หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 459 หนีจากสกุลซาง หลัวช่าน้อยใหญ่!
ซางฉงหวาสามารถนั่งในตำแหน่งประมุขซางได้ มีหรือจะไม่สามารถจัดการเรื่องแค่นี้? ตั้งแต่ตอนที่เขานำถังหูลู่และของเล่นมาให้หลัวช่าน้อย ไม่สิ หากกล่าวให้ถูก นับตั้งแต่ยามที่อยู่ในเขตต้องห้าม เขาก็ได้วางกำลังป้องกันหลัวช่าโลหิตแล้ว
ยาโลหิตที่หลัวช่าโลหิตใช้ตลอดทั้งปีถูกเพิ่มสิ่งที่เรียกว่าดอกเก๋อซังเล็กเข้าไป ที่เรียกเช่นนี้เพราะมีลักษณะคล้ายกับดอกเก๋อซัง มันเป็นสมุนไพรที่มีเฉพาะในหมิงตู มีผลในการรวบรวมสมาธิ แต่ไม่อาจใช้ร่วมกับยา มันจะกลายเป็นเฟิงถัง
ถังหูลู่ที่ประมุขซางมอบให้หลัวช่าน้อยใส่เฟิงถังไปไม่น้อย มันยากที่จะเลี่ยงไม่ให้เปื้อนมือ แล้วก็ใช้มือที่เปื้อนเฟิงถังนั้นสัมผัสกับอาหารของตนและหลัวช่าใหญ่ เหตุนี้จึงทำให้ทั้งคู่ถูกฤทธิ์ของมัน
หลายปีมานี้ ประมุขซางเฝ้าติดตามการกินอาหารของหลัวช่าโลหิตอย่างใกล้ชิด กลัวแต่จะไม่ระวังผสมเฟิงถังลงไป บัดนี้ราชาหลัวช่าไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแล้ว จึงไม่จำเป็นที่เขาต้องปกป้องอีกต่อไป
ราชาหลัวช่าคิดจะดิ้นรน แต่ก็พบว่าตนไม่อาจขยับได้ พละกำลังคล้ายถูกสูบไปจนหมด ทำได้เพียงนอนรอความตายบนเตียงหินอันเย็นเยียบเท่านั้น เลือดในร่างกายของเขาไหลออกมาจนแทบไร้ชีวิต
เงาสูงใหญ่ร่างหนึ่งใกล้เข้ามา
ใบหน้าหยิ่งยโส ก้าวมาอย่างเชื่องช้า หากไม่ใช่ซางฉงหวา ประมุขซาง จะเป็นผู้ใด?
เมื่อครึ่งวันก่อน เขาคุกเข่าต่อราชาหลัวช่า บัดนี้ราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเดินมาที่เตียง ก้มลงมองราชาหลัวช่าที่ถูกปล่อยให้เลือดไหล ก่อนเอ่ยเสียงฮึดฮัด “คงไม่คิดว่าตนเองจะมีจุดจบเช่นนี้กระมัง? ไม่ผิด ข้าปกป้องเจ้ามานาน แต่ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้จริงๆ ใครให้เจ้าไม่เป็นราชาหลัวช่าแต่โดยดี กลับอยากร่วมสมคบคิดกับซือคงเย่เล่า
ข้ากับสกุลซือคงเป็นศัตรูกันแล้ว สกุลซือคงอาจสลับมาจัดการกับข้าได้ทุกเมื่อ เพราะพวกเขาเกรงกลัวเจ้า จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ หากแม้แต่เจ้ายังไม่ช่วยข้า ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
เช่นนั้นปรมาจารย์ก็อย่าตำหนิข้าว่าโหดร้ายเลย ทุกสิ่งที่ข้าทำก็เพื่อความอยู่รอดของสกุลซาง เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
เขากล่าวอย่างสง่าผ่าเผย แท้จริงแล้วเพื่อสกุลซาง หรือเพื่อตนเองมากกว่า ผู้ใดจะบอกได้? บางทีความแข็งแกร่งของสกุลซาง อาจเป็นเพียงเครื่องมือต่อรองในการครอบครองหมิงตูก็เป็นได้ ในกระดูกของชายผู้นี้ ไม่เคยมีศีลธรรมจรรยา ไร้เยื่อใยต่อเลือดเนื้อของตน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอำนาจและอิทธิพล
