หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 168.2 คนร้ายตัวจริงถูกเปิดเผย (2)
หวั่นเจาอี๋เก็บพุทรากลับมา
เซียวเจิ้นถิงมองทิศที่กลุ่มองค์หญิงจิ่วจากไป ก่อนจะเอ่ยกับหวั่นเจาอี๋ “หากพระสนมหวั่นเจาอี๋ไม่มีสิ่งใดแล้ว…”
หวั่นเจาอี๋ถอนหายใจขัดจังหวะเขา “ข้าพลัดหลงกับหญิงรับใช้หวัง รบกวนพี่ใหญ่เซียวไปส่งข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”
เซียวเจิ้นถิงมีสีหน้าตะลึงงัน
หวั่นเจาอี๋กล่าวอย่างละอายใจเล็กน้อย “ข้าได้ยินภิกษุบอกว่าด้านหลังมีสวนที่ปลูกผลไม้อยู่มากมาย แต่ไหนเลยจะรู้ว่าในสวนมีผลไม้น้อยยิ่งนัก ข้ากับหญิงรับใช้จึงเข้ามาเดินเล่นในป่า ไม่รู้ว่าพลัดหลงกันได้อย่างไร ข้าเดินหาทางกลับมาหนึ่งเค่อแล้ว ทว่าก็หาไม่พบเสียที”
ระยะทางจากตรงนี้ไปถึงสวนหลังวัดต้าเจว๋จะว่าไกลก็ไม่ไกล แต่จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ แม้ว่าจะไม่เจอกับจิ้งจอก หมาป่า เสือและเสือดำ ทว่าก็ยังมีแมลงและงูพิษมากมาย อวี๋หวั่นมีประสบการณ์และรู้วิธีหลีกเลี่ยง ทว่าหวั่นเจาอี๋ไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น
เซียวเจิ้นถิงยกมือขึ้นคำนับ “พระสนมโปรดอภัย ภรรยาและสะใภ้ของกระหม่อมอยู่ด้านหน้า กระหม่อมไม่อาจละทิ้งพวกนางได้ หากพระสนมไม่รังเกียจ โปรดไปตามหาพวกนางกับกระหม่อมสักหน่อย แล้วกระหม่อมจะไปส่งพระสนมกลับห้องพ่ะย่ะค่ะ”
หวั่นเจาอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยยิ้มและเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี”
เซียวเจิ้นถิงหันหน้าเดินไปยังทิศที่กลุ่มองค์หญิงจิ่วอยู่ ฟ้าก็ช่างไม่เป็นใจ เมื่อเดินไปได้เพียงครึ่งทางก็เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับจะแยกภูเขาออกเป็นสองส่วน หลังจากนั้นท้องฟ้าก็เปิด และเกิดฝนตกหนักซู่ลงมา
เซียวเจิ้นถิงต้องการเร่งฝีเท้า แต่ทันใดนั้นหวั่นเจาอี๋ก็ร้องออกมา ขาของนางตกลงไปในบ่อโคลน
“พระสนม!” เซียวเจิ้นถิงหยุดชะงัก
หวั่นเจาอี๋ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดหนทาง และเอ่ยด้วยความเจ็บปวด “ข้อเท้าของข้าเคล็ด”
ข้อเท้าของนางเคล็ดจริงๆ นางรู้สึกเจ็บปวดข้อเท้าขวายิ่งนัก
ฝนตกหนัก ฟ้าร้องฟ้าผ่า หวั่นเจาอี๋ก็หลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด
เซียวเจิ้นถิงคิ้วมุ่นขมวด “ท่านยืนไหวหรือไม่?”
หวั่นเจาอี๋ส่ายหัวอย่างเจ็บปวด “ข้าไม่รู้”
เซียวเจิ้นถิงมองไปรอบๆ “มีกระท่อมเล็กๆ อยู่ตรงนั้น กระหม่อมจะพยุงพระสนมไป”
หวั่นเจาอี๋พยักหน้า
เซียวเจิ้นถิงกำหมัด “กระหม่อมล่วงเกินแล้ว!”
