หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 297 พ่ออวี๋รู้ความจริง เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ตกม้า
กับดักนี้ใครเป็นคนวาง จำเป็นต้องบอกหรือ?
หากไม่ใช่จวนประมุขหญิงก็สำนักราชครู
ในหนานจ้าว พวกเขามิได้มีคนที่ไม่พอใจมากนัก จวนตะวันตกก็สูญเสียความสามารถที่จะตั้งตนเป็นศัตรูไปแล้ว ดังนั้นความเป็นไปได้ที่ใหญ่ที่สุดก็คือสองฝ่ายนี้ เมื่อรวมกับความหายนะใหญ่หลวงที่จวนประมุขหญิงได้รับในยามนี้ อวี๋หวั่นรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะรวมหัวกันก็สูงยิ่งนัก
กล่าวตามตรง พวกเขายืนอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศัตรู หากใช้อุบายก็ต้องดูว่าใครมีความสามารถมากกว่า เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่มีสิ่งใด เพราะหากเปลี่ยนเป็นอวี๋หวั่น เธอก็คงจะใช้อุบายเช่นกัน แต่หากเป้าหมายเป็นเด็กไร้เดียงสา นั่นก็ทำให้คนโกรธจนผมตั้งแล้ว
ต้าเป่านับว่าโชคดี ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หากได้รับบาดเจ็บเข้าละ?
แต่เมื่อคิดว่าพวกเขาสามารถวางยาพิษลงในถังหูลู่ได้ การขว้างไข่เน่าก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร เดิมทีคนกลุ่มนั้นก็เป็นไอ้สารเลวไร้ขอบเขตอยู่แล้ว จะหวังว่าพวกมันมีจิตสำนึก ยังไม่สู้หวังให้พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออก ฝนตกทิศตะวันตกเลย
ว่าไปแล้ว คนพวกนั้นฝีมืออ่อนด้อยรึ? ยุยงให้ผู้คนเรียกพวกเขาว่าเป็นตัวหายนะ? เหตุใดพวกเขาถึงเป็นตัวหายนะ? เป็นตัวหายนะต่อผู้ใด? ที่จวนประมุขหญิงมีจุดจบแช่นนี้ มิใช่เพราะพวกเขาหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?
พวกเขาบังคับให้หนานกงเยี่ยนแย่งสามีและบิดาคนอื่นหรือ?
หรือว่าพวกเขาบังคับให้หนานกงเยี่ยนทำของศักดิ์สิทธิ์หายไป?
หรือว่าพวกเขาบังคับให้หนานกงเยี่ยนวางยาซื่อหุนเฉ่าแก่ราชบุตรเขย?
แม้แต่เรื่ององค์ประมุขถูกวางยาก็ยังไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
เหตุการณ์ความสับสนวุ่นวายเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้เอ่ยถึงตี้จีองค์โต อวี๋หวั่นจึงไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังวิจารณ์ถึงโชคชะตาของตี้จีองค์โต
อวี๋หวั่นเปิดล่วมยา รักษาอาการบาดเจ็บของฝูหลิง และให้จื่อซูพาฝูหลิงไปพักผ่อน ไม่ต้องทำสิ่งใดตลอดสองวันนี้
คนที่เข้ามาในจวนพร้อมกับฝูหลิงยังมีข้าราชการอีกสองสามคน ข้าราชการพักอยู่ที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง อวี๋หวั่นไม่ได้ไปที่นั่น แต่สาวใช้กลับยกน้ำมาและพาเด็กน้อยทั้งสามไปอาบน้ำ
อย่ามองว่าน้องชายทั้งสองมักจะกลั่นแกล้งต้าเป่าในวันธรรมดา ทว่าในใจพวกเขาก็ปกป้องต้าเป่า ต้าเป่าถูกคนปาไข่ ไม่ต้องบอกว่าพวกเขาทั้งสองเจ็บปวดและโกรธแค้นเพียงใด
เสี่ยวเป่าเป่าให้ต้าเป่ามาตลอดทาง พอหยุดก็พูดด้วยความเป็นห่วง “เจ็บจัง!”
