หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 540.2 พี่จิ่วอยู่ที่ไหน (2)
หลังจากที่ผิงเอ๋อร์ออกไป พ่อครัวเทพเป้าก็เข้าไปในห้อง และเดินตรงไปยังเตียงของเด็กทั้งสาม เด็กทั้งสามกำลังหลับสบาย เพียงแต่ท่านอนของพวกเขาออกจะแปลกประหลาด แน่นอนว่าท่านอนของเอ้อร์เป่าแลดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง ส่วนเสี่ยวเป่าและต้าเป่ากลับนอนหัวไปทางหางไปทาง คนหนึ่งกลิ้งไปยังปลายเตียง อีกคนหนึ่งนอนติดกับกำแพง
พ่อครัวเทพเป้ามองไปยังเด็กน้อยน่ารักทั้งสาม แล้วยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
ไม่มีใครเข้าใจการสูญเสียครอบครัวได้ดีไปกว่าเขาแล้ว เขาตามหาลูกมาสามสิบกว่าปี แบกรับความทุกข์มาสามสิบกว่าปี ที่ตอนนี้ยังยิ้มได้ ไม่ใช่เพราะเขาเคยชินจนด้านชา หากแต่เป็นเพราะเขายอมรับความเจ็บปวดนี้ได้แล้ว กระนั้นเขาก็หวังว่าอวี๋หวั่นจะไม่ต้องเป็นเช่นนั้น
เขาหวังว่าเธอจะพบเยี่ยนจิ่วเฉา แม้ว่าโอกาสจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม
แต่แล้วอย่างไร?
ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ใด ข้าก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหา เขาคิดว่าเขามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนี้
พ่อครัวเทพเป้านั่งลงพิงกับเสาหัวเตียง กระแอมออกมาเบาๆ แล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
อีกด้านหนึ่ง อวี๋หวั่นถามทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงสถานที่ซึ่งอิ่งสือซันและคนอื่นๆ มาตามหาเยี่ยนจิ่วเฉา
ถ้าหากไม่ได้เดินมาด้วยตนเอง อวี๋หวั่นย่อมไม่มีทางรู้ว่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เยี่ยนจิ่วเฉาสามารถพาราชาศักดิ์สิทธิ์มาได้ไกลถึงเพียงนี้
ที่นี่เป็นป่าบนเขาแห่งหนึ่ง สามทิศมีภูเขาล้อมรอบ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นบ่อน้ำ เดินขึ้นเขามาเพียงครึ่งทาง ตาเนื้อก็สามารถมองเห็นเนินเขาซึ่งถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง ส่วนเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่ไหนนั้น พวกเขากำลังเร่งมือตามหาอยู่
“ฮูหยินน้อย มาได้อย่างไรขอรับ” อิ่งลิ่วเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นอวี๋หวั่น เขาเดินถือคบเพลิงเข้ามา
อวี๋หวั่นตอบว่า “ข้ามาดูว่าพวกเจ้าตามหาถึงไหนแล้ว”
อิ่งลิ่วชี้ไปยังเนินเขาซึ่งเละเทะไร้ชิ้นดี แล้วบอกกับอวี๋หวั่นว่า “ราชาศักดิ์สิทธิ์คงคิดจะจบชีวิตพร้อมกับคุณชายที่นี่ขอรับ หวังว่าคุณชายจะไม่เป็นไร”
“เป็นไปได้ไหมว่าจะตกลงไปในน้ำ?” อวี๋หวั่นไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่หลบเลย!
“สือซันพาคนดำน้ำไปดูแล้วขอรับ” อิ่งลิ่วเข้าไปพยุงอวี๋หวั่น “ทางขึ้นเขาขรุขระนัก ฮูหยินกลับไปรอข่าวที่เรือนเถิดขอรับ”
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ไม่ ข้าจะรอเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะมา”
“อิ่งลิ่ว!” ต๋าหว่าซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกตะโกนลั่น “มาดูนี่เร็ว! ด้านล่างมีการเคลื่อนไหว!”