สิ้นเสียง เขาก็ประคองร่างของหวั่นเจาอี๋ขึ้นมา
เท้าขวาของหวั่นเจาอี๋ไม่สามารถรับแรงใดๆ ได้แม้แต่น้อย คนทั้งคนเกือบต้องพิงกับแขนของเซียวเจิ้นถิง เซียวเจิ้นถิงซื่อตรง กระทั่งลมหายใจก็ไม่ติดขัดแม้แต่น้อย
หลังจากช่วยหวั่นเจาอี๋เข้าไปในกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้างได้ เซียวเจิ้นถิงก็วางตะกร้าลง “กระหม่อมจะไปตามหาภรรยาก่อน แล้วอีกครู่หนึ่งจะพาพระสนมกลับไป”
หวั่นเจาอี๋นั่งบนเก้าอี้เย็นๆ มองท้องฟ้าที่มืดสว่างสลับกัน พลางเอ่ยด้วยความวิตกกังวล “ด้านนอกฟ้าร้องฝนตกหนักอันตราย ท่านรออีกสักพักแล้วค่อยไปเถิด”
เซียวเจิ้นถิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ภรรยาและสะใภ้ของกระหม่อมยังอยู่ด้านนอก อีกทั้งองค์หญิงจิ่วก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน”
หวั่นเจาอี๋เป็นพระสนมของฮ่องเต้ ทว่าองค์หญิงจิ่วเป็นธิดา หากเทียบบรรดาศักดิ์ เจาอี๋ไม่อาจเทียบกับองค์หญิงจิ่วได้ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือในใจของบุรุษผู้นี้ มีเพียงซั่งกวนเยี่ยนและบุตรชายกับสะใภ้ของนางเท่านั้น
แววตาของหวั่นเจาอี๋หม่นลง
“หากพระสนมหิว โปรดกินพุทราประทังความหิวไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเจิ้นถิงวางตะกร้าพุทราเขียวไว้บนโต๊ะ แล้วหันตัวเดินออกไปจากประตู
ตลอดชีวิตนี้ของนาง นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของนาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางรอวันนี้มานานเพียงใด และไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมีอนาคตอีกหรือไม่…
อารมณ์นับพันฉายผ่านดวงตาของหวั่นเจาอี๋ ขณะที่เซียวเจิ้นถิงกำลังจะผลักประตูออกไป นางก็ไม่สนใจความเจ็บปวดที่เท้า พลันลุกขึ้นวิ่งเข้าโผกอดเขาจากด้านหลัง!
ร่างกายของเซียวเจิ้นถิงแข็งทื่อ
เกือบเป็นเวลาเดียวกัน ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก ทว่าเซียวเจิ้นถิงไม่ใช่ผู้ที่เปิด กลับเป็นกลุ่มของอวี๋หวั่นที่ทั้งตัวเปียกปอนเพราะเจอฝนตกหนัก จึงวิ่งกลับมาหลบฝนที่กระท่อมเล็กหลังนี้
ผู้เปิดประตูคือองค์หญิงจิ่ว
อวี๋หวั่นและซั่งกวนเยี่ยนก็วิ่งตามมาติดๆ
เซียวเจิ้นถิงร่างกายแข็งทื่อ ผลักหวั่นเจาอี๋ออกไปอย่างเย็นชา หลังจากผลักออกไป เขาจึงหันกลับมาเห็นคนที่อยู่ด้านนอกประตู ทว่าคนด้านนอกประตูกลับไม่ได้เห็นเช่นนั้น
องค์หญิงจิ่ว อวี๋หวั่น ซั่งกวนเยี่ยน และฝูหลิงที่รั้งท้าย ต่างก็เห็นหวั่นเจาอี๋กอดเซียวเจิ้นถิง
องค์หญิงจิ่วตกใจ “อา…”
อายุยังน้อยจึงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยามากนัก เป็นเพียงเรื่องแปลกใจธรรมดาเท่านั้น
ใบหน้าของซั่งกวนเยี่ยนเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
อวี๋หวั่นไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากเช่นนี้ในกระท่อมหลังเล็กๆ เธอยอมรับว่าหวั่นเจาอี๋ถูกเธอหลอกล่อออกมา ทว่าจุดประสงค์ของเธอหาใช่เพื่อจับอ้อมกอดของหวั่นเจาอี๋ที่มีต่อเซียวเจิ้นถิง เธอเพียงต้องการหาสถานที่ที่ไม่มีผู้คน และผูกร่างหวั่นเจาอี๋ไว้ได้ จะคุกคามก็ดีหรือทำให้หวาดกลัวก็ได้ เพื่อเค้นความจริงออกมา ไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างทางหวั่นเจาอี๋จะได้พบกับเซียวเจิ้นถิง เป็นเช่นนี้ก็ยังไม่อาจยับยั้งชั่งใจ?
ดูเหมือนคำพูดของหวั่นเจาอี๋ที่บอกว่านางไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับเซียวเจิ้นถิงจะเป็นเท็จ เซียวเจิ้นถิงจะมีใจให้นางหรือไม่ ไม่ต้องเอ่ยถึง ทว่านางมีใจให้เซียวเจิ้นถิงเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
“เยี่ยนเอ๋อร์ ฟังข้าอธิบายก่อน…”
“ฮึ!”
ซั่งกวนเยี่ยนเดินจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยว!
