หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 544 พ่อครัวเทพเป้าพบหน้าลูก!
แทงใจดำจริงๆ แทงจนทะลุไปเลย!
เดิมทีตอนที่คิดว่าเขาจะตาย อวี๋หวั่นคิดว่าเธอจะยอมให้เขายั่วโมโหอีกสักพันครั้งหมื่นครั้ง แต่เมื่อโมโหเข้าจริงๆ ก็แทบอยากจะทุบเขาให้หลังหัก!
อวี๋หวั่นโกรธจนอยากยกโต๊ะทุ่ม!
เธออยากจะบอกเขาจริงว่า ท่านนั่นแหละที่อ้วน!
อวี๋หวั่นหันตัวอ้วนกลมไปทางอื่นด้วยความเดือดดาล!
อีกด้านหนึ่ง อิ่งสือซันก็อุ้มเด็กน้อยทั้งสามคนที่อ้วนจ้ำม่ำเสียยิ่งกว่าอวี๋หวั่นกลับห้องของโจวจิ่นไป!
อวี๋หวั่นยุ่งมาตลอดทั้งคืน อันที่จริงเธอก็ง่วงอยู่บ้าง แต่เธอกลับห้องของตนเองไปไม่ได้แล้ว เธอกลัวว่าจะควบคุมความตื่นตระหนกของตนเองไม่ได้ แล้วทำเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้ลงไป
เธอจึงไปยังห้องของโจวอวี่เยี่ยน
วิชาคุมวิญญาณของโจวอวี่เยี่ยนถูกโจวจิ่นกำจัดหมดแล้ว แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่นางไม่เป็นไรแล้ว
อวี๋หวั่นหอบเครื่องนอนไปนอนข้างนาง
นอนไปได้ไม่เท่าไร ด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้น ที่แท้ผู้อาวุโสสามก็กำลังกล่าวลาราชาพ่อมด
ทั้งสองยืนอยู่ในลานบ้าน ผู้อาวุโสสามถามราชาพ่อมดถึงแผนการในอนาคตของเขา “…พลังเวทของท่านคล้ายกับว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว องค์ชายก็กลายเป็นราชาพ่อมด หลังจากนี้ท่านจะทำอะไรต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ มีสิ่งใดให้กระหม่อมทำหรือไม่?”
หลัวช่าวิญญาณตายไปแล้ว พลังของมันถูกเยี่ยนจิ่วเฉากลืนกินเข้าไป พลังเวทของราชาพ่อมดฟื้นฟู ระดับพลังของโจวจิ่นเพิ่มขึ้น ผู้อาวุโสสามรู้สึกดีใจที่ตนเลือกฝั่งราชาพ่อมดได้ทันเวลา มิเช่นนั้น ด้วยพลังของราชาพ่อมดในตอนนี้ เกรงว่าต่อให้ใช้พ่อมดทั้งสภาอาวุโสก็คงสู้ไม่ไหว
ราชาพ่อมดตอบว่าอย่างไร อวี๋หวั่นฟังไม่ถนัด เธอเริ่มง่วง ได้ยินเพียงแต่น้ำเสียงตื่นกลัวของผู้อาวุโสสาม “…กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าม้า อวี๋หวั่นเดาว่าผู้อาวุโสสามออกไปแล้ว ส่วนราชาพ่อมดไปด้วยหรือไม่นั้นเธอไม่รู้ เพราะเธอผล็อยหลับไปเสียก่อน
ทว่า หลับไปได้ไม่นาน ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย
“ฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อยเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!” ผิงเอ๋อร์บอกด้วยความรีบร้อน
อวี๋หวั่นอ้าปากหาววอด “เยี่ยนจิ่วเฉาทำอะไรอีก”
ผิงเอ๋อร์สะอึกสะอื้น “ไม่ใช่คุณชายเจ้าค่ะ แต่เป็นพ่อครัวเทพเป้า!”
