หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 504 นางเจียงมาแล้ว!
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว
เยี่ยยางถูกลักพาตัวไป ทั้งเรื่องนี้ยังเกิดขึ้นใต้จมูกของราชินีแม่มด ทำให้ราชินีแม่มดเดือดดาลขึ้นมา จึงสั่งให้องครักษ์ทั้งวังหลวงค้นหาทั่วเผ่าพ่อมด ที่สำคัญก็คือเผ่าพ่อมดมีขนาดใหญ่กว่าหมิงตูสักสามเท่าเห็นจะได้ เดิมทีแบ่งเป็นสามเขต ส่วนใจกลางของเผ่าคือเมืองหลวง และเป็นสถานที่ตั้งของวังหลวง รวมไปถึงที่พักอาศัยของบรรดาผู้ลากมากดี ส่วนอีกสองเขตที่เหลือนั้นคือสภาอาวุโสและหมู่บ้าน
แต่เนื่องจากมีพ่อมดแม่มดจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หนีมาจากประเทศมรกต ทว่าเผ่าพ่อมดเปิดรับคนไม่มาก คนที่เหลือไร้ที่ไป จึงลงหลักปักฐานอยู่บริเวณเชิงเขาด้านนอกเผ่า
เหล่าพ่อมดซึ่งถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในเผ่าอาศัยอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อรอวันที่พ่อมดระดับสูงผ่านมา เพียงแต่ว่าพวกเขาส่วนมากมิได้นั่งนอนรอโอกาสเช่นนั้น ของที่พวกเขานำมาจากประเทศมรกตและของที่มาจากประเทศอื่นๆ นั้นได้รับความนิยมจากคนเผ่าพ่อมด
คนเผ่าพ่อมดติดต่อกับคนนอกเผ่าเหล่านี้ นานวันเข้า ที่นี่จึงกลายเป็นส่วนที่สี่ของเผ่าพ่อมด เรียกว่าหมู่บ้านนอกเผ่า
เผ่าพ่อมดปฏิเสธคนนอก แต่เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มีคนเผ่าพ่อมดแวะเวียนไปมาเป็นจำนวนมาก ที่นี่จึงมีองครักษ์ประจำการอยู่ เพื่อช่วยสอดส่องดูแลและคุ้มครองคนในเผ่า
ที่ใดที่มีองครักษ์ของวังหลวง ที่นั่นย่อมมีข่าวสารของวังหลวง ภาพวาดของเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นถูกกระจายไปอย่างรวดเร็ว และไปถึงมือขององครักษ์ที่นั่น
เป็นเพราะอวี๋หวั่นปลอมตัวให้เยี่ยนจิ่วเฉาก่อนเข้าวัง ภาพวาดของเยี่ยนจิ่วเฉาจึงไม่คล้ายกับตัวจริง ทว่าภาพวาดของอวี๋หวั่นกลับงามเหมือนกับคัดลอกจากตัวจริงออกมา
หลังจากที่องครักษ์ซึ่งประจำในหมู่บ้านนอกเผ่าเห็นสตรีที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับบุคคลในภาพ ก็ล้อมจับนางในทันที!
เพียงแต่สิ่งที่องครักษ์ไม่เข้าใจก็คือ สตรีในภาพตั้งครรภ์ไม่ใช่หรือ? ลูกของนางไปไหนเสียแล้วเล่า?
อีกทั้ง เหตุใดยังมีเด็กตัวเล็กสามคนเดินตามมาต้อยๆ?
องครักษ์คนหนึ่งก็พลันคาดเดาเรื่องที่เป็นไปได้ยาก!
เขามองไปยังหัวหน้าของตน “หัวหน้าขอรับ นางคงไม่ได้ใกล้คลอดหรอกกระมัง? ทั้งยังคลอดออกมาถึงสามคน!”
หัวหน้าองครักษ์ยกมือขึ้นตบศีรษะของเขา “เจ้าโง่หรืออย่างไร? พูดเรื่องพวกนี้ออกมาได้! เห็นชัดๆ ว่านั่นไม่มีทางเป็นเด็กที่นางคลอดออกมา! เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังตั้งทอง ตอนนี้คลอดลูกออกมาสามคนแล้วน่ะหรือ?! เจ้าเคยเห็นคนคลอดเด็กแฝดสามไหม? เคยเห็นหรือ? ฮะ เจ้าเคยเห็นหรือไง?!”