เซียวเจิ้นถิงรีบวิ่งตามไปด้วยความร้อนรน
องค์หญิงจิ่วมองหวั่นเจาอี๋ที่กำลังกระอักกระอ่วนด้วยความงุนงง จากนั้นก็มองอวี๋หวั่นที่อยู่ด้านข้าง ในใจของนางก็พลันเกิดความวิตกกังวลที่อธิบายไม่ได้ นางจึงจับมือของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นลูบหัวของนางอย่างปลอบโยน และส่งนางให้กับฝูหลิง “ไปยกฟืนมาจุดไฟผึ่งเสื้อผ้าขององค์หญิง”
“เจ้าค่ะ” ฝูหลิงพาองค์หญิงจิ่วไปที่ห้องด้านใน
ในห้องโถงเหลือเพียงอวี๋หวั่นและหวั่นเจาอี๋ สายลมพัดผ่านหวีดหวิว ผสมกับเม็ดฝนใหญ่ที่ร่วงลงมาบนพื้นห้องโถง
อวี๋หวั่นทัดผมที่เปียกไว้หลังหูอย่างลวกๆ พลางมองไปที่หวั่นเจาอี๋ผู้ซึ่งถูกเซียวเจิ้นถิงผลักลงไปที่พื้น และเอ่ยเสียงแผ่วเบา “พระสนมหวั่นเจาอี๋ ยามนี้ท่านยังอยากจะบอกว่าไม่สนิทชิดเชื้อกับแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่อีกหรือไม่?”
หวั่นเจาอี๋เมินหน้าหนีอย่างไม่แยแส
อย่างที่โบราณว่าไว้ จะจับโจรก็ต้องหาของโจร จะจับชู้ก็ต้องจับทั้งคู่ หวั่นเจาอี๋ถูกจับได้คาหนังคาเขา หากคิดดึงดันไม่ยอมรับ ก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่
กล่าวตามตรงว่าอวี๋หวั่นประหลาดใจยิ่งนัก ฮ่องเต้ไม่ดีหรืออย่างไร? แม้จะผ่านไปหลายปีก็ยังไม่อาจทำให้นางลืมบุรุษผู้นั้นได้ บุรุษผู้นั้นให้สิ่งใดแก่นางหรือ? เงินทองหรือคำมั่นสัญญา?
หรือไม่มีสิ่งใดเลย ทุกอย่างเป็นเพียงความปรารถนาของนางฝ่ายเดียว รักษาความปรารถนาเช่นนี้มานานหลายปีได้ก็พอจะเห็นถึงความเสียสติของคนผู้นี้แล้ว
คนเช่นนี้จะไปวางยาบุตรชายของศัตรู อวี๋หวั่นก็ไม่แปลกใจ
“คงเป็นท่านกระมัง?” อวี๋หวั่นกล่าว “ในงานเลี้ยงวันเกิดอายุแปดปีของเยี่ยนจิ่วเฉา ท่านเคยสมคบคิดกับคนหนานจ้าววางยาพิษเยี่ยนจิ่วเฉา”
หวั่นเจาอี๋กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใด แม้ข้าจะไม่สามารถควบคุมความรู้สึก ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำร้ายซื่อจื่อแห่งเมืองเยี่ยน”
อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างไม่เร่งรีบ “แน่นอนว่าท่านคงไม่ยอมรับ แต่หากไม่ใช่ท่านแล้วจะเป็นผู้ใด? ในวังหลังผู้ที่อยากให้เยี่ยนจิ่วเฉาตาย ก็มีเพียงสวี่เสียนเฟยกับท่าน ทว่าสวี่เสียนเฟยรู้เรื่องที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจอยู่เกินอายุยี่สิบห้า นางจึงไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใด เพียงแค่รออยู่เงียบๆ โดยที่ตนเองไม่ต้องแปดเปื้อน ทว่าต่างกับท่าน ยามนั้นเซียวเจิ้นถิงขอซั่งกวนเยี่ยนแต่งงาน หากรอต่อไป ซั่งกวนเยี่ยนก็จะเข้าพิธีผ่านประตู แต่หากบุตรชายของนางตาย ชีวิตของนางก็จะพังทลาย ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และไม่อาจแต่งงานกับเซียวเจิ้นถิง”
ดวงตาของหวั่นเจาอี๋เป็นสีแดงเลือด “พี่ใหญ่เซียวเป็นของข้ามาก่อน! ฮูหยินผู้เฒ่าได้ตอบตกลงเรื่องการแต่งงานแล้ว! หากไม่ใช่เพราะซั่งกวนเยี่ยนเข้ามาแทรก คนที่ได้แต่งงานกับเขาก็ต้องเป็นข้า!”
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มบางๆ “จริงหรือ? เช่นนั้นท่านรู้อีกหรือไม่ว่า แม่ทัพใหญ่เซียวได้ชื่นชอบซั่งกวนเยี่ยนก่อนที่ท่านจะปรากฏตัวเสียอีก? ในชีวิตนี้หากเขาไม่ได้แต่งงานกับนาง และแม้ว่านางจะตายจากไป คนผู้นั้นก็ยังไม่ใช่ท่านอยู่ดี!”
“เหลวไหล!” หวั่นเจาอี๋เอ่ยเสียงดัง
องค์หญิงจิ่วที่อยู่ในห้องตัวสั่นด้วยความตกใจ ฝูหลิงรีบปิดหูของนาง
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าเหลวไหล หรือท่านกำลังหลอกตนเองกันแน่?”
………………………………………………