หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 460 ปรมาจารย์มาแล้ว พี่จิ่วมาแล้ว
ยาโลหิตสำหรับหลัวช่าโลหิต ไม่ต่างจากหัวใจของมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากหัวใจ
หลัวช่าน้อยเต็มใจคายยาโลหิตให้แก่ราชาหลัวช่า แม้แต่ประมุขซางก็เข้าใจความหมาย เจ้าตัวเล็กนั่นหวังว่าราชาหลัวช่าจะเก็บยาโลหิตของตนหนีไปและใช้มันรักษาบาดแผล
ประมุขซางซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลตกตะลึง หลัวช่าน้อยที่กินเลือดเป็นอาหารกลับทำสิ่งนี้ก่อนตาย
เมื่อเห็นหลัวช่าน้อยคายยาโลหิตออกมา ความเศร้าโศกและสิ้นหวังในดวงตาของราชาหลัวช่า เกือบกดกระดูกสันหลังจนแหลกสลาย เขาอยากจะป้อนยาโลหิตกลับให้มัน เขาอยากฆ่าซางฉงหวา!
แต่เขากลับทำสิ่งใดไม่ได้เลย เส้นเอ็นและหลอดเลือดที่ถูกพิษกัดเซาะคล้ายถูกปิดกั้น ชี่แท้ไม่อาจหมุนเวียน ตันเถียนราวกับถูกแช่แข็ง กำลังภายในเพียงน้อยนิดก็ยังไม่อาจใช้ หลอดเลือดดำปูดโป่งเต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธแค้น ดวงตาสีแดงเลือดราวกับจะปะทุออกมา
แต่จะมีประโยชน์ใด?
หลัวช่าน้อยหลับตาลงต่อหน้าเขาแล้ว
“อ๊าก——” ราชาหลัวช่าคำรามพลางพุ่งไปหาหลัวช่าน้อย หยดน้ำตาโลหิตสาดกระเซ็นออกมา!
ประมุขซางเตะเขากลับลงไปในน้ำ แล้วก้มลงหยิบยาโลหิตบนพื้นขึ้นมา คลี่ยิ้มอย่างมีชัย “ยาโลหิตเม็ดนี้เป็นของข้าแล้ว ดูไม่เลวทีเดียว ตอนแรกข้าคิดว่าจะเอายาโลหิตของเจ้า ทว่าตอนนี้ ข้าสามารถมีได้ถึงสองอัน”
ขณะกล่าวก็เตะร่างหลัวช่าน้อยไปด้านข้างอย่างไม่ใยดี ชักกริชออกมาคว้าราชาหลัวช่าที่อยู่ในน้ำ
ขณะที่กำลังจะใช้กริชผ่ายาโลหิตของราชาหลัวช่าออกมา กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่มาจากทิศของเขาหมิงชาน สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน ปล่อยมือลุกขึ้นยืน “ไป!”
ประมุขซางจากไปพร้อมกับองครักษ์หวงและเหล่ายอดฝีมือที่เหลือ
เมื่อพวกเขาหนีไป ซือคงเย่และเยี่ยนจิ่วเฉาก็มาถึง วันนี้ทั้งคู่ปลีกตัวทำพิธีอยู่ในห้องลับ ตัดขาดจากโลกภายนอก แต่หลังจากได้ยินเสียงคำรามที่สงสัยว่าเป็นราชาหลัวช่า พวกเขาก็ออกมาหาคำตอบ
ราชาหลัวช่าถูกพิษ ไม่อาจแผ่รัศมีลมหายใจ รอบๆ เขาหมิงซานจึงไม่มีกลิ่นอายเลือดหนาแน่น เป็นเหตุผลที่ทั้งสองสงสัยและไม่แน่ใจว่าเป็นราชาหลัวช่า
ที่น่าแปลกใจคือ ไม่เพียงแต่ราชาหลัวช่าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและจมอยู่ในน้ำ ทว่าหลัวช่าน้อยที่อยู่บนฝั่งก็ดูคล้ายกับไม่หายใจแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉาบีบข้อมือของหลัวช่าน้อย ใช้กำลังภายในสำรวจผ่านเส้นเลือดของมัน ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็หม่นลง “ยาโลหิตของมันหายไปแล้ว”
“อะไรนะ?” ซือคงเย่ที่กำลังดึงราชาหลัวช่าขึ้นจากน้ำหยุดชะงัก
“มันไม่หายใจแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉายืนขึ้น มองไปยังทิศที่ประมุขซางและพวกกำลังจะจากไป “จะให้ข้าไปฆ่าพวกเขาหรือไม่?”