อย่างน้อยราชาหลัวช่าก็ต้องการเพียงเอาชนะซือคงเย่ เพื่อพิสูจน์ว่าตนเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งหมิงตู ทว่าประมุขซางต้องการปลิดชีวิตทุกคนที่ขัดขวางการครอบครองหมิงตูของเขา ราชาหลัวช่าสังหารคนตามสัญชาตญาณ แต่เขากลับเข่นฆ่าผู้คนด้วยความปรารถนา มิใช่ปัญหาระดับเดียว
แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าราชาหลัวช่าไม่อันตราย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เพื่อเป้าหมายประมุขซางทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ
ราชาหลัวช่าจ้องมองประมุขซางอย่างเย็นชา ราวกับจะใช้สายตาแทงทะลุร่างเขา
ประมุขซางเยาะเย้ย “จะเกลียดข้าอีกเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้แล้ว อีกไม่นานเจ้าก็ต้องตาย เมื่อข้ารีดเลือดของเจ้าจนหมด แล้วเอายาโลหิตของเจ้าออกมา เจ้าก็จะตายอย่างสมบูรณ์”
ยาโลหิตเป็นจุดอ่อนของหลัวช่าโลหิต เมื่อไม่มียาโลหิต หลัวช่าโลหิตก็จะตาย นี่เป็นวิธีเดียวที่จะฆ่าหลัวช่าโลหิตได้
เมื่อรับรู้ถึงสายตาของราชาหลัวช่าที่จ้องมองออกมาจากภายในกรงเหล็ก ประมุขซางพลันหัวเราะแล้วกล่าวว่า “อย่างไรก็เถอะ ไอ้ตัวเล็กนั่นใช้ได้ทีเดียว ข้าตัดสินใจจะเลี้ยงมันไว้ ปล่อยเลือดทุกวัน ให้ข้านำไปเลี้ยงหลัวช่าโลหิตที่มีมากขึ้นและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม”
ราชาหลัวช่าขยับดิ้นรนต่อสู้!
ประมุขซางผงะถอยหลังด้วยความตกใจแรงอาฆาตของอีกฝ่าย แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการ เขาก็หัวเราะเยาะ “เกือบลืมว่าเจ้าไม่ใช่ราชาหลัวช่าผู้ไร้พ่ายอีกแล้ว จะว่าไป ข้าก็ต้องขอบคุณซือคงเย่ หากเขาไม่ทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บสาหัส อาศัยเพียงฤทธิ์ยาคงไม่สามารถทำให้เจ้าสลบไม่ได้สติเช่นนี้
อาการพิษของเจ้ายามนี้ จำต้องใช้ยาโลหิตอีกเม็ดหนึ่ง ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจรักษาได้!
ตอนนี้เจ้าคงเสียใจที่ไม่ได้รับปากซือคงเย่ ให้ทำลายวรยุทธ์ของตนในยามนั้น แล้วกลับมาสกุลซางกับข้าใช่หรือไม่? หากเจ้าฟังซือคงเย่แต่แรก เจ้าตัวเล็กนั่นก็จะไม่ตกไปอยู่ในมือข้า น่าเสียดาย ที่โลกนี้ไม่มียารักษาความเสียใจ!”
พูดจบ ประมุขซางก็เงยหน้าแผดเสียงหัวเราะลั่น ออกจากห้องลับไป ปล่อยให้ราชาหลัวช่าดิ้นรนอยู่บนเตียงหินเพียงลำพัง แต่ทว่าเขาถูกพิษอย่างหนัก กำลังภายในเพียงน้อยนิดยังไม่อาจใช้ และการเขย่าโซ่เหล็กนิลยิ่งทำให้เลือดไหลออกมาเร็วขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้เอง หลัวช่าน้อยในกรงเหล็กตื่นขึ้นอย่างเงียบๆ
ทันทีที่ลืมตา มันก็กระโดดลุกขึ้น แต่กรงไม่สูงนัก ทำให้หัวกระแทก มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ราชาหลัวช่าร้องคำรามด้วยความโกรธ!
เขาไม่ได้โกรธหลัวช่าน้อย แต่เป็นประมุขซาง!
