หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 343.1 หลังจากนั้น (1)
ขันทีหวังตกตะลึง
ชั่วครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตนเองมองผิดไป จนกระทั่งหลังจากขยี้ตาแล้วต้าเป่าก็ยังคงถือตราหยกแผ่นดินอยู่ ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง
“นี่ๆๆๆๆๆ…มันอันใดกัน?”
เหตุใดถึงมีตราหยกแผ่นดินสองอัน?
อันหนึ่งอยู่ในมือของต้าเป่า และอีกอันหนึ่งก็อยู่ที่ห้องทรงอักษร…
“ตราหยกแผ่นดินของคุณชายน้อยมาจากที่ใด?” ขันทีหวังถามด้วยความประหลาดใจ
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอแตะคางและเอ่ยว่า “องค์ประมุขให้กระมัง”
ฟังจากน้ำเสียงของท่าน ดูไม่แน่ใจเท่าใดนะ!
ขอร้องละ นี่เป็นตราหยกแผ่นดินสืบบัลลังก์! ไม่ใช่ของเน่าเสียตามถนน! พวกเจ้าจะมีความเคารพต่อมันสักหน่อยได้หรือไม่! ! !
“ต้าเป่า นี่เป็นสิ่งที่องค์ประมุขให้มาใช่หรือไม่?” อวี๋หวั่นถามบุตรชายของเธอ
ต้าเป่ากำลังยุ่งอยู่กับการประทับตรา แต่สละเวลามามองมารดาแล้วพยักหน้าอย่างน่ารัก จากนั้นก็ประทับต่อไป
ขันทีหวังตกตะลึงตัวแข็งเป็นหิน มีเพียงมุมปากที่กระตุกไม่หยุด
นี่คือตราหยกแผ่นดินจริงๆ หรือ? ถูกพวกเจ้าทำเสียจนข้ารู้สึกว่ามันเป็นกะหล่ำปลีอย่างไรบอกไม่ถูก?
แต่เห็นชัดๆ ว่าฮองเฮามีตราหยกแผ่นดินอยู่ในมือ เหตุใดต้าเป่าก็มีตราหยกแผ่นดินอีกอันหนึ่ง?
ขันทีหวังตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วเขาก็จำได้ว่าสองสามวันก่อนต้าเป่าถือตราหยกแผ่นดินไว้ไม่ยอมวาง เพื่อนำตราหยกแผ่นดินกลับคืนมา ฝ่าบาทจึงให้ช่างทำของปลอมซึ่งรูปลักษณ์เหมือนกับตราหยกแผ่นดินจริงทุกประการ มีเพียงตัวอักษรที่สลักต่างกัน แต่หากไม่ดูอย่างละเอียดก็จะไม่อาจบอกได้
ฝ่าบาทวางแผนที่จะรอให้ต้าเป่าหลับ จากนั้นจึงสับเปลี่ยนตราหยกแผ่นดินทั้งสองชิ้น แต่ไหนเลยจะรู้ว่าอวี๋หวั่นเข้าวังมาแล้ว ต้าเป่าที่มีมารดาแล้ว ก็ทิ้งตราหยกแผ่นดินทันที ตราหยกแผ่นดินปลอมสูญเสียคุณค่า ถูกองค์ประมุขโยนเก็บไว้ไม่ใช้งาน
แต่…ในมือของฮองเฮาหรือต้าเป่าที่เป็นของจริงกันแน่?
ขันทีหวังจำได้อีกอย่างหนึ่ง หลังจากรู้ว่าต้าเป่าตกน้ำ อวี๋หวั่นก็รีบไปรับเด็กทั้งสามคนออกจากวัง เพื่อรั้งต้าเป่าไว้ องค์ประมุขจึงนำตราหยกแผ่นดินไปเกลี้ยกล่อมเขา ตอนนั้นในมือขององค์ประมุขเป็นของจริง
แต่ไม่ใช่ต้าเป่าไม่ต้องการหรือ? เด็กคนนั้นนอนอยู่ในอ้อมแขนมารดาอย่างงอมแงม ไม่แม้แต่มองตราหยกแผ่นดินตรงๆ
หรือว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องการ?
