หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 517 เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์รบหลัวช่าวิญญาณ!
ทันทีที่อิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันได้ยินเสียงสูดปากเบาๆ ก็รู้สึกว่าตนทนดูไม่ไหวอีกต่อไป
ฮูหยิน ท่านเป็นคนมีคู่ครองแล้ว หยุดเลยขอรับ!!!
ช่างงดงาม ช่างงดงามยิ่งนัก งดงามจนแทบหยุดหายใจ… หัวใจของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ใกล้จะระเบิด เหตุใดถึงมีคนรูปงามเช่นนี้อยู่บนโลกกันนะ?
ซู้ดๆๆ~
อิ่งลิ่วกระโดดขึ้นอย่างร้อนใจ ฮูหยิน! ท่านยังจำอวี๋เซ่าชิงจากหมู่บ้านเหลียนฮวาได้อยู่หรือไม่?!
“แม่นาง” ชายหนุ่มเรียกนางอย่างเย้ายวน แล้วยกมือใช้ปลายนิ้วแตะนาง
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ปล่อยหมัดเล็กๆ ออกไป!
ทว่ากลับถูกเพียงความว่างเปล่า!
เขาหายไปแล้ว!
โจวอวี่เยี่ยนและโจวจิ่นอาจไม่รู้จักความสามารถของนาง แต่อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันกลับคุ้นเคยดีที่สุด คนที่สามารถต่อรองยามอยู่ในมือของฮูหยินของพวกตน มีหลัวช่าวิญญาณเป็นคนแรก
พวกเขาสงสัยอย่างยิ่งว่าหลัวช่าวิญญาณผู้นี้ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง แต่เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่เช่นนั้น จะมีผู้ใดเคลื่อนไหวเร็วพอที่จะหลบหลีกหมัดเล็กๆ ของฮูหยินได้?
แต่ทว่า เอวของอิ่งสือซันและมือของอิ่งลิ่ว ยังคงมีสัมผัสของหลัวช่าวิญญาณหลงเหลืออยู่ ราวกับจะเตือนพวกเขาว่าหลัวช่าวิญญาณมีตัวตนอยู่จริง
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์มองไปที่ป่าอันเงียบสงบ ก็มุ่นขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ
วินาทีต่อมา กลิ่นอายอบอุ่นก็พุ่งเข้ามา เอวของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ถูกโอบจากคนที่อยู่ด้านหลัง น้ำเสียงลุ่มลึกน่าดึงดูดค่อยๆ ดังขึ้นข้างหูของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ “แม่นาง ข้าอยู่นี่ไง”
คราวนี้เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ไม่ปล่อยให้เขาหนีไป จับข้อมือและออกแรงดึงเขามาอยู่ด้านหน้าของตน
ทันทีเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์คว้าคอของเขา ก็ขว้างขึ้นไปในอากาศ กระแทกเขากับต้นไม้อย่างโหดเหี้ยม!
คืบหน้ามาถึงจุดนี้โดยพื้นฐานแล้วเป็นที่แน่นอน ทว่าชายหนุ่มที่ถูกเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์บีบคอ จู่ๆ ก็สำแดงพลังเสน่ห์ ใบหน้าที่เดิมทีก็โดดเด่นกว่าผู้ใดอยู่แล้ว กลับยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ
“ซู้ด~” เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์จะทนไม่ไหวอีกครั้ง
หัวใจของอิ่งลิ่วเคลื่อนมาถึงปาก ฮูหยิน! ใจเย็นๆ! ใจเย็นๆ นะขอรับ!
ใจ——เย็น——ไม่——ไหว——แล้ว——
อ๊ายยย! เหตุใดถึงมีคนรูปโฉมงดงามได้เช่นนี้?!
หมัดเล็กๆ ของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ปล่อยไม่ออกอีกแล้ว!
บุรุษผู้นั้นมองนางอย่างเสน่หา
“ระวัง! เขากำลังจะดูดพลังวิญญาณ!” โจวจิ่นตะโกน
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์เหวี่ยงชายหนุ่มในมือออกไปทันที!
