หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 546.2 พี่จิ่วเล่นพิเรนทร์ (2)
บุตรสาวแต่งงานไป มีหรือที่จะตัดการติดต่อไปทันที? มิจำเป็นต้องบอกว่าเผ่าพ่อมดไม่เคยมีกรณีนี้มาก่อน ต่อให้มี การแต่งงานของทั้งสองครอบครัวก็มีเรื่องเกี่ยวข้องมากมาย ดึงผมเส้นเดียวสะเทือนไปทั้งตัว ก้าวพลาดครั้งแรก ก้าวต่อๆ มาก็พลาดตามไปด้วย ทุกสิ่งระเนระนาด และนั่นไม่ใช่วังวนที่จะถอนตัวออกมาได้ง่ายๆ
แต่นั่นเป็นความกังวลในตอนแรกของผู้อาวุโสสาม ตั้งแต่เผชิญเรื่องราวมามากมาย ผู้อาวุโสสามจะมีอำนาจก็ดี มีชื่อเสียงและผลประโยชน์ก็ดี แต่เกียรติยศของวงศ์ตระกูลก็ไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกของลูก หากเขาเลือกได้อีกครั้ง ต่อให้เขาไม่ได้อยู่ในสภาอาวุโส เขาก็จะช่วยลูกออกมาจากคุกแห่งนั้นให้ได้
แน่นอนว่าที่ราชินีแม่มดพูด ไม่ใช่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเนี่ยหวั่นโหรว หากแต่เพื่อกระตุ้นโทสะของผู้อาวุโสสาม
นางไม่มีความสุข ใครก็อย่าหวังจะได้มีความสุข!
ผู้อาวุโสสามเกือบถูกหลอก โชคดีที่ยังถอนตัวได้ทัน ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ราชินีแม่มดดูคล้ายกับมีเรื่องจะพูด เช่นนั้นมิสู้ไปคุยกับพัศดีในคุกเถิด!”
พูดจบ เขาก็โบกมือ องครักษ์สวมเกราะเหล็กกลุ่มหนึ่งก็กรูกันเข้ามา
เยี่ยยางลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยไฟโทสะ “พวกเจ้าจะทำอะไรกับท่านแม่ข้า!”
ผู้อาวุโสสามกล่าวว่า “องค์ชายเยี่ยยาง นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เชิญเจ้ากลับตำหนักไปก่อน หลบไป”
เยี่ยยางเป็นเพียงเด็กอายุสิบสอง เขายังเด็กมาก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ราชินีแม่มดและผู้อาวุโสใหญ่ทำ ต่อให้ผู้อาวุโสสามอยากแก้แค้น แต่ก็ไม่ถึงกับลงมือกับเยี่ยยาง ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยยางเป็นโอรสของราชาพ่อมด พยัคฆ์ดุร้ายเพียงใดก็ไม่กินลูกตัวเอง ผู้อาวุโสสามไหนเลยจะกล้าแตะต้องเขา
“เจ้าให้ข้าหลบไปข้าก็ต้องหลบรึ! เจ้าเป็นใครมีหน้ามาสั่ง!” เยี่ยยางหยิบเชิงเทียนด้านข้างมาเขวี้ยงใส่ผู้อาวุโสสาม
ผู้อาวุโสสามไม่หลบ เชิงเทียนจึงกระแทกโดนหน้าผากของเขาเต็มๆ และมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผล
เหล่าองครักษ์ดึงหอกยาวออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสสามบอก
องครักษ์ชะงัก
เยี่ยยางยืนอย่างองอาจ สายตาจ้องมองไปที่พวกเขา “ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าอยากรู้เหมือนกันว่า ใครหน้าไหนกล้าทำร้ายท่านแม่ข้าแม้แต่ผมเส้นเดียว!”
