปพลางขุดบ่อปลาไปพลาง”
เยี่ยนอ๋องผู้ไม่คลุกคลีกับเรื่องทางโลกจะมีท่าทางโง่เขลาเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าภรรยาและบุตรเท่านั้น ซั่งกวนเยี่ยนระลึกถึงความหลัง ริบฝีปากหยักพลันยกยิ้ม
“อะแฮ่ม!” เสียงของเซียวเจิ้นถิงดังมาจากประตู
ซั่งกวนเยี่ยนสะดุ้งก่อนจะหันกลับมามองเขา “วันนี้ท่านฝึกซ้อมเสร็จแต่เช้าเลยหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงพักผ่อนอยู่กับบ้าน ทว่าสิบปีไม่เคยห่างจาการฝึกวรยุทธ์แม้แต่วันเดียว เมื่อรู้ว่าวันนี้อวี๋หวั่นจะมา เขาจึงเริ่มฝึกให้เร็วกว่าเดิมครึ่งชั่วยาม
“แม่ทัพใหญ่เซียว” อวี๋หวั่นลุกขึ้นค้อมคำนับให้ผู้อาวุโสกว่า และใช้คำเรียกตามเยี่ยนจิ่วเฉา
เซียวเจิ้นถิงยิ้มอย่างเปิดเผย “นั่งลงเถิด”
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือไม่ อวี๋หวั่นรู้สึกว่าวันนี้แม่ทัพใหญ่เซียวดูแข็งแรงกว่าที่เคย
อวี๋หวั่นนั่งลง
เซียวเจิ้นถิงนั่งลงข้างซั่งกวนเยี่ยน ใช้ไม้จิ้มจิ้มแตงหวานขึ้นมากินหนึ่งชิ้น เขาเป็นผู้บัญชาการทหาร ไม่ชอบใช้ของน่ารักจุ๋มจิ๋มเช่นนี้ของเหล่าอิสตรี ทว่าสะใภ้อยู่ต่อหน้า เขาจำต้องไม่ทำตัวหยาบคายจนเกินไป
“หวานยิ่งนัก! ซื้อมาจากที่ใดหรือ? รสชาติดีกว่าครั้งก่อนเสียอีก”
หากไม่มีบทสนทนาก่อนหน้านี้ การตอบไปตามตรงคงไม่ใช่ปัญหา ทว่ากลับเล่าเรื่องอดีตสามีให้สะใภ้ฟังต่อหน้าและถูกเขาได้ยินเข้า แล้วยังบอกว่าผลไม้เหล่านี้เยี่ยนอ๋องเป็นคนปลูก ไม่รู้ว่าเขายังจะกินลงอยู่หรือไม่
“ข้านำมาเองเจ้าค่ะ” อวี๋หวั่นกล่าว
“เจ้าก็เลือกเป็นด้วยรึ” เซียวเจิ้นถิงจิ้มอีกสองสามชิ้น
เซียวเจิ้นถิงเป็นบุรุษ อวี๋หวั่นไม่ได้สนทนากับเขามากนัก หลังจากทั้งสองทักทายกันไม่นาน เธอก็ลุกขึ้นเดินไปเรือนของเซียวจื่อเยว่
ยามนี้ภายในห้องเหลือเพียงสามีภรรยา ซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยปากอธิบาย “เมื่อครู่…”
“คาดไม่ถึงว่าเด็กนั่นไม่ใช่หนอนหนังสือเท่านั้น แต่ยังเพาะปลูกเป็นด้วย” เซียวเจิ้นถิงลูบคางอย่างครุ่นคิด
เมื่อซั่งกวนเยี่ยนได้ยินน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความไม่พอใจของเขา จึงรีบถามด้วยความประหลาดใจ “ท่าน ท่านไม่โกรธหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบถอดเสื้อออก ซั่งกวนเยี่ยนสะดุ้งตัวโยนกับสิ่งที่เขาทำอย่างกะทันหัน คิดว่าเขาจะซี้ซั้วโอ้โลมนางกลางวันแสกๆ แต่ไหนเลยจะรู้ว่ามีชุดเกราะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าของเขา
“ท่าน…ใส่ชุดเกราะอันใดอยู่ในบ้านอากาศร้อนเช่นนี้??” แล้วยังแอบใส่ไว้ใต้เสื้อ! ไม่กลัวหายใจไม่ออกตายรึ?!