ชายผู้นั้นชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ดีดปลายเท้า หมุนวนกลางอากาศ ขจัดความอับอายจนตรอกและกระอักกระอ่วนที่กระแทกต้นไม้ แล้วตกลงบนกิ่งอย่างสง่างาม
ไม่รู้เมื่อไรที่ในมือของชายผู้นั้นมีพัดสีดำเล่มหนึ่ง เขากางมันออกปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง นัยน์ตาดอกท้อหรี่ลงเป็นพระจันทร์เสี้ยวดูงดงาม “มองทะลุศาสตร์ดูดวิญญาณของข้าได้ นับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง มิน่าราชินีแม่มดถึงอยากกำจัดพวกเจ้า”
เขาเอ่ยอย่างทอดถอนใจ พลางคลายกระดูกและกล้ามเนื้อของตน “หลังจากหลับใหลมานานหลายปี ฝีมือของข้าก็ตกลง วิชาดูดวิญญาณของข้าเมื่อก่อน ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีได้”
เขามองดูดวงจันทร์ที่สว่างไสวและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟ้าใกล้สางแล้ว วันนี้ข้าเล่นกับพวกเจ้าเพียงเท่านี้ พบกันคราหน้า พวกเจ้าทุกคนจะต้องสบายดี สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะนำไปด้วยตนเอง”
อิ่งลิ่วกดมือของตนโดยไม่รู้ตัว โจวอวี่เยี่ยนก็ปิดตานางโดยไม่รู้ตัว ส่วนอิ่งสือซัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก แต่เอวของเขาก็ยังแข็งค้างไปชั่วครู่
“ยังมีวิญญาณที่ข้าไม่ได้เอาไป…” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วหันมองเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ด้วยแววตามีนัยลึกล้ำ “แล้วข้าจะกลับมาอีกครั้ง”
เงาเลือนรางแวบไปทางรถม้า
“องค์ชายเยี่ยยางข้าจะพาไป ลาก่อน!”
ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น เขาก็แวบร่างพาคนออกจากป่าทึบไปแล้ว
หลัวช่าวิญญาณหายไปไร้ร่องรอย โจวอวี่เยี่ยนและคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่ากำลังภายในของตนค่อยๆ ฟื้นคืน ว่าไปแล้วก็น่าแปลก เห็นๆ ว่าคนผู้นั้นไม่ได้ใช้พลังกดดันและกำลังภายในกับพวกเขา แต่กลับสามารถทำให้พวกเขาไม่อาจใช้แรง หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าพลังยับยั้งวิญญาณ?
สมองและประสบการณ์ที่ผ่านมาของโจวอวี่เยี่ยนไม่เพียงพอที่จะคิดเรื่องเหล่านี้ให้ตก สิ่งที่นางกังวลมากที่สุดในยามนี้คือความปลอดภัยของศิษย์น้อง
“ศิษย์น้อง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
เมื่อกล่าวถึงศิษย์น้อง ก็ทำให้ต้องนึกถึงเยี่ยยางซึ่งนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันกับศิษย์น้องไปด้วย องค์ชายเยี่ยยางที่มาถึงมือพวกเขาอย่างยากลำบาก กลับถูกหลัวช่าวิญญาณพาตัวไปอย่างเปล่าประโยชน์เช่นนี้ โจวอวี่เยี่ยนระเบิดความโกรธแค้น หลัวช่าวิญญาณน่ากลัวเช่นนั้น ต่อไปเกรงว่าจับตัวประกันมาอีกครั้งจะไม่ง่ายแล้ว
โจวอวี่เยี่ยนเปิดม่านออกด้วยความรำคาญ ทว่าสิ่งที่ทำให้ตะลึงงันคือ ในรถม้าไหนเลยจะมีศิษย์น้องของนาง? กลับมีเพียงเยี่ยยางที่ตัวสั่นระริก!
“จะ..เจ้าไม่ได้ถูกพาไปหรอกหรือ?” โจวอวี่เยี่ยนตะลึงตาค้าง
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันก็เดินเข้ามา
เยี่ยยางมองโจวอวี่เยี่ยน จากนั้นก็หันไปมองพวกเขา และร้องไห้ออกมา “ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน! ข้าควรถูกพาตัวไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่…ฮืออออ…ข้าไม่เอา…”
เยี่ยยางร่ำไห้โหยหวน!