พวกเขามองหน้ากัน และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าผู้อาวุโสสาม
ราชาพ่อมดและราชินีแม่มดไม่ลงรอยกันราวกับน้ำและไฟ ไม่จำเป็นต้องให้ราชาพ่อมดออกคำสั่ง ผุ้อาวุโสสามก็รู้ดีว่าตนเองสามารถจับนางได้ ทว่าไม่ใช่กับเยี่ยยาง ตราบใดที่ราชาพ่อมดไม่ออกจำสั่ง ผู้อาวุโสสามก็ไม่กล้าลงมือโดยพลการ
ขณะที่สถานการณ์กำลังตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ราชาพ่อมดก็มาถึง
นี่เป็นครั้งแรกที่ราชาพ่อมดปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัล หลังจากที่หายป่วยแล้ว เขาไม่มีรอยแผลจากพิษแล้ว รูปร่างหน้าตาของเขากลับมาเป็นดังเดิม เพียงแต่เมื่อเทียบกับเมื่อสิบปี ทั้งขอบตาและข้างปากล้วนแต่มีร่องรอยแห่งวัย
“หงหลวน พาเยี่ยยางกลับตำหนักไป” ราชาพ่อมดสั่ง
หงหลวนลอบมองไปยังราชินีแม่มด เมื่อเห็นว่าราชินีแม่มดพยักหน้าน้อยๆ นางก็ค้อมตัวน้อยๆ “เพคะ”
หงหลวนจับแขนเยี่ยยาง
“ข้าไม่ไป!” เยี่ยยางดิ้น
ราชินีแม่มดมองเขา เยี่ยยางจึงชะงักไป ไม่ดิ้นรนอีกต่อไป และเดินออกไปพร้อมกับหงหลวน
หลีชั่วหลุบตาลง รู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ
เหตุใดผู้ที่พาเยี่ยยางกลับตำหนักนั้นคือหงหลวน ทั้งที่ปกติแล้วผู้ที่ใกล้ชิดกับเขามากกว่าก็คือนาง
นางคือสาวกหญิงที่เยี่ยยางไว้เนื้อเชื่อใจ
เมื่อหงหลวนไปกับเยี่ยยาง นั่นหมายความว่าราชาพ่อมดก็จะไว้ชีวิตหงหลวน ส่วนชะตาชีวิตของนางย่อมไม่อาจรู้ได้
“พวกเจ้าออกไปก่อน” ราชาพ่อมดบอกกับผู้อาวุโสสาม
“พ่ะย่ะค่ะ!” ผู้อาวุโสสามและองครักษ์ถอยออกไป
หลีชั่วคาดหวังว่าราชาพ่อมดจะบอกให้ตนออกไปด้วย หากเป็นเช่นนั้นนางจะได้ถือโอกาสหนีไป แต่น่าเสียดาย ที่ราชาพ่อมดกลับไม่ได้พูดอะไร
ราชาพ่อมดเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่อาจสังหารเจ้า เจ้าเป็นแม่ของเยี่ยยาง ข้าไม่อยากให้เยี่ยยางกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่ แต่ว่าความผิดของเจ้าก็ไม่อาจละเว้นโทษ”
ราชินีแม่มดหัวเราะค่อนแคะ “ที่แท้ท่านก็รักเยี่ยยางถึงเพียงนี้ เพื่อเขาแล้ว ท่านถึงกับยอมปล่อยหอกข้างแคร่อย่างข้าเอาไว้”
ราชาพ่อมดตอบว่า “แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นหอกข้างแคร่ ที่ข้าต้องจัดการเจ้า เป็นเพราะเจ้าทำผิดกฎของเผ่า”
ราชินีแม่มดหัวเราะอย่างเย็นชา “กฎของเผ่า? ราชาพ่อมดที่ไปมีสัมพันธ์กับคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ มีสิทธิ์พูดเรื่องกฎของเผ่ากับข้าด้วยหรือ?”
ราชาพ่อมดกลับตอบว่า “อาเยียนไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายผิดมนุษย์มนาอย่างเจ้า นางบังเอิญเป็นคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ก็เท่านั้น”
“อย่างนั้นหรือ?” ราชินีแม่มดหัวเราะแดกดัน “ท่านเชื่อคำพูดนี้ด้วยหรือ? ท่านลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่านางลอบเข้ามาในเผ่าด้วยวิธีใด นางยั่วยวนบุรุษที่มีภรรยาแล้วเช่นท่านได้อย่างไร?”
ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในดวงตาของราชาพ่อมด “บุรุษที่มีภรรยาแล้ว? เวินหลินหลาง การแต่งงานของพวกเราเกิดขึ้นได้อย่างไรเจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไม่ต้องให้ข้าเตือนความจำหรอกกระมัง! ยังกล้าพูดอีกหรือว่าอาเยียนยั่วยวนข้า ข้ากับอาเยียนไปกราบไว้ศาลพ่อมดตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะแต่งงานกับเจ้าแล้ว อาเยียนต่างหากที่เป็นภรรยาที่แท้จริงของข้า!”
“เหลวไหล!” ราชินีแม่มดกำหมัดแน่น
ราชาพ่อมดมองเข้าไปในดวงตาของนาง เขาไม่ได้หลบตานาง “ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล แต่เจ้าไม่เชื่อเอง!”
“เหตุใดเจ้าต้องจะแต่งงานกับข้าให้ได้ ในใจของข้ามีผู้อื่นอยู่แล้ว และข้าก็กราบไหว้ฟ้าดินกับคนผู้นั้นแล้ว ต่อให้ข้าแต่งงานกับเจ้า เจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของข้าอยู่ดี!”
คำปฏิเสธการแต่งงานในตอนนั้นของราชาพ่อมดแล่นปราดเข้ามาในสมองของราชินีแม่มด นางรู้สึกราวกับร่างของตนกำลังสั่นคลอน ราวกับบัลลังก์ของนางกำลังพังทลายลง!