อวี๋หวั่นและอิ่งลิ่วนัยน์ตากระตุกวูบ
“เจ้ารีบไปเร็ว!” อวี๋หวั่นบอก
“เช่นนั้นฮูหยินน้อยระวังด้วยนะขอรับ!” พูดจบ อิ่งลิ่วก็ตรงไปหาต๋าหว่า
ต๋าหว่ายืนอยู่บนเนินเขาเล็กลูกหนึ่ง ด้านล่างเป็นรอยยุบลงไป จะว่าลึกก็ไม่ลึก จะว่าตื้นก็ไม่ตื้น ที่น่ากลัวก็คือพื้นดินซึ่งยื่นออกมานั้นไม่แข็งแรง ไม่อาจรับน้ำหนักได้มากนัก
อิ่งลิ่วเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ ข้างใต้นี้มีเสียงลมหายใจเบาๆ จริงด้วย
เขาบอกกับต๋าหว่าและเหล่าองครักษ์ของผู้อาวุโสสามว่า “ข้าจะลงไปดู พวกเจ้าถอยไปก่อน”
ต๋าหว่าโยนไข่มุกราตรีลงไป เพื่อให้เห็นในหลุมนั้น เขาขมวดคิ้ว “ด้านล่างมีแต่หนามแหลม เจ้าระวังตัวด้วย!”
“ข้ารู้” อิ่งลิ่วส่งคบไฟให้ต๋าหว่า ชักกระบี่ออกมา แล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดลงไป เมื่อไปถึงด้านล่าง จึงใช้เพลงกระบี่กำจัดหนามแหลมด้านล่างเพื่อเปิดเส้นทาง
“เป็นอย่างไรบ้าง” อวี๋หวั่นเดินเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินเข้าไป ต๋าหว่าก็หยุดเธอไว้ “ระวัง ตรงนั้นอาจมีกับดัก!”
อวี๋หวั่นชะงักฝีเท้า แล้วถามต๋าหว่าว่า “เจอเยี่ยนจิ่วเฉาแล้วหรือ?”
ต๋าหว่าตอบว่า “ได้ยินเสียงคนไอจากด้านล่าง ไม่รู้ว่าใช่เขาหรือเปล่า”
“หรืออาจเป็น…หลัวช่าวิญญาณ?” องครักษ์พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ต๋าหว่าตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เป็นไปไม่ได้! หลัวช่าวิญญาณระเบิดตัวเองไปแล้ว แม้แต่เลือดเนื้อก็ยังไม่เหลือ
จะมาองมาไอได้อย่างไรกัน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาหรือ?
จะใช่เขาไหมนะ?
อวี๋หวั่นเริ่มกังวลขึ้นมา
อิ่งลิ่วหยิบหั่วเจ๋อจื่อออกมา หลังจากจุดไฟติดแล้วก็ส่องไปยังบุรุษเลือดท่วมกายซึ่งนอนอยู่กลางกองหนามแหลม เขาสาวเท้าเข้าไป “คุณชาย!”