ความจริงต้าเป่าหายเจ็บแล้ว เด็กร่างกายแข็งแรงทนทาน แบกรับความเจ็บปวดได้กว่าผู้ใหญ่
แต่เมื่อเสี่ยวเป่ามองหน้าผากที่บวมแดงของเขา ก็รู้สึกว่าเขาเจ็บปวด จึงใจกว้างยอมยกมารดาให้เขาเป็นพิเศษ
ต้าเป่าอยู่ในอ้อมแขนมารดา ใช้ใบหน้าเล็กอ้วนถูกับคอของมารดา มือเล็กๆ ก็เล่นกับผมของมารดาเป็นครั้งคราว
อวี๋หวั่นรู้สึกชื่นใจยิ่ง
หนึ่งปีก่อน ยามที่ทั้งสามยังเป็นเด็กน้อยจ้ำม่ำ หากเจอเรื่องที่คล้ายกัน พวกเขามักจะหวาดกลัวอย่างมาก พวกเขาจะตื่นจากฝันร้ายในตอนกลางคืน ทว่ายามนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
อวี๋หวั่นถามพวกเขาว่ายังอยากออกไปที่ถนนหรือไม่? ยังอยากซื้อถังหูลู่หรือไม่?
เสี่ยวเป่ากล่าวว่า “ไปสิ! ซื้อสิ! ทำไมจะไม่ซื้อละ?”
อวี๋หวั่นถามอีกครั้ง “เช่นนั้นหากเจอคนไม่ดีอีกครั้งจะทำอย่างไร?”
เสี่ยวเป่ากล่าว “เตะเขาไง!”
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ก็พยักหน้าอย่างแรง บ่งบอกว่าครั้งนี้ยังทำได้ไม่ดี ให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาจะตีให้หลั่งน้ำตา!
อวี๋หวั่นนึกถึงอันธพาลหมู่บ้านเหลียนฮวาที่ถูกเด็กชายตัวเล็กๆ สามคนตีจนกลายเป็นหัวหมู แต่ครานี้ที่ทำไม่ได้คือเด็กขอทานหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่อาจใช้ขาสั้นๆ ตามทัน และแม้จะตามทัน คนที่จะถูกรังแกก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นใคร
“ลูกแม่เก่งยิ่งนัก!” อวี๋หวั่นพรมจูบกับเด็กน้อยสามคน
ไข่ดำทั้งสามอาบน้ำสบายตัว นอนหลับข้างกายมารดา ต้าเป่าได้รับความโชคดีจากความโชคร้าย นอนบนตัวมารดา เขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้โชคร้ายเสียทีเดียว เมื่อก่อนตรงนี้เป็นที่ของเสี่ยวเป่า เขาแย่งไม่ได้
ต้าเป่านอนหลับน้ำลายไหล
ในไม่ช้า เสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เป่าก็หลับฝันดี
ข้างกายมารดา นอนหลับสบายยิ่งนัก
อวี๋หวั่นมองเด็กน้อยทั้งสามอย่างเอ็นดู ดวงตาแย้มยิ้ม กล้ารังแกบุตรชายเธอ เธอจะเอาคืนให้สาสม!
อีกด้านหนึ่ง ข้าราชการที่พาฝูหลิงส่งกลับจวน ไปที่เรือนของเห้อเหลียนเป่ยหมิงและอธิบายลำดับเหตุการณ์ต่อหน้าสองพี่น้องและเยี่ยนจิ่วเฉา
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าราชการได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตี้จีองค์โตจากในสำนักหลวง พวกเขาจึงมีข้อมูลมากกว่าฝูหลิง อย่างเช่น เขารู้ว่าเหตุใดคุณชายน้อยถึงถูกผู้คนด่าว่าเป็นดาวหายนะ
อวี๋เซ่าชิงไม่รู้
หลังจากข้าราชการออกไป อวี๋เซ่าชิงก็ระบายออกมาอย่างขาดสติ “เอาสิ่งใดมาว่าพวกต้าเป่าว่าเป็นดาวหายนะ? เด็กพวกนั้นทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองหรือ? พวกคนหนานจ้าวรังแกเด็กเช่นนี้หรือ?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกระแอมในลำคอ “เจ้าเองก็เป็นคนหนานจ้าว”
“ข้า…” อวี๋เซ่าชิงอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อคำพูดนั้นมาถึงริมฝีปากก็ต้องกลืนมันลง
ข้าราชการไม่ได้กล่าวสิ่งใดมาก เพราะเกรงจะพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง แต่เขาไม่พูด ก็มิได้แปลว่าคนอื่นจะไม่พูด
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเรียกอวี๋กังมาพบ “เจ้าออกไปถามไถ่ผู้คนด้านนอก ว่าช่วงนี้ไม่สุขสงบอีกแล้วใช่หรือไม่?”