“อิ่งสือซัน เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” อิ่งลิ่วถามด้วยความสงสัย
อิ่งสือซันชะงักและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเขาน่าจะจับคนผิด เห็นโจวจิ่นเป็นเยี่ยยางแล้วพาตัวไป”
อิ่งลิ่วตกตะลึง “นี่ก็เข้าใจผิดได้ด้วยหรือ? เขาไม่ได้ดูภาพวาด หรือไม่ได้ถามอายุกัน!” คนหนึ่งอายุสิบสอง คนหนึ่งเก้าขวบ อย่างไรก็ไม่เหมือนจะเข้าใจผิดได้ อีกอย่างโจวจิ่นเป็นพ่อมด เยี่ยยางเป็นคนธรรมดา ต่อให้รับรู้เพียงลมหายใจก็ไม่ถึงกับทำให้สับสนได้
อิ่งสือซันกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าโจวจิ่นจะใช้วิชาภาพลวงตากับหลัวช่าวิญญาณ จงใจให้หลัวช่าวิญญาณเข้าใจผิด”
อิ่งลิ่วยิ่งสงสัย “หลัวช่าวิญญาณเก่งกาจเช่นนั้น ยังตกหลุมพรางภาพลวงตาของโจวจิ่นได้อีกหรือ?”
อิ่งสือซันมองดูแสงแรกสีขาวที่ขอบฟ้า “เจ้าได้สังเกตว่าเมื่อครู่เขากล่าวว่าอย่างไรหรือไม่? เขากล่าวว่า ‘หลังจากหลับใหลมานานหลายปี ฝีมือของข้าก็ตกลง’ และ ‘ฟ้าใกล้สางแล้ว’ ข้าคิดว่าเขารีบร้อนจากไป และถูกภาพลวงตาของโจวจิ่นพอดี ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
อิ่งลิ่วคล้ายกับตรัสรู้ในทันที “เจ้ากล่าวเช่นนี้ก็ดูมีเหตุผล” ในหมู่พวกเขา คนเดียวที่สามารถจัดการกับหลัวช่าวิญญาณได้คือฮูหยิน แต่ฮูหยินหลงใหลในความงามของหลัวช่าวิญญาณอย่างสมบูรณ์ ก็หมายความว่า หากหลัวช่าวิญญาณยังประมือกับฮูหยินต่อ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสชนะ แต่เขากลับเลือกที่จะจากไปในช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้น
อิ่งสือซันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามหลักแล้ว ขอบเขตพลังของโจวจิ่นไม่ควรมองทะลุศาสตร์ดูดวิญญาณของข้าได้ แต่โจวจิ่นกลับมองทะลุปรุโปร่ง แสดงให้เห็นว่าพลังของเขาในยามนั้นเริ่มมีข้อบกพร่องแล้ว โจวจิ่นคิดได้ในจุดนี้ จึงเสี่ยงใช้ภาพลวงตากับเขา หากสำเร็จก็ดีที่สุด แต่หากไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็มีฮูหยินอยู่ เขาไม่อาจทำร้ายโจวจิ่นได้”
ราชินีแม่มดต้องการช่วยบุตรชายของนาง แต่ผลกลับกลายเป็นบุตรชายตัวปลอม หากราชินีแม่มดรู้ความจริง ก็ไม่รู้ว่านางจะกระอักเลือดออกมาหรือไม่
แน่นอน อิ่งลิ่วกังวลถึงความปลอดภัยของโจวจิ่นมากกว่าท่าทีของราชินีแม่มด
อิ่งลิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เป็นเช่นนี้ มิใช่ว่าพวกเรามีตัวประกันไปอยู่ในมือของราชินีแม่มดแล้วหรือ? โจวจิ่นจะเป็นอันตรายมากหรือไม่?”
อิ่งสือซันส่ายหัว “ไม่มีทาง โจวจิ่นสามารถใช้เวทมนตร์ภาพลวงตากับหลัวช่าวิญญาณได้ ก็สามารถใช้กับราชินีแม่มดได้ เขาเป็นพ่อมดใหญ่ระดับเทียน นอกจากหลัวช่าวิญญาณและราชาพ่อมดแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมองออก ข้าเดาว่าระยะนี้หลัวช่าวิญญาณไม่อาจมองทะลุได้ และถึงราชาพ่อมดจะมองออกก็จะไม่เปิดโปงเขา มีโจวจิ่นซ่อนตัวอยู่ในวังราชินีแม่มด เป็นประโยชน์และไม่อันตรายกับพวกเรา”
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น อิ่งลิ่วก็โล่งใจ ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นได้ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “เจ้าว่า…หลัวช่าวิญญาณนี่มันอันใดกัน? ออกจะเก่งกาจเช่นนั้น ทว่ากลับเก่งกาจอยู่ได้ไม่นาน…”
อิ่งสือซันกล่าวว่า “ข้าก็สับสนไม่น้อย เกรงว่าพวกเราต้องกลับไปถามอาม่า”
หลายคนตัดสินใจจะบอกให้อวี๋เซ่าชิงกลับจวน ก็เห็นอวี๋เซ่าชิงจ้องมองเงาหลังเล็กๆ ของวีรสตรีผู้กล้าคนนั้น
อวี๋เซ่าชิงยิ่งมองก็ยิ่งคุ้นเคย ยิ่งมองก็ยิ่งใจเต้น ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก “เจ้าใช่—”
เงาดำร่างเล็กหันหลังให้เขา ไม่หันมา ยกมือขึ้น กดเสียงต่ำแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่!”