องครักษ์ชะงักไป จากนั้นก็กระจ่างในทันใด เขายกนิ้วโป้งขึ้นมา “ปราดเปรื่องสมกับเป็นหัวหน้า!”
เสี่ยวเป่าเขย่งปลายเท้าขึ้น จับมือของหัวหน้าองครักษ์ พร้อมกับชี้ไปยังภาพของท่านแม่ “แต่ว่า ตัวไม่ใหญ่เท่าพวกข้า จึงไม่มีทางเป็นเด็กที่นางคลอดมาวันนี้น่ะหรือ?”
หัวหน้าองครักษ์ “…”
องครักษ์ “…”
ทั้งสองคนพองสยองเกล้า!
อ๊าก! เด็กพวกนี้น่ารำคาญจริงๆ!!!
หากถามว่าเหตุใดนางเจียงกับเด็กทั้งสามจึงมาปรากฏตัวที่นี่ อันที่จริงก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ระหว่างทางที่พวกเขาออกมาจากตลาดมืดมายังเผ่าพ่อมด ก็พบกับนักพนันกลุ่มหนึ่งเข้า นางเจียงคันไม้คันมือ จึงลงเล่นไปหลายตา เมื่อนางแพ้จนเด็กน้อยทั้งสามเหลือเพียงกางเกงในตัวเตียว นักพนันเหล่านั้นก็คร้านจะเล่นกับนางต่อ นางเจียงจึงยอมวางมือ จากนั้นก็พบว่าสามีและลูกเขยคนงามของนาง รวมไปถึงลูกสาวตัวอวบอ้วนของนางเดินทางออกไปนานแล้ว
…หรือจะกล่าวง่ายๆ ว่า ถูกทิ้งไว้เสียแล้ว
เอาเถอะ
อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
เด็กๆ ก็เคยชินกันแล้ว
แม้ว่าท้องของผู้หญิงคนนี้จะหายไป แต่ใบหน้าของนางก็เหมือนกับคนที่พวกเขาตามหาไม่มีผิดเพี้ยน หัวหน้าองครักษ์จึงตัดสินใจจับนางกลับไป
เจ้าพวกอ่อนหัดเหล่านี้ไม่คณามือเจียงป้าเทียนหรอก!
แต่ว่า…เฮ้อ ไหนๆ ก็พลัดหลงกับคนอื่นแล้ว
มีรถม้าพาไปส่งโดยไม่เสียเงินก็ดีเหมือนกัน!
……
ผ่านไปหนึ่งเค่อ ทั้งสี่คนก็ขึ้นไปนั่งรถคุมขังนักโทษตรงไปยังวังหลวง
…..
ราชินีแม่มดยังไม่รู้ว่าผู้ที่ถูกจับมานั้นไม่ใช่บุคคลในภาพ หัวหน้าองครักษ์ส่งจดหมายนกพิราบมาเพียงว่าจับคนในภาพได้แล้ว แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจับคนไหนได้
ราชินีแม่มดคิดว่าพวกเขาทั้งหมดถูกจับได้แล้ว จึงให้คนไปส่งลัญญาณลับเพื่อให้หลัวช่าทหารถอนกำลังกลับมา นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลัวช่าทหารสู้กับเยี่ยนจิ่วเฉาได้ไม่เท่าไรก็หนีไปเสียแล้ว ส่วนหลัวช่าทหารคนที่สี่ที่อวี๋หวั่นพบนั้นไม่อาจกลับไปยังตำหนักราชินีแม่มดได้เพราะถูกพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์กดไว้
ในตอนนี้ราชินีแม่มดมิได้สนใจหลัวช่าทหารอีกต่อไป นางสนเพียงว่าลูกของนางยังอยู่กับคนพวกนั้น!
“ราชินีแม่มด พวกเขามาถึงแล้วเพคะ” หงหลวนเข้ามารายงาน
ราชินีแม่มดดวงตาแข็งกร้าวขึ้นทันใด “นำตัวเข้ามา!”
“เพคะ!” หงหลวนคำนับแล้วถอยออกไป เพื่อพานางเจียงและเด็กทั้งสามเข้ามา
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ใหญ่ ลำพังเด็กทั้งสามคนก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากทีเดียว
แฝดสาม ผิวไหม้เกรียม แต่ก็ดูน่ารัก หน้าตาน่าเอ็นดู น่ารักน่าเอ็นดูกว่าเด็กคนใดที่พวกเขาเคยพบ!
“พี่สาว”
“พี่ชาย”
“พี่สาว ดวงตาของท่านงดงามเหลือเกิน!”
“มือของพี่สาวขาวจังเลยขอรับ!”
“พี่ชายสูงจังเลย!”
เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าเอ่ยทักทายคนในวังตลอดทาง แม้ว่าต้าเป่าจะพูดไม่ได้ แต่เขาก็ค้อมศีรษะอย่างรู้มารยาท
ทั้งยังส่งดอกไม้ให้เหล่าสาวกหญิงในวังด้วย
…ดอกไม้สดๆ เพิ่งเด็ดมา
หงหลวนคิดนึกว่าตนเองตาฝาดไป นี่ๆๆ…นี่มันอะไรกัน? แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าไม่ได้จับผิดคน? ไม่เข้าใจหรือ พวกเจ้าไม่ได้ถูกเชิญมาเป็นแขกนะ!!!
ว่าแต่ เด็กพวกนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน!
แก้มอวบอ้วนเป็นก้อน อยากบีบเหลือเกิน
หงหลวนทนไม่ไหว เหลือบมองเด็กทั้งสามอยู่หลายครั้ง ครั้นมาถึงหน้าตำหนักราชินีแม่มด ใบหน้าของนางจึงเย็นชาขึ้นมา สีหน้าดูเคร่งขรึม
“ทูลราชินีแม่มด นำตัวพวกเขามาแล้วเพคะ” นางคุกเข่าลง
“อืม” ราชินีแม่มดนั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้าน นางยกมือขึ้น บอกเป็นนัยว่าให้หงหลวนนำตัวพวกเขาเข้ามา
หงหลวนหันไป แล้วหันไปพูดกับคนด้านนอกประตูด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ราชินีแม่มดทรงเรียกแล้ว ยังไม่รีบเข้ามาอีก?”
ผู้ใหญ่คนหนึ่งและเด็กอีกสามคนเดินเข้ามาอย่างผึ่งผาย!
หงหลวน “…”
“ระวัง!” เสี่ยวเป่าสะดุดธรณีประตู หงหลวนจึงกระซิบเตือนเขา พร้อมทั้งยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ เพื่อรับเด็กน้อยตัวอ้วนกลมไว้
เสี่ยวเป่าตัวอ้วนจ้ำม่ำโผเข้าหานาง ไขมันที่พุงน้อยๆ ของเขากลายเป็นคลื่น แก้มของพวกเขาอวบอ้วน ดวงตา กลมโต กลิ่นของน้ำนมลอยเข้ามาแตะจมูกของนาง
หงหลวนรู้สึกราวกับหัวใจของนางกำลังบีบแน่น!
นางจับเด็กน้อยเพื่อให้เขาพยุงตัว และปล่อยเขาเดินเข้าไปด้านใน
หัวใจของนางแทบระเบิดออก
อ๊าาาา!
นางได้กอดแล้ว!
ใบหน้าน้อยๆ ของเขาซุกเข้าหานาง!
แขนของเขานุ่มเหลือเกิน!
เด็กอ้วนตัวอุ่นจริงๆ!
“เข้าไป” หงหลวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เสี่ยวเป่าเดินเตาะแตะตามท่านยายและพี่ชายอีกสองคนเข้าไป!
ทันทีที่ราชินีแม่มดเห็นทั้งสี่คน นางก็ตะลึงงัน ท้องอยู่ไม่ใช่หรือ? ไฉนจึงกลายเป็นสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์เช่นนี้ได้เล่า? แม้ว่านางจะหน้าตาเหมือนกับสตรีในภาพวาด แต่ราชินีแม่มดก็บอกได้ว่านางไม่ใช่คนที่ตนกำลังตามหา
ส่วนเด็กสามคนนี้ยิ่งไม่สมเหตุสมผลเข้าไปใหญ่ ไม่ยักรู้ว่าในบรรดาคนกลุ่มนั้น มีเด็กติดตามมาอีกสามคน
ราชินีแม่มดมองภาพวาด จากนั้นก็มองนางเจียง อย่างไรเสียนางก็เป็นอิสตรี นางย่อมตรวจสอบเรื่องนี้ได้ดีกว่าบุรุษ มองผิวเผินนั้นเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน แต่หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่ามีบางจุดที่ต่างกัน คนที่นางตามหานั้นยังเยาว์วัย ใบหน้าของนางยังคงอวบอิ่มเหมือนเฉกเช่นเด็กสาววัยแรกแย้มทั่วไป แต่สตรีผู้นี้อายุมากกว่าสักหน่อย ทว่าใบหน้าของนางดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน
หรือว่าเป็นพี่สาว?