“ขอรับ!” อวี๋กังรับคำสั่งแล้วเดินจากไป
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตี้จีองค์โต ตั้งแต่ข้าราชบริพารจนถึงราษฎร ไม่มีผู้ใดไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ อวี๋กังนั่งอยู่ในโรงน้ำชาครู่หนึ่ง เพื่อพยายามทำความเข้าใจต้นสายปลายเหตุของข่าวลือ
เขากลับไปที่ห้องตำราของเห้อเหลียนเป่ยหมิงด้วยสีหน้าอารมณ์หนักอึ้ง และพูดกับคนทั้งสามที่นั่งอยู่ “เรียนท่านแมทัพใหญ่กับนายท่านรอง เรียนคุณชายใหญ่ ภายนอกต่างลือกันว่าตี้จีองค์โตกลับมาที่หนานจ้าวแล้ว จวนประมุขหญิงปั่นป่วนไม่สงบสุข ของศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมย ประมุขหญิงถูกถอดตำแหน่ง ทั้งหมดนี้เป็นคำสาปของตี้จีองค์โต!”
บรรยากาศในห้องเยียบเย็นลงฉับพลัน
ใบหน้าของเห้อเหลียนเป่ยหมิงแปรเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ไม่อาจมอง
สีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าผู้ใดต่างสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่ซ่านผ่านดวงตาของเขา
คนเดียวที่ยังตามไม่ทันคืออวี๋เซ่าชิง
อวี๋เซ่าชิงใบหน้าสับสนมึนงง “นี่มันเกี่ยวกับจวนเห้อเหลียนอย่างไร?”
ไม่ต้องบอกว่าเขาไม่เชื่อในเรื่องเล่าหรือตำนานภูติผี ต่อให้เชื่อแล้วอย่างไร? เรื่องภายในของราชวงศ์ จะเกี่ยวข้องกับเป่าทั้งสามของตระกูลเขาได้อย่างไร?
ดาวหายนะ ดาวหายนะ เรียกได้น่าเกลียดสิ้นดี!
อวี๋กังไม่เอื้อนเอ่ยวาจา แอบเหลือบมองสีหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่กับคุณชายใหญ่ และกล่าวในใจ พวกเขาทั้งสองยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนายท่านรองหรือนี่?
นายท่านรองผู้น่าสงสาร ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ใกล้ชิดกับตี้จีองค์โตที่สุด แต่กลับกลายเป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้เรื่อง
อวี๋กังแสดงความเห็นอกเห็นใจอวี๋เซ่าชิงอยู่ในใจ
“ท่าทีอันใดของพวกเจ้า? เหตุใดไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด?” อวี๋เซ่าชิงสังเกตเห็นความผิดปกติของลูกเขยกับพี่ใหญ่
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังท้องฟ้า
เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็เลียนแบบมองท้องฟ้าด้วยเช่นกัน
อวี๋เซ่าชิงหรี่ตา “ทั้งสองคน…มีสิ่งใดที่ไม่บอกข้า?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงอ้าปาก กำลังจะเอ่ย แต่เยี่ยนจิ่วเฉาแย่งเอ่ยไปก่อน
“ข้าหาได้มีสิ่งใดทั้งนั้น” เขาผายมือออก
“แล้วท่านเล่า มีหรือไม่?” สายตาอันตรายของอวี๋เซ่าชิงตกกระทบใบหน้าของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
มุมปากของเห้อเหลียนเป่ยหมิงกระตุก แม้แต่ลูกเขยเจ้าก็ปัดความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ใช่รึไง!
อวี๋เซ่าชิงลุกขึ้นยืน ก้าวไปด้านหน้าเห้อเหลียนเป่ยหมิง “มองเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ท่านบอกข้ามาตามตรง ยังมีสิ่งใดปิดบังข้า?”