ซือคงเย่มองราชาหลัวช่าที่หายใจรวยริน และมองหลัวช่าน้อยที่สิ้นลมหายใจไปแล้ว พลันกล่าวอย่างเด็ดขาด “ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า!”
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มหลัวช่าน้อยขึ้นมา เดิมทีเด็กคนนี้ก็ดูซูบผอมอยู่แล้ว ยามหมดลมเช่นนี้อยู่ในอ้อมแขนยิ่งผ่ายผอมน่าสังเวชกว่าเดิม เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้ว จับนิ้วของมันแน่น ใช้วิชาตัวเบากลับไปที่วิหารเจาหยาง
ชุยเฒ่ากำลังอาบน้ำและถูกบุกรุกเข้ามาอย่างไร้ความปรานีอีกครั้ง นี่เป็นจังหวะที่ไม่ปลอดภัยเสียจริง!
“เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้านี่เหมือนนางเด็กนั่นไม่มีผิด!” ชุยเฒ่าหลบหลังฉากกั้น หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยร่างกายสั่นเทาไปพลาง กัดฟันก่นด่าไปพลาง
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี๋หวั่นได้ยินข่าว ทันทีที่เธอก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา เมื่อเห็นหลัวช่าน้อยในอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉา สีหน้าก็เปลี่ยนไป “เกิดอะไรขึ้นกับมัน?”
“ยาโลหิตของมันหายไป” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
อวี๋หวั่นรีบเปิดเสื้อคลุมของมัน เมื่อเห็นว่าท้องของมันไม่ได้เสียหาย จึงกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ไม่ได้ถูกคนควักออกไป…”
ตีออกไป หรือว่า—
อวี๋หวั่นยังไม่ทันคิดหาสาเหตุ ซือคงเย่ก็อุ้มร่างราชาหลัวช่าเข้ามาในห้อง
อวี๋หวั่นหันกลับมามอง ก็ยิ่งรู้สึกงงงวย “ราชาหลัวช่าก็ได้รับบาดเจ็บหรือ?”
สงสัยก็ยังสงสัย แต่อวี๋หวั่นก็เตรียมพร้อมการรักษาได้อย่างรวดเร็ว เธอจัดการเก็บกวาดแท่นที่ใช้ในการรักษา ให้ตาทวดวางราชาหลัวช่าบนนั้น แล้วก็ทำความสะอาดสิ่งต่างๆ บนโต๊ะแปดเซียน ปูด้วยผ้าห่มขนแพะ ก่อนจะวางหลัวช่าน้อยลง
หลัวช่าน้อยไม่หายใจแล้ว แต่อวี๋หวั่นยังคงให้ยาฟื้นคืนชีพอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เรียกว่าการฟื้นคืนชีพ มิได้หมายถึงการทำให้คนที่ตายไปแล้วจริงๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่เป็นหัวใจที่หยุดชั่วคราวเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยที่ไม่ได้ตายจริงๆ อาจกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าหลัวช่าน้อยเป็นแบบแรกหรือแบบหลัง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย
ระหว่างทางมาที่นี่ เยี่ยนจิ่วเฉาและซือคงเย่ได้ส่งกำลังภายในให้กับหลัวช่าน้อยและราชาหลัวช่ามาตลอด วิชาอายุวัฒนะเป็นเพลงยุทธ์ที่ใช้ยับยั้งหลัวช่า และยังสามารถฟื้นฟูหลัวช่าได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย ทว่าอาการของทั้งสองไม่สู้ดีนัก กำลังภายในของพวกเขาทำได้เพียงคงสภาพเดิมไม่ให้เลวร้ายลงเท่านั้น แต่หากจะช่วยชีวิตคงไม่ง่ายเช่นนั้น
อาม่า ชิงเหยียน อิ่งลิ่วและคนอื่นๆ ก็รีบตามมา
“หือ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” อิ่งลิ่วถามด้วยความประหลาดใจ หากซือคงเย่ไม่ได้มีสีหน้าหนักใจ เขาคงคิดว่าเป็นปรมาจารย์เป็นคนที่ทำให้ราชาหลัวช่าและหลัวช่าน้อยเป็นเช่นนี้
ชุยเฒ่าจับชีพจรของทั้งสอง คิ้วสีเทาก็ขมวดเป็นปม “ค่อนข้างยุ่งยาก…”
“อย่างไร?” อวี๋หวั่นถาม
ชุยเฒ่ากล่าวว่า “พวกเขาถูกยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ราชาหลัวช่าได้รับพิษสะสมมานาน ไม่อาจใช้พลังได้ ทั้งยังเสียเลือดมากเกินไป สถานการณ์วิกฤต หลัวช่าน้อยแม้จะถูกพิษเล็กน้อย ทว่าไม่มียาโลหิตแล้ว สถานการณ์วิกฤติยิ่งกว่า”
พูดตามตรงแล้ว ทั้งสองอาจไม่สามารถมีชีวิตได้อีกต่อไป
หากจะรักษา ก็รักษาไว้ได้เพียงราชาหลัวช่าเท่านั้น
หลังจากเข้าใจความหมายของชุยเฒ่า หัวใจของอวี๋หวั่นก็กระตุกวูบ เธอมองไปที่ชายร่างเล็กผิวซีดขาวบนโต๊ะ และกล่าวอย่างไม่เชื่อ “หมดหวังแล้วจริงๆ หรือ?”
ในฐานะที่เป็นมารดาคนหนึ่ง ไม่มีเรื่องใดที่ยากจะรับได้ยิ่งไปกว่าการที่เด็กคนหนึ่งกำลังจะตายต่อหน้าเธอ ยิ่งกว่านั้น นี่คือเด็กที่มีบุญคุณช่วยชีวิตพวกต้าเป่า เธอเคยคิดว่าเธอจะเลี้ยงเขาไว้ ให้เขาเป็นน้องชายของเด็กน้อยทั้งสาม แต่จู่ๆ จะหายก็หายไปเฉยๆ…
ชุยเฒ่าก็ทุกข์ใจไม่น้อย เขาทอดถอนใจอย่างหมดหนทาง “มันไม่อาจมีชีวิตอยู่หากไร้ยาโลหิต”
“อาม่า ท่านมีวิธีใดอีกหรือไม่?” อวี๋หวั่นมองอาม่าที่อยู่ด้านข้าง
อาม่าส่ายหัวด้วยความเสียใจ “หลัวช่าโลหิตไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากยาโลหิต พวกมันเป็นปีศาจ ยอดฝีมือหากไม่มีเน่ยตัน อย่างมากก็กลายเป็นพวกไร้ประโยชน์ แต่หลัวช่าโลหิตหากไม่มียาโลหิตก็จะกลายเป็นคนตาย”
สรรพสิ่งบนโลกล้วนส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ ความแข็งแกร่งของหลัวช่าโลหิตหาใช่ได้มาโดยไม่มีสิ่งใดแลกเปลี่ยน
ขณะที่ทุกคนไม่สบายใจอยู่นั้น ราชาหลัวช่าบนแท่นรักษาก็ลืมตาขึ้น เขาค่อยๆ หันไปมองหลัวช่าน้อยที่ไม่รู้สึกตัว แล้วก็มองซือคงเย่ที่อยู่ด้านข้าง ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียกมือที่สั่นเทาขึ้นจับมือของซือคงเย่ มากุมจุดตันเถียนของตน
