หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 524.1 ช่วยชีวิตสุดกำลัง เขามาแล้ว (1)
กององครักษ์ไล่ตามมาไม่ขาดสาย
โจวอวี่เยี่ยนเคลื่อนรถม้าไปอย่างช้าๆ เดิมทีได้ยินเสียงเกือกม้าก็คิดว่าเป็นต๋าหว่า ทว่าไม่นานเสียงเกือกม้าก็ดังเลี้ยวจากไปอีกทาง
นางชะเง้อมองไปข้างหลัง เห็นเพียงหลังม้าที่ควบจากไป
“ทำสิ่งใดหล่นไปหรือ?” นางแอบพึมพำ
ไม่นาน นางก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารทรงพลังกลุ่มหนึ่ง ดวงตาทอประกายเย็บวาบ กระชากบังเหียนหยุดรถม้า
มู่ชิงที่อยู่ในรถไม่อาจทรงตัว พุ่งถลาออกมาด้านนอก โจวอวี่เยี่ยนยกมือกั้นไม่ให้เขาตกลงพื้น
“เกิดอะไรขึ้นศิษย์พี่?” มู่ชิงถามด้วยความสงสัย
โจวอวี่เยี่ยนกล่าวอย่างหวาดระแวง “ดูเหมือนจะมีคนมา ข้าจะไปดูต๋าหว่า เจ้าไม่ต้องอยู่รอในรถ รีบไปหาที่ซ่อนตัว!”
“โอ้” ทันทีที่ได้ยินว่ามีอันตราย มู่ชิงไม่กล้าที่จะลังเล รีบสวมหมวก เดินไปซ่อนตัวในที่อาศัยซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล
เมื่อโจวอวี่เยี่ยนเห็นว่าเขาซ่อนตัวดีแล้ว ก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินไปยังทิศที่ต๋าหว่าจากไป
ยามนางมาถึงที่เกิดเหตุ เหล่าองครักษ์ที่ไล่ตามมาก็ถึงแล้ว กลุ่มคนดำทะมึน ทุกคนถือหน้าไม้ประกายเย็นเยียบแวววาว นี่ไม่ใช่องครักษ์วังหลวงที่เคยเห็น ทว่าดูเหมือนกับกององครักษ์รักษาพระองค์ลึกลับมากกว่า
ด้านข้างม้าฝีเท้าดีของต๋าหว่า ต๋าหว่าคุกเข่าลงข้างหนึ่ง โอบร่างของฮูหยินรองซึ่งอาบไปด้วยเลือดและลูกธนูที่ปักกลางอก ร่ำไห้ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง…
คิ้วของโจวอวี่เยี่ยนเด้งขึ้น และขมวดอย่างไม่คาดคิด
เหตุใดจากไปเพียงครู่เดียวถึงเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ได้?
วินาทีก่อนนางยังเป็นฮูหยินรองสตรีผู้งดงาม บัดนี้ร่างกายกลับโชกเลือด…องครักษ์เหล่านี้กล้าสังหารคนไม่เลือกหน้า? ไม่เห็นหรือว่าหนึ่งในนั้นเป็นน้องชายของราชินีแม่มด อีกคนหนึ่งก็เป็นบุตรีตระกูลเนี่ย?
หรือว่าตัวตนของต๋าหว่าถูกเปิดเผยแล้ว?
แม้เป็นเวลาเพียงชั่วพริบตา ความสงสัยก็ผุดขึ้นในใจโจวอวี่เยี่ยนนับไม่ถ้วน แน่นอน บัดนี้ไม่ใช่เวลาจะจัดการกับความสงสัยของตน หากแต่ต้องรีบขับไล่องครักษ์ให้ล่าถอยและพาพวกเขาออกไปสำคัญกว่า
โจวอวี่เยี่ยนชักแส้จากเอว เหวี่ยงขึ้นไปกลางอากาศ โจมตีองครักษ์คนหนึ่งที่ยิงธนูใส่ต๋าหว่ากับฮูหยินรองอย่างดุเดือด
เสียงฟาดดังสนั่น หน้าไม้ในมือองครักษ์ถูกกำลังภายในของแซ่สะเทือนแยกเป็นสองส่วน องครักษ์ตกใจ ดึงกระบี่จากเอวพุ่งโจมตีโจวอวี่เยี่ยน โจวอวี่เยี่ยนไม่ปล่อยให้เขาได้โอกาส วาดแส้ตัดคอของเขาขาดสะบั้น
เขาเป็นศพแรกที่โจวอวี่เยี่ยนสังหาร
นางมีวรยุทธ์สูงส่งก็จริง แต่นางก็เป็นบุตรีสกุลโจว มีบิดาที่รักนาง มีศิษย์พี่ศิษย์น้องที่รักและเคารพนาง ไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติไม่ดีต่อนาง หากต้องฝึกวรยุทธ์เพื่อป้องกันตัว ไม่สู้ฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งยังดีเสียกว่า นางไม่เคยคิดที่จะฆ่าคน
ทว่าสถานการณ์ยามนี้ ทำให้นางไม่อาจใจอ่อนออมมือ
เมื่อเห็นสตรีผู้มีจิตใจงดงามเช่นนั้นต้องนอนจมกองเลือด ใจของนางก็สุมด้วยไฟโทสะ
เดนเหล่านี้เป็นเดรัจฉานใดกัน? เหตุใดสตรีไร้เรี่ยวแรงไร้ทางสู้ก็ยังลงมือได้?