อวี๋หวั่นลืมตาขึ้นทันใด ความง่วงพลันอันตรธานหายไป เธอเลิกผ้าห่มออก แล้วลุกลงจากเตียง “ท่านปู่เป้าเป็นอะไร”
“พ่อครัวเทพเป้าอาการไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ…” เมื่อครู่ผิงเอ๋อร์เรียกพ่อครัวเทพเป้าให้ลุกจากเตียงมากินข้าว พ่อครัวเทพเป้าซึ่งตื่นเช้าเป็นกิจวัตรกลับยังคงไม่ตอบ นางจึงลองเรียกดูอีกครั้ง พ่อครัวเทพเป้ายังไม่ตื่น นางจึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเปิดประตูเข้าไป และพบว่าพ่อครัวเทพเป้านอนหายใจรวยริน…
สิ่งแรกที่ผิงเอ๋อร์คิดคือไปตามชุยเฒ่า ทว่าชุยเฒ่ายังไม่ฟื้น นางจึงตัดสินใจมาหาอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นรุดไปยังห้องของพ่อครัวเทพเป้า
พ่อครัวเทพเป้าอาการไม่ดีตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เขาอดทนไว้ไม่ยอมบอกผู้ใด เขาเป็นคนระแวดระวังและตื่นง่าย กระนั้นยามที่ถูกอิ่งลิ่วอุ้มกลับห้องไป เขากลับไม่รู้สึกตัว กว่าจะรอถึงเช้า ลมหายใจของเขาก็แผ่วเบาลงแล้ว
เขาไม่ได้ป่วย
แต่เขาแก่ชรา
ท่านปู่เป้าเหลือเวลาอีกไม่นาน
ผิงเอ๋อร์สงสารฮูหยินน้อยจับใจ กว่าจะยื้อชีวิตคุณชายกลับมาได้ก็แสนลำบาก ยังจะมาสูญเสียพ่อครัวเทพเป้าไปอีกคน ทุกคนล้วนเป็นคนสำคัญในชีวิต เช่นนี้ฮูหยินน้อยจะทนได้อย่างไรกัน
ราชาพ่อมดกำลังเฝ้าโจวจิ่น เมื่อได้ยินว่าพ่อครัวเทพเป้าเกิดเรื่อง เขาก็รีบลุกไปยังห้องของพ่อครัวเทพเป้าทันที
อวี๋หวั่นกำลังใช้ผ้าร้อนเช็ดมือให้พ่อครัวเทพเป้า การเคลื่อนไหวของเธอนั้นเนิบนาบและอ่อนโยน ทำให้ผู้พบเห็นอดรู้สึกปวดใจไม่ได้
ปลายนิ้วของราชาพ่อมดแตะลงบนหว่างคิ้วของพ่อครัวเทพเป้าสักพัก จากนั้นก็ดึงมือออกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
มือของอวี๋หวั่นหยุดชะงัก “แม้แต่ท่านก็อับจนหนทางหรือ?”
ราชาพ่อมดถอนหายใจ “เขาเหนื่อยล้า ร่างกายของเขาได้รับความเสียหาย”
อันที่จริง ร่างกายของพ่อครัวเทพเป้านั้นไม่เหมาะแก่การเดินทางไกลตั้งแต่ครั้นอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวาแล้ว หลังของเขางุ้มงอ ขาแข้งก็ไม่ค่อยดีนัก ในตอนนั้น หากเขาละทิ้งการตามหาลูกชาย แล้วใช้เวลาช่วงบั้นปลายของชีวิตในเมืองหลวงหรือหมู่บ้านเหลียนฮวา คงจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้
อวี๋หวั่นกุมมือของพ่อครัวเทพเป้า เธอหลับตาลงแล้วพูดว่า “ปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านปู่เป้าก็คือการตามหาลูกชายที่หายตัวไปตั้งแต่ยังแบเบาะ ทุกที่ที่เขาไปได้ เขาล้วนไปมาหมดแล้ว ทุกที่ที่ตามหาได้ เขาก็ตามหามาหมดแล้ว แต่ก็ยังไร้ข่าวคราวของลูกชาย…ถ้าหากข้า…รบกวนให้ท่านช่วยเรื่องหนึ่งจะได้ไหม?”
“ว่ามาสิ” ราชาพ่อมดบอก
อวี๋หวั่นมองไปยังพ่อครัวเทพเป้า “ข้าไม่อยากให้ท่านปู่เป้าจากไปโดยที่ยังมีเรื่องค้างคาใจ ท่านช่วยใช้อาคมทำให้เขา…พบหน้าลูกชายหน่อยได้ไหม?”