…แต่กลับไม่ใช่คุณชาย หากแต่เป็นนายพรานคนหนึ่ง
คนคนนี้อาจกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่ตกใจและไม่ทันระวังไปเหยียบกับดักเข้า จึงตกลงมาโดนพุ่มหนามด้านล่าง
“ใช่เยี่ยนจิ่วเฉาหรือเปล่า?” อวี๋หวั่นถาม
อิ่งลิ่วกำหมัดแน่นด้วยความผิดหวัง “…ไม่ใช่ขอรับ”
อิ่งลิ่วช่วยเขาขึ้นมา
ข้อเท้าซ้ายของเขาบวม กระดูกแขนขวาเคลื่อน เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล อวี๋หวั่นให้องครักษ์พาเขาไปหาหมอในเมือง เพื่อให้เขาห้ามเลือดและใส่กระดูกกลับที่เดิม
อวี๋หวั่นตรวจอาการของเขาอย่างรอบคอบ เมื่อหันไปอีกครั้งก็พบว่าต๋าหว่ามีสีหน้าประหลาดใจ
“มีอะไรหรือ” เธอถาม
“อ่า มะ…ไม่มีอะไร” ต๋าหว่าเกาศีรษะ “คนที่ช่วยขึ้นมาไม่ใช่เยี่ยนจิ่วเฉา ข้าคิดว่าเจ้าอาจรู้สึกผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าเจ้ายังเยือกเย็นได้เช่นนี้”
อวี๋หวั่นมองไปยังมือของตนซึ่งอาบไปด้วยเลือดและยาจินชวง จากนั้นก็ยิ้มด้วยความขมขื่น “เป็นเพราะยังหาเขาไม่พบ ข้าถึงต้องเยือกเย็นเข้าไว้”
เมื่อมีเขาอยู่ด้วย ข้าก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก
“โอ๊ย!”
อวี๋หวั่นยกมือขึ้นแตะท้อง
ต๋าหว่ารีบเดินเข้าไปพยุงเธอ “เป็นอะไรไหม?”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ไม่เป็นไร เมื่อกี้ลูกเตะน่ะ”
ต๋าหว่าถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อครู่ทำเอาเขาตกอกตกใจแทบแย่ เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้ เขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอวี๋หวั่นอีก
“โอ๊ย”
ลูกเตะเธออีกแล้ว
อวี๋หวั่นมองหน้าท้อง จากนั้นก็มองไปด้านหน้า พร้อมกับถามว่า “ตรงนั้น…พวกเจ้าไปหาแล้วหรือยัง?”
“ยัง” ต๋าหว่าตอบ “ดูจากสภาพพื้นที่ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์เกิดเรื่อง เยี่ยนจิ่วเฉาไม่น่าจะไปไกลถึงอีกฟากหนึ่งของภูเขา”
“เกิดอะไรขึ้น” อิ่งสือซันซึ่งลงไปงมหาคุณชายในแม่น้ำกลับมาพอดี
ต๋าหว่าตอบว่า “อาหวั่นสงสัยว่าจิ่วเฉาอาจอยู่อีกฟากหนึ่งของภูเขา”
พูดไม่ทันขาดคำ พวกเขาก็ได้ยินองครักษ์คนหนึ่งของผู้อาวุโสสามตะโกนว่า “มีรองเท้า!”
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วรุดตามไป อิ่งลิ่วหยิบรองเท้าซึ่งองครักษ์เก็บได้มา แล้วพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “เป็นรองเท้าของคุณชาย! รองเท้าของคุณชายยังอยู่! คุณชาย…คุณชายก็ต้องอยู่!”
พลังรุนแรงถึงเพียงนั้น ถ้าหากหลบไปไม่ทัน ย่อมไม่มีทางที่เสื้อผ้าจะยังเหลืออยู่
“เจอที่ไหนหรือ” อิ่งลิ่วถาม
องครักษ์ชี้ไปยังสถานที่ซึ่งอวี๋หวั่นพูดถึงก่อนหน้านี้ “ตรงนั้น!”
อิ่งลิ่วหยิบรองเท้าส่งให้อวี๋หวั่น ส่วนตนและอิ่งสือซันก็ไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขา
อวี๋หวั่นข้ามไปไม่ไหว ทำได้เพียงรออยู่ที่นี่
หนึ่งเค่อผ่านไป
สองเค่อผ่านไป
ครึ่งชั่วยามผ่านไป…
หนึ่งชั่วยามผ่านไป…
ความหวังในใจของต๋าหว่าค่อยๆ มอดลงเรื่อยๆ เขากัดฟัน กดขมับของตนเอง ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองสีหน้าของอวี๋หวั่น
“กลับมาแล้ว!”
องครักษ์อีกคนหนึ่งตะโกน
อวี๋หวั่นเดิมทีนั่งอยู่บนก้อนหินเย็นเฉียบ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นมา ลมยามราตรีของเผ่าพ่อมดเป็นลมหนาว ทำให้อดรู้สึกหนาวสั่นไม่ได้ กระนั้นเมื่อเห็นบุรุษซึ่งอิ่งสือซันอุ้มมา อวี๋หวั่นกลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันใด
อีกฝ่ายสภาพสะบักสะบอมเกินไป เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด อิ่งลิ่วใช้ผ้าคลุมห่มให้เขา แต่อวี๋หวั่นจดจำเขาได้
“เยี่ยนจิ่วเฉา!”
อวี๋หวั่นจับชายกระโปรงแล้ววิ่งออกไป!
“นี่! ระวังด้วย!” ต๋าหว่าวิ่งตามไปพยุงอวี๋หวั่น
อิ่งสือซันใช้วิชาตัวเบากระโดดไปยังเบื้องหน้าของอวี๋หวั่น
สภาพของเยี่ยนจิ่วเฉาแลดูเอน็จอนาถ อวี๋หวั่นน้ำตาไหลออกมา เธอพยายามกลั้นน้ำตา ยกมือขึ้นจับจับชีพจรให้เยี่ยนจิ่วเฉา “ชีพจรอ่อน…”
เธอดีใจเหลือเกิน!
ยังมีชีพจร!
ยังมีชีวิตอยู่!
มือหนึ่งของอวี๋หวั่นกดลงบนจุดชีพจร อีกมือหนึ่งแตะริมฝีปากของเขา เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยดน้ำตาหยดแหมะๆ ลงมา
“ฮูหยินน้อย…” อิ่งสือซันเรียกเธอ
อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “รถม้าเล่า?”
“อยู่ใกล้ๆ นี่เองขอรับ” อิ่งลิ่วตอบ ที่นี่ไม่มีถนน ไม่สามารถนำรถม้าเข้ามาได้
อวี๋หวั่นพยักหน้า ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ขึ้นรถ!”
เขาบาดเจ็บหนัก อาการบาดเจ็บภายในก็มี ยาไม่อาจรักษาเขาได้แล้ว อวี๋หวั่นรู้ว่าสิ่งที่เธอทำได้มีจำกัด สิ่ง
สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพาเขาไปหาราชาพ่อมดและโจวจิ่น
รถม้าขับเคลื่อนเต็มกำลังกลับไปยังเรือนของพ่อครัวเทพเป้า
“ราชาพ่อมด! โจวจิ่น!” อิ่งสือซันอุ้มเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในห้องของโจวจิ่น
โจวจิ่นและราชาพ่อมดเพิ่งรักษาให้โจวอวี่เยี่ยนเสร็จ เมื่อได้ยินเสียงของอิ่งสือซัน ก็รุดมาในทันที ทั้งสองคนมอง
เยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความตกใจ
ราชาพ่อมดรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง เดิมทีคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาตายไปพร้อมกับหลัวช่าวิญญาณแล้ว ไม่มีทางเหลือ
แม้แต่เศษซาก ไหนเลยจะรู้ว่าเขากลับมีชีวิตรอดมาได้
แต่ว่า ดูแล้วอาการของเขาย่ำแย่เหลือเกิน
“รักษาคุณชายได้ไหม?” อิ่งสือซันถาม
“ข้าไม่มั่นใจ” ราชาพ่อมดมีสีหน้าเคร่งเครียด
อาการของเขานั้นซับซ้อนกว่าโจวอวี่เยี่ยน เมื่อดูจากแผลของเขาแล้ว ถึงแม้เขาจะหนีออกมาพ้น แต่แรงระเบิด
ของหลัวช่านั้นรุนแรงเกินไป แรงนี้ปะทะกับร่างของเขา จนพลังปราณและจุดตันเถียนของเขาถูกทำลาย
………………………………