หน้าของเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่หนาเท่าเหยียนจิ่วเฉา เขาอายที่จะผลักความรับผิดชอบไปทั้งหมด เขาสูดหายใจและตบบ่าน้องชาย “เจ้านั่งลงก่อน แล้วข้าจะค่อยๆ บอกเจ้า”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเรียบเรียงความคิดในหัว เริ่มจากเรื่องประวัติชีวิตของน้องสะใภ้ เมื่อเล่าประวัติชีวิตจบ ค่อยพูดเรื่องที่ช่วยไม่ได้ของน้องสะใภ้ อย่างเช่นน้องสะใภ้หมั้นหมายกับเผ่าปีศาจเพื่อของศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานจ้าว เรื่องที่น้องสะใภ้ไม่เต็มใจที่จะถูกขายไปเป็นหมาก และหนีงานแต่งงานโดยไม่ลังเล
สุดท้าย ต้องเน้นย้ำว่าน้องสะใภ้ไม่ได้สวมหมวกเขียวให้เขา
เมื่อเห้อเหลียนเป่ยครุ่นคิดเรียบร้อย ว่าจะคุยกับอวี๋เซ่าชิงแต่ละขั้นตอนอย่างไร ชุยเฒ่ากัดขาไก่เดินเข้ามาเพื่อฝังเข็มแก่เห้อเหลียนเป่ยหมิง
ทันทีที่เข้ามา ก็เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของพวกเขาทั้งสามคน โดยเฉพาะอวี๋เซ่าชิง
“พวกเขาบอกเจ้าแล้วหรือ?” เขามองไปที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงและเยี่ยนจิ่วเฉา
“ข้า…”
ไม่รอให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงพูด
ชุยเฒ่าตบไหล่อวี๋เซ่าชิงอย่างแรง “เอาน่า จะเป็นเรื่องใหญ่สักเท่าใดกัน? มิใช่แค่แต่งงานกับตี้จีหรอกหรือ? นางก็ไม่ได้เข้าห้องหอกับใคร ก็แค่เข้าพิธีไหว้ฟ้าดินเท่านั้น!”
ทันใดนั้นอวี๋เซ่าชิงก็รู้สึกราวกับถูกพายุพัดถาโถมเข้ามา “เจ้า เจ้าว่าอย่างไรนะ? อา…อาซูคือตี้จี? แล้วนางก็ยังต้องเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน?!”
ชุยเฒ่า “…”
เอ่อ…ดูเหมือนข้าจะพูดอะไรผิดไป…
ชุยเฒ่ารีบร้อนแก้ไข “ไม่ใช่ๆ ข้าจำผิดไป นางไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินกับใคร วันที่จัดพิธีไหว้ฟ้าดินนางหนีไปแล้ว การแต่งงานที่ประมุขกำหนดนางหนีไปแล้ว”
นัยของชุยเฒ่าคือ นางตั้งใจที่จะไม่แต่งงานกับคนคนนั้น แต่สิ่งที่อวี๋เซ่าชิงสนใจไม่ได้อยู่ในเรื่องเดียวกับเขา
อวี๋เซ่าชิงขนพอง “ประมุขกำหนดงานแต่งงานให้นางด้วยหรือ? และยังผ่านไปหมดแล้ว!”
ชุยเฒ่าตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง “ไอ้หยา นั่นก็มิใช่เพื่อของศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ? อีกอย่าง ก็ยังเป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับนาง รู้จักกันเป็นอย่างดี…”
“ชายป่านั่นยังโตมาพร้อมกับนาง เป็นเพื่อนที่เล่นกันมาแต่เยาว์วัย?!!” อวี๋เซ่าชิงคำราม ทั้งร่างดูไม่สู้ดี!
ชุยเฒ่าที่อับจนหนทาง “…”
ไยถึงรู้สึกว่าตัวเองยิ่งพูดซ้ำยิ่งเหมือนกวนน้ำให้ขุ่น…
ไม่ถูกต้อง สิ่งที่เจ้าควรจะประหลาดใจที่สุดมิใช่นางเป็นบุตรสาวของประมุขหรอกหรือ? เหตุใดสนใจเพียงเรื่องกินน้ำส้มสายชู? ข้าว่า จุดสนใจของเจ้าจะเอนเอียงไปสักหน่อยหรือไม่?
“ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว” อวี๋เซ่าชิงกล่าวอย่างเจ็บปวด
อวี๋เซ่าชิงน้อยอกน้อยใจมากล้น
อาซูของเขาไม่ใช่สตรีของทุกคน
อาซูของเขามีคู่หมั้น
ฮือๆ นี่มันฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ!