หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 241 รวดเดียวจบ
อวี๋เซ่าชิงถอดชุดเกราะของนางเจียงออก ชุดเกราะหนักอึ้งถึงเพียงนี้เขาจับยังเจ็บมือ แต่เมื่อคิดว่าอาซูสวมไปแล้วจะทรมานเพียงใด อวี๋เซ่าชิงก็ปวดใจเหลือเกิน และตระหนักได้ว่าหลังจากนี้จะต้องปกป้องนางให้ดีกว่าเดิม จะไม่ให้คนชั่วมาแตะต้องนางได้อีก
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเดินช้า เมื่อเขามาถึง เหตุการณ์ก็ได้จบลงแล้ว ทว่าดูแล้วน้องสะใภ้ปลอดภัยดี นางเพียงแต่ตื่นกลัวไปบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“…” อวี๋กังเหลือบมองหน่วยกล้าตายหลายสิบคนที่นอนกองอยู่ เขาคิดในใจว่าข้าว่าท่านโล่งอกเร็วไปสักหน่อย…
เห้อเหลียนเป่ยหมิงนึกอยากถามน้องสะใภ้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ลักพาตัวนางคือใคร นางเจียงก็หลับตาแกล้งตายอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋เซ่าชิงเสียแล้ว
ด้วยข้อมูลและจินตนาการอันมีจำกัด สมองของอวี๋เซ่าชิงก็ทำได้เพียงนึกถึงสิ่งที่อาซูประสบพบเจอ อาซูนั้นไร้เดียงสา อาซูควบคุมตัวเองไม่ได้ อาซูถูกคนวางยา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นเพราะเจ้าพวกนั้นหาเรื่องใส่ตัว
อวี๋กัง “…”
เอ…จริงที่พวกนั้นหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าคนตรงหน้าเจ้าคือตัวจริง
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้…แต่ทว่า ถึงกับทำให้สตรีผอมบางไร้เรี่ยวแรงจัดการกับหน่วยกล้าตายมากถึงเพียงนั้นได้ ตะ…ต้องเป็นยาที่มีฤทธิ์ร้ายกาจเพียงใดกัน? น้องสะใภ้ไม่ร่างแหลกเหลวหรอกหรือ?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเรียกให้องครักษ์พาอวี๋เซ่าชิงและน้องสะใภ้กลับจวนเห้อเหลียน ส่วนเขา อวี๋กัง และองครักษ์อีกส่วนหนึ่งยังคงอยู่ที่ค่ายหน่วยกล้าตายเพื่อตรวจค้นต่อไป
ค่ายหน่วยกล้าตายที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ หากไม่ได้เป็นของราชวงศ์ เห็นทีคงจะมีโทษสถานหนัก
ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ใดใจกล้าถึงเพียงนี้ กล้าทำเรื่องที่มีโทษถึงประหารทิ้ง ยังกล้าทำเช่นนี้อีกหรือ?
“ไปตรวจค้น!” เห้อเหลียนเป่ยหมิงสั่ง
“ขอรับ!” อวี๋กังรับคำสั่ง แล้วนำองครักษ์ออกไปตรวจค้น
หากไม่ตามหาก็ไม่รู้ แต่เมื่อสืบสาวราวเรื่องไป กลับทำให้อวี๋กังตกตะลึง ในค่ายหน่วยกล้าตายแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงหน่วยกล้าตาย แต่ยังมีทรัพย์สินเงินทองและของมีค่าอีกมหาศาล
“ทะ ทะ ทะ ทะ…ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ!” อวี๋กังเล่าให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงฟังถึงสิ่งที่ตนเองพบ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงคาดเดาได้ทันใด ที่นี่ไม่ใช่ค่ายหน่วยกล้าตายธรรมดา หากแต่เป็นขุมกำลังสักอย่าง ด้านหนึ่งคอยอุปถัมภ์หน่วยกล้าตายจำนวนมาก อีกด้านหนึ่งก็ใช้หน่วยกล้าตายเหล่านี้ให้คอยปกป้องทรัพย์สมบัติของตนเอง
อวี๋กังตรวจสอบไปจนถึงคลังเก็บทองคำแห่งที่สาม นี่นับว่ามีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังทีเดียว ต่อให้เป็นเห้อเหลียนเป่ยหมิงผู้มีชีวิตอยู่บนทรัพย์ศฤงคารก็อดตื่นตะลึงไม่ได้
“ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ!” องครักษ์คนหนึ่งออกไปสำรวจกลับมา เขาค้นพบอะไรบางอย่าง
การสำรวจค่ายหน่วยกล้าตายแห่งนี้กินเวลาหนึ่งวันเต็มๆ ทันทีที่หลักฐานทั้งหมดถูกนำมาสำแดงเบื้องหน้าของเห้อเหลียนเป่ยหมิง สีหน้าของเขาก็พลันดูเยียบเย็นในทันที
ยามอันธการมาเยือน เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงเดินทางกลับจวน
ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้ล่วงรู้ ‘เรื่องราว’ ที่เกิดขึ้น เมื่อนางตื่นนอน อวี๋เซ่าชิงกับนางเจียง รวมไปถึงเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นก็ทยอยเดินทางกลับถึงจวน พวกเขากำลังงีบอยู่ คนหนุ่มสาวไหมเล่า กลางคืนก็คงจะเล่นสนุกกันสักหน่อย จะได้มีหลานให้นางเพิ่ม ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ปลุกพวกเขา ทว่าเล่นกับเด็กน้อยทั้งสามอย่างสนุกสนาน
เมื่อเห้อเหลียนเป่ยหมิงกลับมาถึงจวน พวกเขาทั้งสี่ก็ตื่นนอนแล้ว ไม่เพียงตื่นนอน แต่ยังเปิดการประชุมเล็กๆ กันอีกด้วย หัวข้อสำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือคนร้ายที่ลักพาตัวนางเจียงในครั้งนี้
“แปดในสิบส่วนคือทรัพย์สินของจวนตะวันตก หลายวันก่อนเขายังส่งคนมาลอบสังหารท่านลุงใหญ่ ท่านลุงใหญ่บาดเจ็บหนัก ต้องใช้เห็ดหลินจือแดงในการรักษา ตัวยาที่หาได้มาอย่างยากลำบาก ถึงถูกเจ้าแก่นั่นทำลายได้”
นี่เป็นสิ่งคำพูดของอวี๋หวั่น
นางเจียงหรี่ตา กล้ารังแกลูกเขยของนางเชียวหรือ…
“น้องสะใภ้? สภาพร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองไปยังนางเจียงซึ่ง ‘ตกใจกลัว’
นางเจียงนั่งอยู่ที่หัวเตียง จับผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับทำท่าซีซือกุมหทัย “ท่านหมอชุยตรวจและออกใบสั่งยาให้ข้าแล้ว ข้ากำลังจะกินยา ไม่เป็นอะไรมาก”
ชุยเฒ่าซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างกระแอม ยาดับร้อน ไม่เป็นอะไรแน่หรือ?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงพยักหน้า “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ลำบากท่านหมอชุยแล้ว”
ชุยเฒ่าตอบอย่างหน้าชื่นอกตรมว่า “เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ”
“ข้ามีเรื่องใคร่อยากถามน้องสะใภ้สักหน่อย ตอนที่น้องสะใภ้ถูกจับตัวไป เจ้าเห็นรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายชัดเจนหรือไม่?”