ไม่เพียงแต่ต้องการตราหยกแผ่นดิน ยังต้องการกระดาษหวงจื่ออีกกองหนึ่งด้วย?
กระดาษหวงจื่อ หรือที่เรียกว่าอวี้ปั๋ว เป็นผ้าทอที่ทำจากผ้าไหมดิบ ใช้เขียนรับสั่งขององค์ประมุขโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นตราหยกแผ่นดินก็ดี อวี้ปั๋วก็ดี ล้วนเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่อาจหาได้ ยามนี้ กลับมาอยู่ในมือของต้าเป่าพร้อมๆ กัน
มุมปากของขันทีหวังกระตุกอย่างแรง
ฝ่าบาท ท่านจะโปรดปรานเหลนก็ไม่ใช่เช่นนี้ จะมีขอบเขตสักหน่อยได้หรือไม่?
ไม่กลัวว่าพวกเขาจะเขียนมั่วซั่วกำจัดท่านออกไปหรือ?
ถึงอย่างไรตี้จีองค์โตและองค์หญิงน้อยก็ไม่ได้รอคอยให้ท่านมาเป็นอย่างยิ่ง
การดำเนินไปของเรื่องเป็นอย่างนี้ หลังจากอวี๋หวั่นออกจากตำหนักจงกงพร้อมกับพวกตัวน้อยทั้งสาม เธอไปตำหนักจูเชวี่ยเพื่อบอกลาอวิ๋นเฟย องค์ประมุข ‘ล่อลวง’ ต้าเป่าไปที่ห้องทรงอักษรโดยใช้ตราหยกแผ่นดินเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไร้ยางอาย
ต้าเป่าหยิบตราหยกแผ่นดินมาซ่อนไว้ในอวี้ปั๋วที่ว่างเปล่าแผ่นหนึ่ง เมื่อซ่อนเสร็จ เขาก็หัวเราะเสียงหมูออกมา
เมื่อเห็นว่าเขาชอบ องค์ประมุขจึงหยิบอวี้ปั๋วออกมาจากลิ้นชัก
ผลคือตราหยกแผ่นดินถูกเอาไป อวี้ปั๋วก็ถูกนำไป คนก็ไม่อยู่
องค์ประมุขร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา “…”
ขันทีหวังไม่รู้เรื่องละครฉากเล็กๆ เหล่านี้ เขาไม่ได้อยู่ในห้องทรงอักษรในเวลานั้น แต่ถึงรู้ เขาก็คงไม่สามารถทำได้ดีไปกว่าองค์ประมุข ไม่แน่ว่ากระทั่งหมึกประทับตราก็อาจจะให้ไข่ดำน้อยไปด้วย
สัญชาตญาณบอกขันทีหวังว่าตราหยกแผ่นดินในมือต้าเป่าเป็นของจริง และอันที่ฮองเฮาแย่งชิงไปนั้นเป็นของปลอม
หากเป็นเช่นนี้ก็ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
หากไม่มีตราหยกแผ่นดินที่แท้จริง ฮองเฮาคิดจะกบฏ ให้นางฝันกลางวันไปเถอะ!
องค์ประมุขแปดเก้าส่วนคงถูกฮองเฮาควบคุมไว้แล้ว การช่วยเหลือองค์ประมุขออกมา ต้องกำจัดฮองเฮาเสียก่อน
ทันใดนั้นเองขันทีหวังก็เกิดความคิดที่ยอดเยี่ยม พวกเขามีตราหยกแผ่นดินและอวี้ปั๋วอยู่ในมือ กำจัดๆๆ! กำจัดนางแก่ตัวดีนั่น!
แต่ในไม่ช้า ขันทีหวังก็พบว่าเขาดีใจเร็วเกินไป
“ต้าเป่า เจ้าเร็วหน่อย ข้ากับเอ้อร์เป่าเขียนเสร็จอีกแล้ว!”
เสียงกระตุ้นของเสี่ยวเป่า
ขันทีหวังหันหน้า หัวใจพลันเต้นกระตุก!