น่าเสียดายที่ทุกอย่างไม่เป็นผล
นัยน์ตาสีแดงเข้มของราชาหลัวช่ามองไปที่หลัวช่าน้อย หลัวช่าน้อยก็มองมาที่เขา เมื่อเห็นว่าเขาถูกมัดไว้กับเตียงหินเพื่อรีดโลหิต หลัวช่าน้อยก็ร้อนใจพุ่งชนกรงเหล็กอย่างกระวนกระวาย!
จู่ๆ ไม่รู้ชนเข้ากับสิ่งใด ร่างของหลัวช่าน้อยหยุดชะงัก
มันก้มลง มองลอดเป้าไปยังราวเหล็กด้านหลัง
หือ?
มันยืนตัวตรง หันหลังกลับ ยื่นเท้าเล็กข้างหนึ่งออกจากช่องว่างของราวเหล็ก ร่างเล็กๆ ของมันลื่น ร่างทั้งร่างหลุดลอดออกไป!
ช่องว่างใหญ่เกินไป ให้มันหาช่องโหว่ออกมาได้สำเร็จ…
มันพุ่งเข้าหาราชาหลัวช่าด้วยความตื่นเต้น
ราชาหลัวช่าใช้สายตามองไปทางประตู “…ไป”
หลัวช่าน้อยพยักหน้า
มันกระโดดขึ้นไปบนเตียงหิน ใช้ฟันแหลมคมกัดโซ่เหล็กที่มัดราชาหลัวช่าไว้
ราชาหลัวช่ากล่าวอย่างปวดหัว “ให้…เจ้า…ไป…เอง”
ไม่ใช่พาเขาไปด้วย!
ตัวเล็กเช่นนี้แอบออกไปอาจไม่ทำให้คนจับได้ ทว่าหากพาเขาไปด้วย เกรงว่าคงยาก
หลัวช่าน้อยไม่ฟัง อย่างไรมันก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี
ฟันของหลัวช่าน้อยหักร่วง ในที่สุดโซ่เหล็กนิลก็ขาดออก มันใช้ร่างกายผอมบางแบกราชาหลัวช่าซึ่งคล้ายกับเนินเขาลูกเล็กๆ
หลัวช่าน้อยยังเด็ก ไม่เคยกินยารักษาบาดแผล สองวันนี้ยาโลหิตผสมดอกเก๋อซังเพียงเล็กน้อย จึงไม่เป็นพิษมากนัก และยังพอมีพละกำลัง
มันพาราชาหลัวช่าออกจากห้องลับ
อย่ามองว่ามันเด็ก ความสามารถในการจำทางของมันนั้นชำนาญยิ่งกว่ากลุ่มคนจากเผ่าปีศาจเหล่านั้นมาก
“ตั้งสมาธิตื่นตัวกันหน่อย เป็นอะไรไป!” หัวหน้าองครักษ์กล่าวกับลูกน้ององครักษ์สองคนที่กำลังลาดตระเวน
ลูกน้ององครักษ์ตอบรับเสียงขรึม ออกลาดตระเวนด้วยความกระฉับกระเฉง
หลัวช่าน้อยและราชาหลัวช่าซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ จนกระทั่งทั้งสามจากไป จึงลงมาพร้อมกับราชาหลัวช่าบนหลัง และกระโดดผ่านความมืดหนีออกจากจวนสกุลซาง
…
“นายท่าน! แย่แล้ว! ราชาหลัวช่าและหลัวช่าน้อยหนีไปแล้ว!”
ณ ห้องตำรา องครักษ์หวงกระวีกระวาดวิ่งเข้ามา เขาเพิ่งไปตรวจสอบสถานการณ์ของราชาหลัวช่า และพบว่าห้องลับนั้นว่างเปล่า
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” ประมุขซางมุ่นขมวดคิ้ว “มิใช่ว่าราชาหลัวช่าไร้กำลังแล้วหรือ? เหตุใดยังจะพาหลัวช่าน้อยหนีไปได้?”
ไม่ว่าประมุขซางจะฉลาดเพียงใด ก็ไม่คิดว่าหลัวช่าน้อยจะพาราชาหลัวช่าหนีออกไปได้
“มีพวกหมิงซานมาช่วยพวกมันหรือไม่?” ประมุขซางกล่าว
องครักษ์หวงส่ายหัว “ไม่มีร่องรอยของคนนอกมาที่นี่ พวกมันน่าจะหนีไปเองขอรับ!”
