หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 540.1 พี่จิ่วอยู่ที่ไหน (1)
ครั้นผู้อาวุโสสามรุดมาถึงเรือนของพ่อครัวเทพเป้า อิ่งสือซัน อิ่งลิ่ว และมู่ชิงก็ออกตามหาเยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว ต๋าหว่าก็กำลังจะไปเช่นกัน ทันทีที่เห็นผู้อาวุโสสาม ต๋าหว่าก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
“เหตุใดเจ้ายังใช้ใบหน้านี้อยู่อีก” ผู้อาวุโสสามมองไปยังต๋าหว่า
ต๋าหว่ากระแอมเล็กน้อย “ข้า…เอ่อ…วิชาปลอมตัวนี้ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยกว่าจะหลุดออกขอรับ ข้าดึงออกเองไม่ได้”
พ่อตามิได้รู้สึกว่าลูกเขยคนนี้ขัดหูขัดตาสักเท่าไร ทว่าต่อให้เจ้านี่จะมีดีกว่าเวินซวี่มาก แต่สำหรับผู้อาวุโสสามแล้ว เขาก็ยังเป็นเด็กเวรที่ลักพาตัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาไปอยู่ดี
ผู้อาวุโสสามถลึงตาใส่เขาอย่างอดไม่ได้ โชคดีที่ผู้อาวุโสสามยังไม่ลืมประเด็นสำคัญ เขาโบกมือ พร้อมเอ่ยถามว่า “เอาเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมีคนรายงานข้าว่าเกิดเรื่องขึ้นที่หมู่บ้านด้านนอก”
“หลัวช่าวิญญาณ…” ต๋าหว่าเล่าเรื่องที่หลัวช่าวิญญาณมาตามหาพวกเขาให้ผู้อาวุโสสามฟังโดยละเอียด
“เช่นนั้น…เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่อยู่แล้วหรือ?” ในเมื่อผู้อาวุโสสามกลายมาเป็นพันธมิตรกับพวกเขาแล้ว ก็ย่อมล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา คนหนึ่งเป็นซื่อจื่อแห่งต้าโจว อีกคนหนึ่งเป็นองค์หญิงแห่งหนานจ้าว องค์หญิงคนนั้นยังเป็นถึงลูกหลานของเผ่าศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพ่อมด มิน่าเล่านางจึงตั้งท้องราชาศักดิ์สิทธิ์ได้
ต๋าหว่าพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย
ก่อนหน้านี้ถูกพวกเขาจับมา เขาไม่ยินดีเข้าไปพัวพันกับคนเหล่านี้ แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็ไม่มองตนเองเป็นคนนอกอีกต่อไป โดยเฉพาะหลังจากที่เมื่อคืนโจวจิ่นปกป้องเขา จึงจับเขาขังไว้ในห้อง ส่วนตนเองกลับออกไปเผชิญอันตรายโดยลำพัง ในตอนนั้น ความรู้สึกในใจของเขาซับซ้อนเหลือเกิน
เมื่อนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ต๋าหว่าจึงเอ่ยถามว่า “ราชินีแม่มดกับผู้อาวุโสใหญ่…”
“คนของข้ารู้เรื่องนี้ก่อน ข้าจึงปิดกั้นช่องทางของพวกเขาชั่วคราว” เมื่อเห็นว่าต๋าหว่ายังคงมีสีหน้ากังวล ผู้อาวุโสสามก็กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยู่ในสภาอาวุโสมานานถึงเพียงนี้ จะไม่มีความสามารถบ้างเลยหรือ? อาจเรียกได้ไม่เต็มปากว่าหลอกพวกเขา แต่ถ่วงเวลาอีกสักหน่อยนั้นสบายมาก”
“ขอบคุณท่านมากขอรับ” ต๋าหว่าพูดอย่างจริงใจ
“หวั่นโหรวไม่เป็นไรใช่ไหม?” ผู้อาวุโสสามเอ่ยถาม
ต๋าหว่าตอบว่า “นางเป็นเหมือนเดิมขอรับ ข้าฝากให้ผิงเอ๋อร์ช่วยดูแล ตอนนี้…ข้าต้องออกไปตามหาเยี่ยนจิ่วเฉา”
แม้ไม่รู้ว่าจะหาพบหรือไม่ แต่เมื่อมีคนช่วยหาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน โอกาสที่จะหาพบก็มีมากขึ้น
“อืม” น้อยครั้งนักที่ผู้เฒ่าไม่คัดค้านเขา “พาคนของข้าไปด้วย”
“ขอรับ ขอบคุณขอรับ” ต๋าหว่าตอบ
“ไม่ต้องขอบคุณทุกคำให้มากความ รีบไปตามหาคนได้แล้ว!” ผู้อาวุโสสามกล่าวเสียงเข้ม