ไข่ดำสองน้อยสองคนนั่งอยู่บนสนามหญ้าของลาน ถือพู่กันเขียนไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกดอวี้ปั๋วที่ต้าเป่าใช้ตราหยกแผ่นดินประทับ แล้วละเลงวาดจนเละเทะ
พระ…พระ..พระราชโองการถูกพวกเจ้าย่ำ…ย่ำ..ย่ำยีเช่นนี้?!
ขันทีหวังแทบเป็นลมล้มพับ! ! !
ไข่ดำทั้งสามแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ต้าเป่าประทับ เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่าวาด เล่นกันอย่างมีความสุข!
เมื่อเห็นพระราชโองการถูกเด็กน้อยทั้งสามทำลายจนราบคาบ ขันทีหวังก็ร้องไห้ไม่ออกเสียยิ่งกว่าองค์ประมุข
ในมือของต้าเป่ายังมีอวี้ปั๋วชิ้นสุดท้ายเหลืออยู่ ต้าเป่ายกตราหยกแผ่นดิน จุ่มแผ่นหมึกเพื่อจะนำไปประทับบนอวี้ปั๋ว
“อย่า-“
ขันทีหวังรีบพุ่งเข้าไปล้มลงแทบเท้าของต้าเป่า ใช้ร่างกายปกป้องอวี้ปั๋วแผ่นนั้นไว้อย่างมิดชิด
จุ๊บ!
ตราหยกแผ่นดินของต้าเป่าประทับลงบนใบหน้าของขันทีหวัง
ไม่ว่าอย่างไร อวี้ปั๋วแผ่นสุดท้ายก็ถูกแย่งมาได้ ขันทีหวังทอดถอนใจด้วยความโล่งอกจับอวี้ปั๋วอย่างระมัดระวังและลุกขึ้นยืน
ต้าเป่าเงยหน้าขึ้นมองเขาหยิบอวี้ปั๋วออกไป เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่าก็มองไปที่เขา ทั้งสามคนกำลังสนุกสนาน แต่จู่ๆ พวกเขาก็ถูกแย่งของเล่น ฉากที่คิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
ทั้งสามเบะปากร้องไห้ออก!
“เกิดอะไรขึ้น?!”
“เป็นอะไรไป?”
เซียวเจิ้นถิงที่อยู่เป็นเพื่อนซั่งกวนเยี่ยนทำงานเย็บปักอยู่ภายในเรือนของตนเองกำลังเคลิ้มหลับได้ยินเสียงร้องของหลานชายตัวน้อย พลันตื่นตัวในพริบตา
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยนอ๋องก็รีบออกมาจากห้องตำรา
ฝูหลิงและจื่อซูก็วางงานที่ทำได้ครึ่งหนึ่งลง เยี่ยนจิ่วเฉาออกไปวุ่นวายข้างนอกไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงมาดูเช่นกัน ผู้ใดช่างบังอาจทำให้บุตรชายล้ำค่าของเขาร้องไห้
ขันทีหวังหันมองเซียวเจิ้นถิงที่กำยำล่ำสัน จากนั้นก็หันไปมองเยี่ยนอ๋องที่ใบหน้าเย็นชา และมองสาวใช้สองคนที่จ้องเขาพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือ พลันประหวั่นพรั่นพรึง
เขา…เขาแค่หยิบกระดาษมาแผ่นเดียวเอง…
ขันทีหวังผู้นี้มีความสามารถไม่เบา เพิ่งมาไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ทำให้บุตรชายของเธอร้องไห้เสียแล้ว อวี๋หวั่นดึงเด็กทั้งสามคนไปข้างกาย แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาของพวกเขา ทั้งสามซุกในอ้อมแขนของมารดา สุดแสนเจ็บปวดรวดร้าว
ขันทีหวังอ้าปากค้าง “ข้า…บ่าว…นั่น…คือว่า…”
เขาอยากจะบอกว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก ตนถึงได้ ‘แย่งชิง’ อวี้ปั๋วชิ้นสุดท้ายมา แต่สายตาที่เย็นชาของเซียวเจิ้นถิงและเยี่ยนอ๋องกำลังบอกเขาอย่างชัดเจนว่า การร้องไห้ของหลานตัวน้อยของพวกเขาเป็นเรื่องสำคัญมาก พระราชโองการบ้าบออะไรนั่น ไปตายซะ!
ขันทีหวังจิตใจขมขื่น
ครอบครัวนี้มันคนแบบใดกัน?
ฝ่าบาท บ่าวทำสุดความสามารถแล้ว…
เซียวเจิ้นถิงหมายจะแย่งอวี้ปั๋วมาให้หลานตัวน้อย เคราะห์ดีที่อวี๋หวั่นหยุดเขาไว้ อวี๋หวั่นให้ฝูหลิงและจื่อซูพาพวกเขาไปซื้อถังหูลู่ ส่วนเธอก็พาสองพ่อสามีและขันทีหวังเข้าไปที่ห้องตำรา
องค์ประมุขจะเป็นเช่นไร พูดตามตรงอวี๋หวั่นไม่ได้สนใจ แต่อวิ๋นเฟยยังอยู่ในวัง
เธอถามว่า “ขันทีหวัง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าฮองเฮากบฏ ท่านยายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อพูดถึงอวิ๋นเฟย จมูกของขันทีหวังก็แสบขึ้นมา “อวิ๋นเฟยอยู่ที่ตำหนักจูเชวี่ย ข้าก็ไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรบ้าง ข้าถูกไอ้หลี่อวี้นั่นจับถ่วงน้ำ อวิ๋นเฟยมาช่วยข้าไว้ และยังให้ชุดกับป้ายคาดเอวมา และเป็นอวิ๋นเฟยที่บอกให้ข้ามาที่ถนนซื่อสุ่ยเพื่อตามหาพวกท่าน ตอนนี้วังหลวงคงถูกฮองเฮาควบคุมแล้ว แต่ข้าเดาว่า ตอนนี้อวิ๋นเฟยจะยังไม่เป็นอะไร”
เกิดเรื่องกับองค์ประมุขก็ชวนให้สนใจมากพอแล้ว หากเกิดเรื่องกับอวิ๋นเฟยอีก ก็อาจทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นเฟยยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของตี้จีองค์โต การกักตัวนางไว้ในวังหลวงถือได้ว่าเป็นการขัดขวางตี้จีองค์โต
ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใด อวิ๋นเฟยก็ยังไม่ต้องกังวลถึงชีวิตในยามนี้
แต่ไม่อาจปล่อยให้นางอยู่ในมือของฮองเฮาไปตลอด
“จู่ๆ เหตุใดฮองเฮาถึงคิดกบฏ?” อวี๋หวั่นถาม
ขันทีหวังทอดถอนใจอย่างหมดหนทาง “โอ้ เรื่องมันยาว สรุปเลยก็คือฝ่าบาทได้ทรงทราบจากปากของอวิ๋นเฟย ว่าฮองเฮาสมรู้ร่วมคิดกับสำนักราชครู อวิ๋นเฟยเป็นพยานบุคคล แต่พยานบุคคลไม่ได้มีเพียงนางคนเดียว ยังมีเห้อเหลียนเซิง”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างแปลกใจ “ลูกของท่านลุงใหญ่?”
ขันทีหวังพยักหน้า “ใช่ เป็นเขา เขาล่วงรู้ความลับของฮองเฮาและสำนักราชครู และเกือบถูกฮองเฮาฆ่าปิดปาก ฮูหยินเห้อเหลียนร่วมมือกับฮูหยินผู้เฒ่าวางแผนขับไล่เขาออกจากจวน เพื่อปกป้องชีวิตของเขา”
“ท่านย่าของข้าก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” อวี๋หวั่นประหลาดใจ
“ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฮูหยินผู้เฒ่า” ขันทีหวังทอดถอนใจ
คนที่รักหลานชายถึงเพียงนั้น ต้องขับไล่หลานชายออกจากจวนด้วยมือตนเอง และต้องแสร้งทำเป็นไม่ไยดีต่อหน้าผู้คนมากมาย ฮูหยินผู้เฒ่าต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด มีเพียงตัวนางเองเท่านั้นที่รู้ดี
…………………