“บัดซบ!” ประมุขซางตบโต๊ะด้วยความโมโห “ไม่ง่ายกว่าจะจับพวกมันมาได้ อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้พวกมันหลุดมือไปเช่นนี้ คนติดพิษสองคนคงหนีไปได้ไม่ไกลนัก เจ้ารีบพาคนไล่ตาม และจับพวกมันกลับมาให้ได้!”
“ขอรับ!” องครักษ์หวงรวบรวมยอดฝีมือทั้งหมดของสกุลซาง ออกตามหาไม่หยุดพัก
หลังจากหลัวช่าน้อยแบกราชาหลัวช่าออกจากจวนสกุลซาง ก็เดินตามเส้นทางไปยังเขาหมิงซาน ทางที่ไปคือทางเข้าลับของหมิงซาน ขณะที่กำลังจะเข้าสู่หมิงซานนั้นเอง พวกขององครักษ์หวงกลับไล่ตามมา
“กะแล้วว่าพวกเจ้าจะหนีมาที่หมิงซาน!” องครักษ์หวงแววตาเย็นชา กล่าวเสียงเคร่งขรึม “จับพวกเขาไว้!”
พิษในร่างกายของหลัวช่าน้อยยังไม่จางหาย ทั้งยังแบกราชาหลัวช่าซึ่งไร้เรี่ยวแรงจะสู้กลับ มันไม่สามารถสู้พวกเขาได้ แต่ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ประมือกับคนกลุ่มนั้นโดยที่บนหลังยังมีราชาหลัวช่าอยู่
แม้จะถูกวางยาพิษ หลัวช่าน้อยก็ยังจัดการยอดฝีมือสกุลซางไปได้หลายคน องครักษ์หวงกัดฟัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยอดฝีมือสกุลซางคงถูกเจ้าตัวเล็กนี่ฆ่าตายหมดแน่!
ผู้ใดจะคาดคิดว่าเจ้าตัวเล็กนี่ถูกวางยาพิษ แต่กลับยังดุร้ายได้ถึงเพียงนี้?
แต่ทว่าพิษที่หลัวช่าน้อยได้รับนั้นไม่ธรรมดา ยิ่งใช้แรงมากเพียงใด พิษยิ่งกำเริบหนักขึ้นเท่านั้น หลังจากการต่อสู้อีกรอบ ความเร็วของหลัวช่าน้อยลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาขององครักษ์หวงเป็นประกาย “โจมตีราชาหลัวช่า!”
เดิมทียอดฝีมือสกุลซางพะว้าพะวังว่าราชาหลัวช่ายังมีประโยชน์อีกมาก จึงไม่กล้าทำร้ายเขาง่ายๆ บัดนี้เมื่อได้ยินคำพูดขององครักษ์หวง ภาระนั้นถูกวางลง พวกเขาใช้ท่าสังหารมุ่งโจมตีราชาหลัวช่าทันที
หลัวช่าน้อยเริ่มหงุดหงิด!
องครักษ์หวงหยิบหน้าไม้เหล็กนิล และศรเหล็กนิลห้าดอก ยิงไปที่ราชาหลัวช่า!
หลัวช่าน้อยไม่สามารถปกป้องราชาหลัวช่าได้อีกแล้ว มันบังลูกธนูมฤตยูเหล่านั้นด้วยร่างเล็กๆ ของมัน เช่นเดียวกับที่ราชาหลัวช่าเคยใช้ร่างกายของตนขวางการโจมตีที่รุนแรงของซือคงเย่
หลัวช่าน้อยถูกศรยิง ทั้งสองล้มกลิ้ง ราชาหลัวช่าตกลงไปในน้ำ ส่วนหลัวช่าน้อยนอนอยู่บนฝั่ง
เมื่อเห็นอกของหลัวช่าน้อยที่เต็มไปด้วยลูกศร ราชาหลัวช่าก็ร้องคำรามอย่างเดือดดาลด้วยความโกรธแค้น!
หลัวช่าน้อยมองไปที่ราชาหลัวช่าครั้งสุดท้าย อ้าปากคายยาโลหิตของตนออกมา
………………………