เรื่องราวในอดีตนั้นแสนเจ็บปวด ราชาพ่อมดไม่อยากหวนนึกกลับไป และไม่อยากรู้สึกว่าตนเองนั้นไร้เดียงสา ในตอนนั้นเขาไม่แข็งแกร่งพอ ไม่อาจปกป้องอาเยียน จึงจำต้องประนีประนอมกับเผ่าและสภาอาวุโส ที่เขาไม่ได้อธิบายให้เวินหลินหลางฟัง ก็เพราะอธิบายไปย่อมไร้ประโยชน์ เวินหลินหลางไม่มีทางเชื่อเขา
แม้แต่ในตอนนี้ เขาก็ไม่แน่ใจว่าเวินหลินหลางได้ฟังที่เขาพูดหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร หลังจากนี้ เขาก็จะไม่เห็นหน้าเวินหลินหลางอีก
ทันใดนั้นเอง สายฝนก็โปรยลงมา
ราชาพ่อมดหันหน้าไปมอง สีหน้าของเขาระทมทุกข์ “ครั้งแรกที่ข้าได้พบอาเยียน ฝนก็ตกเช่นนี้”
เขาถือร่มคันหนึ่ง เดินฝ่าสายฝนอยู่บนถนน ทันใดนั้นเอง ก็มีดรุณีสวมอาภรณ์สีม่วงคนหนึ่งเข้ามาใต้ร่มของเขา
‘ขอโทษด้วย ข้าไม่มีร่ม! ขอหลบสักหน่อย!’
ใบหน้าเจ้าเนื้อเฉกเช่นหญิงสาววัยแรกแย้ม ดวงตาเป็นประกาย ฟันซี่ขาว งดงามเข้ากับหยาดน้ำฝน
เพียงแรกพบก็ไม่อาจลืมได้
“เจ้าคงไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมีสภาพย่ำแย่เช่นนี้กระมัง”
ตายแล้วตายลับ ทว่ามีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานนี้แลจึงจะเป็นบทลงโทษที่เอน็จอนาถที่สุด
ราชาพ่อมดหันหลังกลับ
“ฝ่าบาท!” เวินหลินหลางเรียกเขา “ท่านคงยังจำได้ว่าเมื่อสิบห้าปีก่อน…ท่านให้ร่มกับแม่นางคนหนึ่ง?”
ราชาพ่อมดขมวดคิ้ว “จำไม่ได้แล้ว”
เวินหลินหลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะจนน้ำตาไหล นางโยนด้ามร่มในมือทิ้ง
เขามีคนในใจ เหตุใดจึงไม่ใช่นาง
นางไม่ยอม!
ครองคู่กันมาสิบกว่าปี นางไม่เชื่อหรอก!
“ฝ่าบาท สรุปว่าตลอดหลายปีมานี้ ท่านเคย…”
“ไม่เคย” ราชาพ่อมดพูดตัดบท “แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยมีใจให้เจ้า ไม่แม้แต่ครั้งเดียว”
ราชินีแม่มดตัวสั่นเทิ้ม “เช่นนั้นท่านแต่งงานกับข้า…”
ราชาพ่อมดพูดด้วยเสียงเย็นเยียบว่า “สกุลเวินของเจ้าบังคับข้า เพื่อนำยาถอนพิษมาให้อาเยียน ต่อให้ข้าต้อง
ไปแต่งงานกับบุรุษ ข้าก็จะทำ”
เวินหลินหลางทนไม่ไหวอีกต่อไป นางกระอักเลือกออกมา แล้วล้มกับพื้น…
……
ในเรือนซึ่งแสงตะวันสาดส่องถึง เด็กน้อยสามคนกำลังกวัดแกว่งดาบไม้วิ่งมาในทุ่งหญ้า
“ย้าๆๆๆๆๆๆๆ!” เสี่ยวเป่าร้อง
“ว้ากก!” เอ้อร์เป่าร้อง
ส่วนต้าเป่าไม่ร้อง เขาพุ่งเข้าไปกดน้องชายทั้งสองไว้ไม่ให้ขยับ
เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่ากลอกตา ลิ้นจุกปาก!
ในห้อง เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูเด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน
สองมือของเยี่ยนจิ่วเฉาไพล่หลัง เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งว่า “ข้าคิดว่ามีเรื่องหนึ่งที่ข้าจำเป็นต้องบอกให้เจ้ารู้ ถูกต้อง เป็นดังที่เจ้าคิด ต้าเป่า เอ้อร์เป่า และเสี่ยวเป่าเป็นลูกของข้า”
อวี๋หวั่นโบกมือ “ข้ารู้ๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาก็ยังเป็นลูกของข้า ข้าจะดูแลเขาให้เหมือนกับลูกที่ข้าคลอดออกมาเอง!” ตอนที่ท่านเป็นอ๋องแห่งเผ่าปีศาจ ท่านก็พูดแบบนี้ ข้าเดาทางออกแต่แรกแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าขึงขัง “เจ้าไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นเพียงน้องชายของเจ้า ทางที่ดีเจ้าควรจะเลิกคิดเรื่องที่ไม่ควรคิด เจ้าไม่มีทางมาแทนนางได้!”
“นางไหนอีก?” อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว
เยี่ยนจิ่วเฉามองออกไปไกล “นางในใจของข้า”
………………………..
Comments for chapter "บทที่ 546.2 พี่จิ่วเล่นพิเรนทร์ (2)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Gee
พี่จิ่ว ต่อไปพี่ระวังเรื่องการดุดกลืนวิญญาณบ้างนะ คนอื่านก็เหนื่อยกับพี่นะ 5555