ราชาพ่อมดตอบว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ให้โจวจิ่นทำก็ได้ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ หากจัดการเสร็จแล้ว จะมาหาเจ้า”
อวี๋หวั่นพยักหน้า เธอไหว้วานเขา เขากลับผลักเรื่องนี้ให้โจวจิ่น แต่จะบอกว่าพูดแบบไม่หยุดคิดก็คงจะโกหก เมื่อมานึกถึงบทสนทนาระหว่างผู้อาวุโสสามกับราชาพ่อมดแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องที่เขาต้องไปจัดการนั้นหนักหนาสาหัสกว่ามาก
อวี๋หวั่นพยักหน้าให้ราชาพ่อมด
ราชาพ่อมดเดินสาวเท้าออกจากห้อง ขึ้นรถม้าและออกจากเรือนไป
อวี๋หวั่นป้อนน้ำแกงให้พ่อครัวเทพเป้า เมื่อพ่อครัวเทพเป้าตื่นขึ้น โจวจิ่นก็มารออยู่แล้ว ดวงตาของโจวจิ่นเป็นประกายวาบ พลังเวทที่แข็งแกร่งโหมซัดเข้าไปในสมองของพ่อครัวเทพเป้า
ดวงตาของพ่อครัวเทพเป้าเบิกกว้างไปชั่วขณะ ยามที่เขาได้สติกลับมาอีกครั้ง โจวจิ่นก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
“ท่านปู่เป้า ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นยกโจ๊กข้าวฟ่างร้อนๆ และหมั่นโถวธัญพืชมาวางบนโต๊ะด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม “ผิงเอ๋อร์เพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จ ไม่รู้ว่าจะถูกปากท่านปู่เป้าไหมเจ้าค่ะ”
พ่อครัวเทพเป้ายิ้ม “อาหวั่นกินข้าวหรือยัง?”
“ข้ากินแล้วเจ้าค่ะ!” อวี๋หวั่นยิ้ม
“ใช่สิ แล้วจิ่วเฉากลับมาแล้วหรือยัง?” พ่อครัวเทพเป้าถาม
อวี๋หวั่นประคองเขาขึ้นนั่ง “กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เขาไม่เป็นไรกระมัง?” พ่อครัวเทพเป้าถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เขาสบายดีเจ้าค่ะ” แค่เสียสติเล็กน้อย อวี๋หวั่นวางชามโจ๊กไว้ข้างมือของเขา “เมื่อวานกลับมาดึก จึงรู้สึกเหนื่อย
อยู่บ้าง ตอนนี้พักผ่อนอยู่เจ้าค่ะ”
เมื่อรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่เป็นไร พ่อครัวเทพเป้าจึงเบาใจราวกับยกภูเขาออกจากอก “พวกต้าเป่าเล่า?”
อวี๋หวั่นยิ้ม “เด็กๆ พวกนั้นนอนตื่นสายเจ้าค่ะ!”
พ่อครัวเทพเป้ายิ้มอย่างมีความสุข “ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“ท่านปู่เป้า” อวี๋หวั่นส่งช้อนให้เขา
“หืม?” พ่อครัวเทพเป้าหันหน้าไปมองเธอ
อวี๋หวั่นยิ้มจนตาหยี “ประเดี๋ยวกินอาหารเช้าเสร็จ ข้าจะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนท่านนะเจ้าคะ”
พ่อครัวเทพเป้าเดินไม่ไหว แต่เมื่ออาหวั่นเชื้อเชิญ เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ
“ได้สิ” เขาตอบตกลง
ในช่วงที่ร่างกายกำลังร่วงโรย พ่อครัวเทพเป้าไม่ค่อยกินอาหาร หลังจากกินโจ๊กข้าวฟ่างไปเพียงเล็กน้อย ก็กินต่อไม่ลงเสียแล้ว
อวี๋หวั่นหยิบเสื้อคลุมมาสวมให้เขา แล้วพยุงเขาออกไปนอกห้อง ทันทีที่ก้าวขาพ้นธรณีประตูออกไป ก็พบว่ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่ในลานบ้าน
คนผู้นั้นหันหลังให้พ่อครัวเทพเป้า อาภรณ์ยาวสีน้ำเงิน รูปร่างผอมสูง
แม้ว่าเขาจะมองเห็นเพียงด้านหลัง แต่ในใจของพ่อครัวเทพเป้าก็พลันเกิดความรู้สึกคุ้นเคย เขาปล่อยมือจากอวี๋หวั่น แล้วเดินเข้าไปหาคนผู้นั้น “เจ้าคือ…”
อวี๋หวั่นกับโจวจิ่น อิ่งลิ่ว และอิ่งสือซันซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลออกไปก็แลกเปลี่ยนสายตากัน คนผู้นั้นคือต๋าหว่า แต่พอพ่อครัวเทพเป้าถูกอาคมพรางตาไว้ เขาไม่รู้ว่าบุรุษเบื้องหน้าของเขาคือต๋าหว่า เขาเพียงแต่เห็นภาพที่เขาจินตนาการซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ต๋าหว่าค่อยๆ หันหลังมา ในมือถือห่อผ้าอยู่ห่อหนึ่ง
“ข้ามาตามหาญาติน่ะขอรับ” ต๋าหว่าบอก
“เจ้า…เจ้ามาตามหาใคร” พ่อครัวเทพเป้าไม่อาจระงับความตื่นเต้นที่ถาโถมขึ้นในใจได้
ต๋าหว่าตอบว่า “ข้ากำลังตามหาท่านพ่อ ท่านผู้เฒ่าพอจะเคยพบท่านพ่อข้าบ้างหรือไม่?”