“เข้าใจแล้วขอรับ! ” ต๋าหว่าพูดจบ ก็ออกไปพร้อมกับองครักษ์ของผู้อาวุโสสาม
ในอีกห้องหนึ่ง ราชาพ่อมดลืมตาตื่นขึ้น โจวจิ่นหลับอยู่ข้างกายเขา เมื่อราชาพ่อมดพบว่าโจวจิ่นบาดเจ็บ เขาก็พลันรู้สึกปวดใจ ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นลูบหน้าผากเขา ก็พบว่าโจวจิ่นก็ตื่นแล้วเช่นกัน
“ข้า…” ราชาพ่อมดอ้าปากพะงาบด้วยความขมขื่น เขาฟื้นขึ้นตั้งแต่เข้ามาในเรือนแล้ว เขารู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาตายไปพร้อมกับหลัวช่าวิญญาณ ว่ากันตามตรง โอกาสในการมีชีวิตรอดของเยี่ยนจิ่วเฉานั้นมีไม่มาก อย่างไรเสียในร่างราชาศักดิ์สิทธิ์ก็มีทั้งพลังของหลัวช่าวิญญาณและพลังของเหล่ายอดฝีมือที่หลัวช่าวิญญาณกลืนกินเข้าไป เมื่อพลังมหาศาลเหล่านั้นระเบิดออก ร่างเยี่ยนจิ่วเฉาก็คงแหลกเป็นฝุ่นธุลีไปแล้ว
“ข้าเป็นคนทำร้ายเขา…” ราชาพ่อมดมองไปยังดวงตาใสของบุตรชาย ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาเคยเตือนเขาไว้แต่แรกแล้วว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ตายไปแล้ว นางกลายเป็นหลัวช่าวิญญาณคนที่สอง แต่เขากลับไม่ยอมรับโชคชะตา ไม่ยินดีที่จะให้เป็นเช่นนั้น จึงทำให้ทุกคนต้องเผชิญกับอันตรายที่หลัวช่าวิญญาณทำ และสุดท้าย เยี่ยนจิ่วเฉาก็ต้องมาชดใช้ในความผิดพลาดของเขาแทน
เมื่อมองไปยังโจวจิ่นซึ่งถูกหลัวช่าวิญญาณทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ราชาพ่อมดก็รู้สึกผิดและโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม
โจวจิ่นไม่ได้กล่าวโทษเขา เพียงแต่มองตาเขานิ่งๆ
ราชาพ่อมดกุมศีรษะของตน แล้วพูดด้วยความเศร้าโศกว่า “พ่อสำนึกผิดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ พ่อก็ยินดีที่จะแลกชีวิตของตนเองกับเยี่ยนจิ่วเฉา”
โจวจิ่นหลุบตาลง
ในตอนนี้ สิ่งที่ทำให้ทุกคนชอกช้ำมากที่สุดไม่ใช่เพราะพวกเขายังหาเยี่ยนจิ่วเฉาไม่พบ หากแต่เป็นเพราะโจวจิ่นและราชาพ่อมดทำนายไม่ได้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ราชาพ่อมดตบไหล่บุตรชายเบาๆ “แม้ว่าในตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่…ข้าอยากบอกเจ้าว่าข้ากับท่านแม่ของเจ้าภูมิใจในตัวเจ้า”
โจวจิ่นรู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงอะไร จึงพยักหน้า แล้วตอบว่า ‘อืม’
พ่อลูกทั้งสองมิได้จมอยู่กับความโศกเศร้านานนัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถออกไปตามหาเยี่ยนจิ่วเฉาได้เฉกเช่นที่อิ่งสือซันและคนอื่นๆ ทำ ทว่าพวกเขาก็มีเรื่องอื่นที่ทำได้ โจวอวี่เยี่ยน ชุยเฒ่า และอาม่าถูกวิชาคุมวิญญาณเล่นงานเข้า พลังเวทของราชาพ่อมดค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา กอปรกับที่โจวจิ่นบรรลุระดับพลังจนเป็นราชาพ่อมดตัวน้อย ราชาพ่อมดเชื่อว่าจะสามารถรักษาพวกเขาได้
ขณะที่ราชาพ่อมดและโจวจิ่นกำลังรักษาให้ทั้งสามอยู่นั้น ผิงเอ๋อร์ก็ยกโจ๊กไปยังห้องของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นยังไม่นอน เธอนั่งเงียบๆ อยู่ริมหน้าต่างเพื่อรอฟังข่าว
แม้จะสูญเสียสามีผู้เป็นที่รักไป เธอไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ แต่กลับเยือกเย็น