ราชินีแม่มดมองไปยังภาพวาดในมือ “เจ้าเป็นอะไรกับนาง”
นางเจียงไม่สนใจ สองมือยกขึ้นเท้าเอว กระทืบเท้า เงยหน้ามองขึ้นฟ้า
เด็กทั้งสามทำตามนาง สองมือยกขึ้นเท้าเอว กระทืบเท้า เงยหน้ามองขึ้นฟ้า!
ราชินีแม่มดกำหมัดแน่น นางกะพริบตาอย่างเคลือบแคลงใจ จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่พูดใช่ไหม? ไม่เป็นไร ข้าจะปล่อยข่าวออกไปว่าพวกเจ้าถูกจับมา ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะมาหาถึงที่!”
นางเจียงยังคงเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
เด็กทั้งสามก็เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง!
ราชินีแม่มดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “มาจับพวกเขาไปขัง!”
สตรีผู้นี้หน้าตาเหมือนคนที่นางต้องการตัว บนร่างไร้กลิ่นอายของยอดฝีมือ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ราชินีแม่มดก็ไม่อาจหละหลวม นางให้จับพวกเขาไปขังในเรือนที่ห่างไกล และมีกลไกรักษาความปลอดภัยมากที่สุด ทั้งยังเรียกหลัวช่าทหารมาอารักขาไว้อีกด้วย
หลัวช่าทหารสามคนแรกกลับตำหนักไปกินอาหารกลางวัน หลัวช่าซึ่งมาถึงก่อนนั้นก็คือหนึ่งในสี่หลัวช่าทหารซึ่งถูกพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์กดไว้ และเพิ่งฟื้นขึ้นมา
เขาตัดสินใจเฝ้าอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อรอให้เพื่อนคนอื่นๆ มาผลัดเวร
นางเจียงกล่อมเด็กทั้งสามให้หลับไปเมื่อครู่ และกำลังจะออกไปหาอะไรกิน ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก็เห็นหลัวช่าทหารซึ่งมีกลิ่นอายที่รุนแรงคนหนึ่ง
นางเจียงชะงักไปชั่วขณะ แต่ผ่านไปชั่วพริบตาเดียว ว้าว! ดวงตาของนางเป็นประกายในทันใด!
ขณะที่นางเจียงกำลังมองหลัวช่าทหารอยู่นั้นเอง หลัวช่าทหารก็สังเกตเห็นนาง!
ทันทีที่เห็นใบหน้าของนางเจียง หลัวช่าทหารก็นึกถึงยามที่ตนถูกทำร้ายจนลงไปนอนกองกับพื้น เขาถอยครูดไปด้านหลัง แทบล้มก้นจ้ำเบ้า!
เขาไม่มีวันลืมว่าบนร่างของสตรีคนนั้นสามารถปล่อยพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ นางไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรด้วยง่ายๆ!
หลัวช่าทหารเตรียมตัวหนี
เขาตัดสินใจเรียกหลัวช่าทหารคนอื่นๆ มา เขาเป็นคนที่วรยุทธ์อ่อนด้อยที่สุด เพราะฉะนั้นเขาเชื่อว่าอีกสามคนจะสามารถจัดการนางได้!
นางเจียงพุ่งออกไปหา ทำให้หลัวช่าทหารล้มลงกับพื้น
ครั้นหลัวช่าทหารอีกสามคนมาถึงเรือน ก็เห็นว่าสตรีผู้อ่อนแอคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้น สองแขนกอดขาน้องสี่ของพวกเขา พร่ำร้องอ้อนวอนเขา
“ไอ้หยา เจ้าอย่าเพิ่งไปสิ!”
“วรยุทธ์ของข้าย่ำแย่! เจ้าสู้กับข้าสักหน่อยเถิด! ข้าใช้มือเดียวก็ได้! เจ้าดูสิข้าใช้มือเดียวนี่ไง!”
จะบ้าหรือ แค่มือเดียวข้าก็ขยับไม่ได้แล้ว ใครจะไปกล้าสู้กับเจ้า?!
……………………………………………..