นัยน์ตาของพ่อครัวเทพเป้าสั่นไหวเล็กน้อย “พะ…พ่อของเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไรหรือ ชื่อแซ่ว่าอย่างไร”
“ท่านพ่อของข้าน่าจะแซ่เป้า นี่เป็นของที่ท่านพ่อทิ้งเอาไว้ขอรับ” ต๋าหว่าหยิบตำราอาหารเล่มหนึ่งออกมาจากห่อผ้า
อวี๋หวั่นเป็นคนทำตำราอาหารเล่มนี้ขึ้นมา เนื้อหาในตำรานั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคืออาคมที่ใช้กับพ่อครัวเทพเป้า ตำราอาหารที่เขาทิ้งไว้กับบุตรชายนั้นเป็นอย่างไร สิ่งที่เขามองเห็นก็จะเป็นเช่นนั้น
ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่หยิบตำราอาหารออกมา พ่อครัวเทพเป้าก็คล้ายกับจะหมดแรง ร่างของเขาโงนเงน ทุกคนหน้าถอดสี ต๋าหว่ารีบเข้าไปพยุง “ท่านผู้เฒ่า! ท่านเป็นอะไรไป”
ทุกคนมองไปยังพ่อครัวเทพเป้าอย่างไม่เข้าใจ เรื่องนี้น่าตื่นเต้นมากใช่ไหม? แต่ไฉนถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล?
พ่อครัวเทพเป้ายกมือขึ้นปิดหน้าร่ำไห้อย่างไร้สุ้มเสียง
“ท่านผู้เฒ่า! ท่าน…ท่านเป็นอะไรขอรับ” ต๋าหว่าทำตัวไม่ถูก! เขาแสดงไม่เก่งหรืออย่างไร? จิตวิญญาณทางการแสดงของเขาใช้ไม่ได้ผลหรือ?
“มีตำราอาหารที่ไหนกัน…” พ่อครัวเทพเป้าหัวเราะจนร้องไห้ออกมา “แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีตำราอาหารหรอก…ไม่มี…”
อวี๋หวั่นอ้าปากค้าง “ท่านปู่เป้า…”
แย่แล้ว ไม่ว่าท่านปู่เป้าจะสร้างเรื่องตำราอาหารขึ้นมาด้วยเหตุผลใด อาคมของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยเสียแล้ว เดิมทีคิดว่าแผนการนี้แยบยล ใครจะไปคิดว่าจะล้มเหลวไม่เป็นท่า!
ก่อนที่เขาจะเห็นตำราอาหารเล่มนี้ อาคมของโจวจิ่นใช้ได้ผลดีทีเดียว พ่อครัวเทพเป้าคิดว่าตนเองได้พบหน้าลูกชายที่พลัดพรากจากกันไปนานหลายสิบปีแล้วจริงๆ ทว่าในตอนนี้…เขากลับมาอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เหตุผลที่ทำให้พวกเขาคิดหาวิธีเหล่านี้ขึ้นมา ก็คงเป็นเพราะเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ชีวิตนี้คงหมดโอกาสได้พบหน้าลูกชายอีกแล้ว…
“อา…” พ่อครัวเทพเป้าค้อมตัว สองมือกุมศีรษะ ร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
แต่ว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกประตู
“ทะ…ท่านพ่อ?”
พ่อครัวเทพเป้านิ่งไป เขาหันไปมองยังต้นเสียง ก็เห็นราชาพ่อมดพาบุรุษอายุประมาณสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินเข้ามา
……………………