องครักษ์ไล่ล่าคนที่เหลือเห็นโจวอวี่เยี่ยน ต่างก็เล็งธนูยิงศรใส่นางราวกับห่าฝนมืดฟ้ามัวดิน
โจวอวี่เยี่ยนโบกแส้ยาวด้วยความเร็ว สร้างเกราะกำบังที่มองไม่เห็น ปัดลูกธนูออกทีละดอก ธนูดอกหนึ่งพุ่งข้ามศีรษะนางไปทางต๋าหว่าที่อยู่ด้านหลัง
โจวอวี่เยี่ยนหันกลับไปมองด้วยความตกใจ “ระวัง!”
ต๋าหว่าสิ้นอาลัย กอดร่างฮูหยินรองแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวราวกับถูกดูดวิญญาณ ไม่ได้ยินเสียงใดๆ แม้แต่น้อย
โจวอวี่เยี่ยนเบี่ยงตัวไปปัดธนูดอกนั้น แต่องครักษ์คนหนึ่งก็คว้าแส้ของนางไว้ ดวงตานางประกายเฉียบคม ระเบิดกำลังภายในผลักองครักษ์ผู้นั้นกระเด็นออกไป ทว่าก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการสกัดลูกธนูไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าลูกธนูกำลังจะแทงทะลุหัวใจของต๋าหว่า จู่ๆ ลูกดอกลูกหนึ่งก็พุ่งสกัดลูกธนูนั้น
โจวอวี่เยี่ยนมองลูกดอกที่ตกลงสู่พื้นก็พลันรู้สึกดีใจ “อิ่งลิ่ว!”
ร่างสูงใหญ่โดดลงจากท้องฟ้า ทว่าไม่ใช่อิ่งลิ่ว
“อิ่งสือซัน?” โจวอวี่เยี่ยนประหลาดใจ นั่นไม่ใช่อาวุธลับของอิ่งลิ่วหรือ? เหตุใดเขาถึงใช้มันเป็น? หรือของอิ่งลิ่วก็คือของเขา แล้วของเขาก็คือของอิ่งลิ่ว?
สายตาของนางตกกระทบกับปลอกมีดหนังบนเอวของอิ่งสือซัน
นี่เป็นสิ่งที่อิ่งลิ่วซื้อให้อิ่งสือซัน เขาก็ซื้อให้ตนเองอันหนึ่ง คู่นี้ช่างดูเข้าคู่กันยิ่งนัก
เคร้ง!
ดาบยาวในมืออิ่งสือซันฟันลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่โจวอวี่เยี่ยน “มัวอึ้งอันใด? อยากตายหรือ?”
โจวอวี่เยี่ยนตกใจกลัวได้สติกลับมา นางกระชับแส้ในมือ ฟาดลูกธนูอีกดอกที่พุ่งเข้ามา
“อิ่งลิ่วละ?” โจวอวี่เยี่ยนถาม “เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
อิ่งสือซันมองนางอย่างเย็นชา “เจ้าห่วงตัวเจ้าก่อนเถอะ!”
กององครักษ์ไล่ล่าครั้งนี้แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมกว่าที่เคยไม่น้อย ด้านคุณชายไม่ถูกลอบโจมตี ทว่าคุณชายกังวลถึงความปลอดภัยของพวกเขา จึงสั่งให้ตนมาตามหา
โชคดีที่ได้มา ศิลปะการต่อสู้ของโจวอวี่เยี่ยนมิได้อ่อนด้อย ทว่าอาการไขว้เขวเมื่อครู่นี้มันเรื่องใดกัน?
ราวกับเดาความคิดดูแคลนของอิ่งสือซันออก โจวอวี่เยี่ยนขบเม้มริมฝีปากตน “เพราะเจ้ามาถึงได้กวนใจข้า! ข้าเองสู้ได้อยู่แล้ว!”