“ข้าเห็นชัดเจน!” นางเจียงตอบ “เป็นคนในจวน!”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงชะงักไป “เป็นคนในเรือนหรือ?” น้องสะใภ้เพิ่งเข้ามาอยู่ นอกจากคนในเรือนแล้ว ก็ยังไม่ได้พบคนอื่น
อวี๋หวั่น: ทะ…ท่านแม่ ท่านสร้างข้อมูลเท็จให้แนบเนียนหน่อย
นางเจียงกะพริบตาสีดำขลับ “เขาพูดเอง! เขาบอกว่านายท่านใหญ่ของเขาต้องการจับข้า ให้ข้าเชื่อฟัง ไม่เช่นนั้นเขาจะฆ่าข้า!”
น้ำชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปแทบจะพุ่งออกจากปากของอวี๋หวั่น ขะ…ข้อมูลเท็จของท่านออกจะโจ่งแจ้งไปหน่อยแล้ว
นายท่านใหญ่?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงขมวดคิ้ว ท่านพ่อของเขาเสียไปนานแล้ว ในสกุลเห้อเหลียนผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นนายท่านก็มีนายท่านใหญจวนตะวันตกเพียงคนเดียว
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองไปยังนางเจียงอีกครั้ง นางเจียงมิได้มีท่าทีหลบหลีกสายตาของเขา นัยน์ตาของนางมีความอ่อนแอ สับสน สงสัย และตื่นตระหนกระคนกันไป ความรู้สึกทั้งหมดล้วนปรากฏอย่างชัดเจน
สายตาเช่นนี้ทำให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงปักใจเชื่อ เขาหลับตาลงด้วยความลำบากใจ
ท่านอารอง เป็นท่านจริงหรือ?
นายท่านรองใหญ่แห่งจวนตะวันตกยังไม่รู้ว่าตนเองซึ่งทำร้ายผู้อื่นมาตลอด บัดนี้จะถูกผู้อื่นโต้กลับบ้าง ยามฟ้าสาง คนชุดดำกลับมารายงานภารกิจว่าจับกุมตัวภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้และนำตัวนางไปขังไว้ในค่ายหน่วยกล้าตายแล้ว
นายท่านรองใหญ่ดีใจเหลือเกิน ภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้อยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา หลังจากนี้ก็เพียงส่งข่าวให้เห้อเหลียนเป่ยอวี้ เพื่อส่งเขาไปตายที่ค่ายหน่วยกล้าตาย
คนชุดดำเขียนจดหมาย กำลังจะนำไปส่งให้เห้อเหลียนเป่ยอวี้ ไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งออกจากจวนไป
เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าเห้อเหลียนเป่ยอวี้กลับมา ทว่าเขาไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียว ในอ้อมอกของเขามีคนป่วยกระปอดกระแปดที่ถูกตนลักพาตัวไป และขังเอาไว้ในค่ายหน่วยกล้าตาย!!!
คนชุดดำแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง!
เขารีบกลับไปยังจวนตะวันตก แล้วรายงานว่า “แย่แล้ว นายท่าน สตรีคนนั้นกลับมาแล้ว!”
ใบหน้าของนายท่านรองใหญ่เต็มไปด้วยความฉงนใจ สตรีคนไหน?
คนชุดดำพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก “ภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้! คนที่ข้าจับไปไว้ในค่ายหน่วยกล้าตาย! นาง…นางถูกเห้อเหลียนเป่ยอวี้พาตัวกลับมาแล้ว!”