เซียวเจิ้นถิงหัวเราะฮ่าๆ “ฉงเอ๋อร์ส่งมันกลับมาให้ข้า”
ซั่งกวนเยี่ยนพูดไม่ออก นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ทว่าบุรุษผู้นี้ยังคงจมอยู่กับความสุขที่ฉงเอ๋อร์มอบชุดเกราะให้แก่เขา? กระทั่งความหึงหวงต่อนางกับอดีตสามีก็ยังไม่เก็บมาคิด?
หลิงจือพาอวี๋หวั่นกับคนรับใช้ไปที่ศาลาจื่อเวย เซียวจื่อเยว่กับบรรดาพี่น้องสตรีนั่งอยู่ในศาลา แต่สิ่งที่ทำให้อวี๋หวั่นต้องประหลาดใจคือพระชายาเฉิงอ๋องก็อยู่ที่นั่นด้วย
เมื่อเห็นความประหลาดใจในแววตาของอวี๋หวั่น เซียวจื่อเยว่จึงเดินไปจับมืออวี๋หวั่นแล้วกระซิบข้างหู “ข้า…ข้าลืมบอกท่านไป…”
ไม่ใช่นางลืมบอก ทว่านางไม่ได้ส่งจดหมายเชิญไปให้พระชายาเฉิงอ๋องด้วยซ้ำ พระชายาเฉิงอ๋องไม่ได้รับเชิญ นางเป็นพระชายาอ๋อง คนรับใช้ของจวนสกุลเซียวจึงไม่กล้าขวางนาง เซียวจื่อเยว่เองก็ไม่อาจทำตัวไม่ต้อนรับ ได้แต่เชิญเข้ามาด้วยความเกรงใจ
เซียวจื่อเยว่ได้ยินว่าพระชายาจากซยงหนูท่านนี้นิสัยไม่ค่อยดีนัก ทั้งยังไม่มีเพื่อนในเมืองหลวงแม้แต่คนเดียว นางกังวลว่าอวี๋หวั่นจะไม่มีความสุขเพราะไม่ชอบพระชายาเฉิงอ๋อง
แต่ไหนเลยอวี๋หวั่นจะไม่มีความสุข? อย่างไรเสียคนที่ถูกทุบจนเป็นหัวหมูก็ไม่ใช่เธอ
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปทักทายพระชายาเฉิงอ๋องด้วยความใจกว้าง “พระชายาอ๋อง”
“ฮึ!” พระชายาเฉิงอ๋องฮึดฮัดทำหน้าตาหงิกงอ
เมื่อเห็นพระชายาเฉิงอ๋องสะบัดหน้าใส่พี่สะใภ้ เซียวจื่อเยว่พลันรู้สึกอับอายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากรู้แต่แรกว่านางจะทำกิริยาเช่นนี้กับพี่สะใภ้ คงไม่เชิญนางเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!
อวี๋หวั่นสืบเท้าประจันหน้าพระชายาอ๋องและกระซิบเบาๆ “ยังอยากถูกตีอีกรึ?”
พระชายาเฉิงอ๋องเบิกตากว้างจ้องถมึง “เจ้ากล้า?”
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มแผ่วเบา “แม้พี่ชายเจ้าอยู่ข้าก็กล้า ยามนี้พี่ชายเจ้าไปแล้ว ยังมีสิ่งใดที่ข้าต้องกลัว”
เมื่อพระชายาเฉิงอ๋องคำนวณโอกาสที่นางจะชนะอวี๋หวั่น ก็ต้องยอมถอยด้วยความคับแค้นใจ
อวี๋หวั่นดึงข้อมือของพระชายาเฉิงอ๋องอย่างสนิทสนม
เซียวจื่อเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นทั้งสองเปลี่ยนการต่อสู้เป็นสันติภาพ ทว่าพี่สะใภ้ยังไม่เคยดึงมือนางก่อนเลย…
เด็กหญิงรู้สึกน้อยอกน้อยใจ
อวี๋หวั่นไม่รู้เลยว่าเซียวจื่อเยว่กำลังหึงเธอ เธอเดินไปทักทายพี่น้องสตรีของเซียวจื่อเยว่รอบหนึ่ง แล้วจึงนั่งลงข้างพระชายาเฉิงอ๋อง และถามไถ่ด้วยความสุภาพ “พระชายาอ๋องกับเฉิงอ๋องสบายดีหรือ?”
พระชายาเฉิงอ๋องกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “หึ! ไก่อ่อนตัวนั้นมีอะไรดี ข้าใช้แส้ทีเดียวก็ล้มลงไปนอนแล้ว!”