นี่เป็นความจริง หากไม่ใช่เพราะปลอกมีดหนังของเขาที่ทำให้นางนึกถึงอิ่งลิ่ว นางก็คงไม่วอกแวกหรอก
“จริงหรือ?” อิ่งสือซันถามกลับอย่างเย็นชา กำลังภายในอันน่าสะพรึงกลัวกลุ่มหนึ่งพุ่งโจมตีโจวอวี่เยี่ยน แต่โจวอวี่เยี่ยนไม่ได้หยุดมัน
“อ๊า——” ต่อจากเสียงกรีดร้อง โจวอวี่เยี่ยนกก็ถูกพลังกำลังภายในจนพลิกหมุนกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาด
อิ่งสือซันหมายจะคว้าตัวนางไว้ แต่ก็ถูกคนล้อมเสียก่อน เขาแยกร่าง ท่ามกลางวิกฤตอันเลวร้ายโจวอวี่เยี่ยนกวาดแส้พันท้องม้าของต๋าหว่า ด้วยพละกำลังมหาศาลทำให้ม้าซวนเซไปหลายก้าว แต่โชคดีที่หยุดนางไว้ได้
โจวอวี่เยี่ยนดีดปลายเท้า พลิกตัวกลับลงพื้น นางเก็บแส้ ตบอานม้าอย่างสบายใจ “เด็กดี ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว!”
ม้าเงยหน้าส่งเสียงร้อง
โจวอวี่เยี่ยนหันมององครักษ์ที่ทำร้ายนาง กัดฟันกรอด “กล้าลอบโจมตีข้า? ไม่อยากมีชีวิตแล้วกระมัง!”
โจวอวี่เยี่ยนเหาะขึ้นไปบนอากาศ วาดแส้ใส่องครักษ์ผู้นั้น เขาไม่ทันตั้งรับถูกฟาดล้มลงกับพื้น
โจวอวี่เยี่ยนยังอยากใช้กระบวนท่าจัดการต่อ แต่อิ่งสือซันก็กล่าวว่า “เอาละ เลิกบ้าสงคราม! รีบพาพวกต๋าหว่าออกไปก่อน!”
“…รู้แล้วน่า!” โจวอวี่เยี่ยนเหลือบมองต๋าหว่าผู้สิ้นหวัง แล้วมองฮูหยินรองที่เขากอดไว้แน่น นางทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ ใช้วิชาตัวเบาพาพวกเขาออกไปข้างละคน
องครักษ์จะตามไป แต่ก็ถูกอิ่งสือซันหยุดไว้
ไปได้ครึ่งทาง โจวอวี่เยี่ยนก็พบกับอิ่งลิ่วที่ตามมาเสริม
อิ่งลิ่วเห็นคนสองคนในอ้อมแขนที่โจวอวี่เยี่ยนหอบกลับมา ก็ตกตะลึงในทันที “ไยเป็นเช่นนี้?”
โจวอวี่เยี่ยนกล่าว “ข้าก็ไม่รู้ พี่หวั่นและคุณชายเยี่ยนละ?”
“พวกเขาอยู่ตรงนั้น มากับข้า!” ขณะกล่าว อิ่งลิ่วก็ดึงต๋าหว่าจากมือของโจวอวี่เยี่ยน แต่ต๋าหว่าปฏิเสธที่จะปล่อยมือของฮูหยินรอง อิ่งลิ่วแกะอยู่นานจนเกือบจะตัดนิ้วของเขาทิ้ง
โจวอวี่เยี่ยนจ้องมองเขา “หากยังโอ้เอ้ ร่างของนางจะถูกคนชิงไป!”
ไม่รู้ว่าประโยคนี้กระตุ้นต๋าหว่าหรือไม่ ต๋าหว่าน้ำตาไหล ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ
อิ่งลิ่วอุ้มเขาขึ้น ส่วนโจวอวี่เยี่ยนก็อุ้มฮูหยินรองไว้ในอ้อมแขน
“ไม่มีผู้ใดตามเจ้ามาใช่หรือไม่?” อิ่งลิ่วถาม
“ไม่มี อิ่งสือซันขวางพวกเขาไว้” โจวอวี่เยี่ยนกล่าว
“อ้อ” อิ่งลิ่วตอบรับ
โจวอวี่เยี่ยนกะพริบตาอย่างงุนงง “ท่าทีเช่นนี้อะไรกัน? เจ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของเขาหรือ?”
อิ่งลิ่วเหลือบมองนางด้วยความแปลกใจ “ข้าเชื่อเขา”
สายตาเช่นนั้น คล้ายกับถามโจวอวี่เยี่ยนกลับว่าเรื่องนี้ต้องถามด้วยหรือไม่?
อย่างไรโจวอวี่เยี่ยนก็รู้จักพวกเขาน้อยมาก ไม่เข้าใจว่าแก่นแท้ของพวกเขาคืออะไร พวกเขาเป็นหน่วยกล้าตายของคุณชาย เป็นองครักษ์เงาของคุณชาย ชีวิตของพวกเขาเป็นของคุณชาย พวกเขาเคยไปที่ที่อันตรายที่สุด ทำภารกิจที่เสี่ยงตายที่สุด ทุกวันพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความตาย และอาจตายเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่อาจใช้เหตุผลนี้มีชีวิตอยู่ในความกลัวได้
ห่วงคืออะไร? นั่นคือสิ่งที่หน่วยกล้าตายไม่ต้องการมากที่สุด
เขาเพียงแค่ต้องเชื่อมั่นในอิ่งสือซัน เชื่อว่าเขาจะสามารถกลับมาอยู่ข้างกายคุณชายและตนได้เสมอ