นายท่านรองใหญ่ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้มากกว่าคนชุดดำเสียอีก ค่ายหน่วยกล้าตายเป็นรังเก่าของเขา ด้านในเป็นขุมกำลังทั้งหมดของเขา หากไม่นับรวมหน่วยกล้าตายที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ด้านในมีหน่วยกล้าตายกว่าเจ็ดสิบคน แปดคนในนั้นมีหน่วยกล้าตายหน้ากากทองแปดคน ยิ่งไปกว่านั้นค่ายหน่วยกล้าตายถูกอำพรางไว้อย่างแนบเนียนเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางหาพบ และแม้ว่าโชคดีหาพบ ก็ไม่มีทางรอดออกมาได้ท่ามกลางยอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น
จวนตะวันออกมีหน่วยกล้าตายจำนวนเท่าใด นายท่านรองใหญ่รู้เสียยิ่งกว่ารู้ หากนำออกมาใช้ทั้งหมด ก็ไม่มีทางสู้ค่ายหน่วยกล้าตายของเขาได้
สายตาของนายท่านรองใหญ่บ่งบอกว่าให้คนชุดดำไปตรวจดูที่ค่ายหน่วยกล้าตาย
เมื่อคนชุดดำไปถึงที่นั่น ก็ต้องตื่นตะลึง
ค่ายหน่วยกล้าตาย…ไม่เหลือแล้ว…
ความทุ่มเทกว่าครึ่งชีวิตของนายท่านรองใหญ่…บัดนี้ละลายหายไปกับสายน้ำ…
นายท่านรองใหญ่โกรธจนลมจับไปไม่รู้กี่ครั้ง แผนการตลอดสิบปีของเขาได้ถูกทำลายลงเสียสิ้น แม้แต่เหรียญทองแดงเดียวก็ไม่เหลือให้เขา!
ใครเป็นคนทำ?!
ใคร?!
“นายท่านรองใหญ่ ตอนนี้ข้าควรไปหลบหรือไม่?” คนชุดดำตระหนักได้ทันที อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนลักพาตัวนางไป หากนางมาชี้ตัวคนร้าย คนจวนตะวันตกก็คงหนีความผิดไม่พ้น
เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่มีทางสงสัยคนจวนตะวันตก แต่เห้อเหลียนเฉาและนางเด็กนั่นมีโอกาสสงสัยพวกเขา หากสองสามีภรรยานั่นเติมเชื้อไฟสักหน่อย ภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้ก็คงจะมาชี้ตัวคนร้ายเป็นแน่
สายตาของนายท่านรองใหญ่บอกเป็นนัยว่าให้คนชุดดำออกไป ขอเพียงหาตัวคนร้ายไม่พบ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมรับ!
ทันทีที่คนชุดดำออกไป คนจากจวนตะวันออกก็เข้ามา
ผู้ที่มานั้นคือเห้อเหลียนเป่ยหมิง นางเจียง และอวี๋เซ่าชิง
นายท่านรองใหญ่หัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ในใจ รู้อยู่แต่แรกแล้วว่าพวกเขาต้องมาไม้นี้ น่าเสียดายที่คนร้ายไม่อยู่ให้จับแล้ว ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไร?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงอธิบายอย่างกระชับและรัดกุมว่าตนมาทำไม ก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย เขาจะยังไม่รีบตัดสินว่านายท่านรองใหญ่เป็นคนผิด จึงกล่าวอ้อมๆ ว่า “…ดูเหมือนว่าคนร้ายที่จับน้องสะใภ้ไปเมื่อคืนจะมีความเชื่อมโยงกับท่านอารอง เพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่าน ข้าจึงคิดว่าควรนำหน่วยกล้าตายและองครักษ์ของจวนตะวันตกออกมาให้น้องสะใภ้ตรวจสอบดูสักหน่อย หากท่านอารองเห็นด้วย ก็กะพริบตานะขอรับ”
นายท่านรองใหญ่กะพริบตาอย่างไม่ขลาดกลัวแต่อย่างใด
หาไปสิ ถ้าหาเจอข้าก็ยอมแพ้!
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเรียกหน่วยกล้าตายและองครักษ์ของจวนตะวันตกออกมา แล้วให้นางเจียง…ตรวจสอบ
นางเจียงสุ่มชี้ออกไป “เป็นเขา!”
“…” นายท่านรองใหญ่โมโหจนแทบกระอักเลือด
เป็นคนประเภทไหนกัน? มองหน้าแล้วชี้ตัวสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้ก็ได้รึ!!!
……………………………..