อวี๋หวั่นมุมปากกระตุก เฉิงอ๋องผู้น่าสงสาร คงไม่ใช่ว่าแต่งงานมานานถึงเพียงนี้แต่ยังไม่ได้ร่วมหอกับเจ้าสาวกระมัง? ต้องบอกว่าโชคดีที่องค์หญิงแห่งซยงหนูได้แต่งงานกับเฉิงอ๋องที่มีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย ไม่เช่นนั้นหากเป็นอ๋องผู้อื่น เกรงว่านางคงต้องทนทุกข์ทรมานจากนิสัยของตนเอง
ทุกคนมาถึงครบแล้ว เซียวจื่อเยว่จึงให้คนรับใช้นำชาหอมมาให้ทุกคนดื่มรอบหนึ่ง จากนั้นก็ไปที่สวนผลไม้ของจวนสกุลเซียวเพื่อเก็บองุ่น ยามนี้ยังไม่ใช่ฤดูกาลที่องุ่นชุ่มฉ่ำมากที่สุด ทว่าก็เพียงพอสำหรับการทำสุรา
“ทำสุราหรือ” พี่น้องสตรีผู้หนึ่งประหลาดใจ
เซียวจื่อเยว่ยิ้มเริงร่าพลางเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ข้าเชิญผู้ชำนาญด้านสุราในหมู่ชาวบ้านมาสอนวิธีทำสุราให้กับพวกเรา”
การนัดรวมตัวของพี่น้องสตรีส่วนใหญ่เป็นการเพลิดเพลินกับดอกไม้และทิวทัศน์ หรือการละเล่นปาลูกดอกลงเป้าและหมากล้อม ไม่เคยได้ยินเรื่องการเก็บองุ่นทำสุรามาก่อน สตรีบางส่วนอยากรู้อยากเห็น หยิบตะกร้าเดินเข้าไปในสวนผลไม้พร้อมกับเซียวจื่อเยว่
ครั้งนี้เซียวจื่อเยว่เดินข้างอวี๋หวั่น พลางจับแขนของเธอ
อวี๋หวั่นก็ปล่อยให้นางจับแขนแต่โดยดี เซียวจื่อเยว่จึงไม่ได้รู้สึกหึงหวงอีก
เซียวจื่อเยว่ถูกเซียวจื่อหลินทำร้ายจนทุกข์ทรมาน เป็นเวลาหลายวันกว่าตุ่มแดงและผดผื่นจะเลือนหายไปจากร่างกายของนาง ฮูหยินใหญ่ปิดประตูลงโทษบุตรอนุภรรยาอย่างรุนแรง และไม่ให้บุตรสาวอยู่กับนางอีก งานเลี้ยงรวมตัววันนี้จึงไม่เห็นนางอยู่ที่นี่
แต่อย่างไรจวนสกุลเซียวก็เป็นที่อยู่ของเซียวจื่อหลินด้วยเช่นกัน เซียวจื่อหลินกับเมิ่งอี๋เหนียงบังเอิญเก็บดอกไม้อยู่ในสวนใกล้ๆ เมื่อกลุ่มสตรีหลายคนเดินมา เซียวจื่อหลินก็หันไปเห็นอวี๋หวั่นที่เดินอยู่ข้างกายพี่สาวของตน
นางจับมือเมิ่งอี๋เหนียง “อี๋เหนียง นั่นไงนาง!”
“นางที่ใด?” เมิ่งอี๋เหนียงงวยงง
เซียวจื่อหลินตอบ “คนที่แย่งเสื้อผ้ากับข้าที่อวิ๋นสุ่ยเจียน และคนที่ทำร้ายท่านพี่ที่จวนเฉิงอ๋อง!”
คนที่ทำร้ายเซียวจื่อเยว่เห็นได้ชัดว่าเป็นนาง ทว่าในสายตาของเซียวจื่อหลิน คนที่นางพุ่งเป้าคืออวี๋หวั่น และต้องเป็นเพราะอวี๋หวั่นจงใจดึงพี่สาวของนางเข้ามารับเคราะห์แทน
เดิมทีฮูหยินใหญ่ไม่ชอบมารดาและบุตรสาวคู่นี้ ทว่าเห็นแก่สถานะความสัมพันธ์ของเซียวจื่อหลินกับเซียวจื่อเยว่ จึงทำให้พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดี แต่เมื่อเกิดเรื่องเซียวจื่อหลิน ‘วางแผนทำร้าย’ เซียวจื่อเยว่ ฮูหยินใหญ่ก็มีท่าทีหมางเมินในทันที
เมิ่งอี๋เหนียงนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในครึ่งเดือนที่ผ่านมา ร่องรอยความแค้นพลันฉายชัดในดวงตาทั้งสองของนาง
…………………………………………………….