“ฮูหยินน้อย” ผิงเอ๋อร์วางโจ๊กร้อนๆ ไว้บนโต๊ะ “โจ๊กที่ท่านปู่เป้าต้มเจ้าค่ะ”
“ท่านปู่เป้ายังไม่นอนอีกหรือ?” อวี๋หวั่นรับชามมา เธอไม่หิว แต่เธอต้องกิน
ผิงเอ๋อร์กังวลว่าอวี๋หวั่นจะไม่กิน แต่เมื่อเห็นว่าอวี๋หวั่นค่อยๆ ตักโจ๊กขึ้นมากินทีละคำๆ นางก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ “ท่านปู่เป้าเป็นห่วงฮูหยินน้อยกับคุณชายเจ้าค่ะ”
อวี๋หวั่นกินโจ๊กเข้าไปอีกหนึ่งคำ แล้วหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมุมปาก “ไม่มีเรื่องใดให้กังวล เยี่ยนจิ่วเฉาสัญญากับข้าไว้แล้วว่าเขาจะไม่ไปจากข้าง่ายๆ ข้าเชื่อเขา”
ผิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไร
เหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น แม้แต่สาวใช้อย่างนางก็ยังรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ฮูหยินน้อยกลับไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น เมื่อมาคิดดูก็มิใช่เรื่องแปลก ฮูหยินน้อยและคุณชายรักกันมาก มีลูกด้วยกัน ลูกในท้องก็ใกล้คลอดเต็มที แต่ตอนนี้กลับมาเสียคุณชายไป เป็นใครก็คงทำใจไม่ได้
“ท่านพี่เนี่ยไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” อวี๋หวั่นถาม
ผิงเอ๋อร์ส่ายหน้า “คุณหนูเนี่ยไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ผู้อาวุโสสามมาแล้ว กำลังเฝ้าคุณหนูเนี่ย จึงให้บ่าวมารับใช้ฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”
อวี๋หวั่นบอกว่า “เจ้าไปบอกท่านปู่เป้า ให้เขาพักผ่อน อายุมากแล้ว อย่าได้เดือดร้อนเพราะพวกข้าเลย”
ผิงเอ๋อร์ตอบว่า “ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ท่านปู่เป้าบอกข้าให้มาเชิญท่าน ท่านกำลังท้องกำลังไส้ ไม่ต่างอะไรจากพวกเขา อย่ารออยู่ที่นี่เลย…”
อวี๋หวั่นพยักหน้า “เจ้าพูดถูกแล้ว ที่จริงข้าไม่ควรรอ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ! เช่นนั้นรีบ…” ผิงเอ๋อร์ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่าอวี๋หวั่นวางชามข้าวลง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป
ผิงเอ๋อร์ตะลึงงัน “ฮูหยินน้อยเจ้าคะ! ไปไหนเจ้าคะ”
อวี๋หวั่นยิ้ม ตอบว่า “ข้าจะไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา”
“แต่ว่า…” ผิงเอ๋อร์รีบตามไป หมายจะหยุดอวี๋หวั่น แต่เธอเดินออกจากเรือนไปเสียแล้ว
“ให้นางไปเถิด” พ่อครัวเป้าบอก
“ท่านปู่เป้า” ผิงเอ๋อร์หันมา แล้วคำนับพ่อครัวเป้าซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป “นี่ก็ดึกแล้ว ฮูหยินน้อยจะเป็นอันตรายได้นะเจ้าคะ”
พ่อครัวเป้าตอบว่า “ที่นี่ล้วนมีแต่คนของของผู้อาวุโสสาม นางไม่เป็นไรหรอก นางเป็นห่วงจิ่วเฉา แทนที่จะบังคับให้นางอยู่ที่นี่ มิสู้ให้นางออกไปหาด้วยตัวเองดีกว่าหรือ”
“ท่านปู่เป้า ท่านไปพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยก็เป็นห่วงท่านเหมือนกัน”
พ่อครัวเทพเป้ายิ้ม “ข้าอายุมากแล้ว นอนไม่ค่อยหลับ เจ้าไปนอนเถิด อีกประเดี๋ยวพวกเขากลับมาเจ้าก็ต้องทำงานอีก”
“ข้าจะไปดูคุณชายน้อยเจ้าค่ะ” ผิงเอ๋อร์ตอบ
“ไม่ต้อง ข้าไปดูเอง” พ่อครัวเทพเป้าบอก
ผิงเอ๋อร์ชะงักไป “เช่นนั้น…บ่าวกลับห้องก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถิด” พ่อครัวเทพเป้าโบกมือ