ซือคงเย่ประหลาดใจ “เจ้า…”
ราชาหลัวช่ามองเขาด้วยสายตาวิงวอน อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินกว่าจะพูดจา แต่แววตาของเขา ซือคงเย่เข้าใจดี เขาพยายามกล่าวคำต่อคำ “เอา…ยาโลหิต…ของข้า…ให้มัน”
ราชาหลัวช่าเป็นบุรุษที่หยิ่งผยอง พ่ายแพ้ได้ ดูหมิ่นเหยียดหยามได้ อยู่ในถ้ำที่มืดมิดมองไม่เห็นท้องฟ้านานนับสิบปี เพียงเพื่อฝึกฝนพลังชั่วร้ายได้อย่างสบายๆ แต่เขาไม่เคยก้มหัวให้ผู้ใด และยิ่งไม่มีทางอ้อนวอนต่อศัตรูของตน
ร่างของเขานอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น ทว่ากลิ่นอายทั้งหมดกลับคุกเข่าลง เขาวางความภาคภูมิใจในตนเองไว้แทบเท้า มองดูบุรุษผู้ซึ่งในชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดจะอ่อนข้อต่อหน้าเขา
ซือคงเย่ผงะไปครู่หนึ่ง หากกล่าวว่า เขาไม่เคยสนใจซางชิวหาน จนกระทั่งซางชิวหานกลายเป็นหลัวช่าโลหิต แต่เมื่อเป็นช่วงเวลานี้จริงๆ เขากลับรู้สึกว่าซางชิวหานมีดีพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
พวกเขาเคยนัดต่อสู้ในอีกสามวัน นั่นก็เพราะเขาจำเป็นต้องไป ทว่าบัดนี้ เขาอยากไป จากก้นบึ้งของหัวใจ และด้วยความเคารพในคู่ต่อสู้ของตนจริงๆ
เสียดาย ที่ไปไม่ได้แล้ว
บุรุษผู้นี้ยอมแพ้ต่อหน้าเขา แต่ทันทีที่เขายอมรับความพ่ายแพ้ ซือคงเย่กลับรู้สึกว่าซางชิวหานเป็นผู้ชนะตัวจริง
ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของซางชิวหานคือตัวเขาเอง เขาเอาชนะตัวเอง เอาชนะปีศาจที่อยู่ในใจของเขามานานหลายปี
“เจ้าต้องการเอายาโลหิตของราชาหลัวช่าออกมาจริงหรือ? อย่าดีกว่า…” ชุยเฒ่าพูดไปพลาง ยื่นกริชให้เขาไปพลาง
ทุกคน “…”
ชุยเฒ่ากระแอมในลำคอและกล่าวว่า “แต่ข้าอยากจะเตือนพวกเจ้าว่า ถึงแม้จะนำยาโลหิตออกมา ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตหลัวช่าน้อยได้ ยาโลหิตของราชาหลัวช่านั้นแข็งแกร่งเกินไป หลัวช่าน้อยอาจรับไม่ไหว ถึงเวลานั้น ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือหลัวช่าน้อยไม่รอด แล้วราชาหลัวช่าก็ตายเช่นกัน”
คำพูดนี้ เปลือกนอกดูเหมือนกล่าวกับพวกซือคงเย่ ทว่าแท้จริงแล้วต้องการให้ราชาหลัวช่าได้ยิน
ซือคงเย่มองไปที่ราชาหลัวช่า และกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ได้ยินหรือไม่? ความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวมีสูงนัก”
ราชาหลัวช่าจับมือซือคงเย่ด้วยความวิงวอน
ได้โปรดเถอะ
……………………