หลังจากกล่าวจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะหายไปในภูเขา
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันต่างก็ตกอกตกใจ หมดกันๆ จบเห่แล้ว! นายท่านยังไม่ได้ถามว่านางคือใคร ก็รีบปฏิเสธทันควัน ชัดเจนไปแล้ว!
ทว่าอวี๋เซ่าชิงกลับตบหน้าอก ทอดถอนใจอย่างโล่งอก “นางบอกว่านางไม่ใช่! ข้ากลัวแทบตาย! ข้าก็คิดว่าอาซู มาที่นี่!”
อิ่งลิ่ว “…”
อิ่งสือซัน “…”
เช่นนี้ ก็ได้ หรือ?!
พวกเขากลับไปที่เรือนฮูหยินรองจวนสกุลเวิน พร้อมกับเยี่ยยางที่ร้องไห้ไม่หยุด
อวี๋หวั่นตื่นแต่เช้า กำลังตากยาสมุนไพรในลาน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว เยี่ยยางก็อยู่ด้วย แต่กลับไม่เห็นโจวจิ่น
“หืม? เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เธอถาม
อิ่งลิ่วก้มหน้ากล่าวอย่างเศร้าใจ “เรื่องมันยาวขอรับ สรุปคือราชินีแม่มดส่งหลัวช่าวิญญาณมา หมายจะพาองค์ชายเยี่ยยางกลับไป ผลกลับพาไปผิดคน แต่ฮูหยินไม่ต้องกังวล โจวจิ่นจะไม่เป็นไร”
อวี๋หวั่นเชื่อว่าโจวจิ่นจะไม่ทำสิ่งที่เขาทำไม่ได้ เขาเป็นเด็ก แต่ก็เป็นทายาทของราชาพ่อมดกับราชาศักดิ์สิทธิ์ เขาเกิดมาพร้อมกับชะตากรรมที่แตกต่าง
อวี๋หวั่นชะงักแล้วกล่าว “ว่าไปแล้ว เผ่าพ่อมด… มีหลัวช่าวิญญาณอยู่จริงๆ หรือ? ยามที่ได้ยินอาม่ากล่าวถึงหลัวช่าวิญญาณ ข้ายังคิดว่ามันเป็นเพียงตำนาน”
อิ่งลิ่วกล่าว “หลัวช่าวิญญาณตนนี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย”
“เหตุใดถึงแปลกประหลาด?” อวี๋หวั่นถาม
“ด้านหน้าดูทรงพลังไม่เบา แต่จู่ๆ ก็…” อิ่งลิ่วเล่าถึงการปรากฏตัวของหลัวช่าวิญญาณตั้งแต่ต้นจนจบให้อวี๋หวั่นฟังคร่าวๆ แน่นอนในคำพูดไม่ได้ระบุตัวตนของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ เพียงแต่บอกว่าเป็นยอดฝีมือท่านหนึ่งที่คอยปกป้องคุณชายอย่างลับๆ
อวี๋หวั่นลูบคางพึมพำ “หากเป็นเช่นนี้ กลางคืนเขาเป็นราชา รุ่งสางก็กลายเป็นทองสัมฤทธิ์[1]?”
“ทองสัมฤทธิ์อะไรหรือขอรับ?” อิ่งลิ่วได้ยินไม่ชัด
อวี๋หวั่นหัวเราะเบาๆ “อา ไม่มีอะไร อาม่าตื่นแล้ว ไปถามเขาเถอะ”
…………………………………………
[1] หมายถึง rank ในเกม League of King ราชาเป็น rank สูงสุด ทองสัมฤทธิ์เป็น rank ต่ำสุด