หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 59.2 ความอบอุ่นของแม่ลูก (2)
“โอ๊ย” ร่างของแม่หลินฟาดลงกับพื้น!
ไฉ่ฉินใช้โอกาสขณะที่เหยียนหรูอวี้กำลังเหม่อลอย หนีจากการพันธนาการและเปิดประตูวิ่งออกไป
สายฝนสาดกระหน่ำ
นางหนีไปที่เรือนฮูหยินเหยียน กระแทกประตูด้วยกำปั้น พร้อมกับตะโกนว่า “ฮูหยิน! ท่านรีบตื่นเร็ว! คุณหนูเกิดเรื่องแล้ว!”
“ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน ร้องไห้หาวิมานอันใด!” ผู้เฝ้าประตูก่นด่าพร้อมกับเปิดประตู เห็นว่าผู้ใดที่หาญกล้าเพียงนี้ ก็ถูกไฉ่ฉินกระแทกเข้ามา
ไฉ่ฉินรีบวิ่งไปที่ห้องของฮูหยินเหยียน “ฮูหยิน! คุณหนูเกิดเรื่องแล้ว!”
ฮูหยินเหยียนผุดลุกขึ้นนั่ง “ใครกัน?”
ไฉ่ฉินสะอึกสะอื้น “บ่าวเองเจ้าค่ะ! ไฉ่ฉิน! คุณหนูอาการไม่ดีแล้ว! ท่านรีบไปดูเถิด!”
เหยียนหรูอวี้ในยามนี้ก็เป็นเหมือนสิ่งสำคัญที่สุดของฮูหยินเหยียน เมื่อนางได้ยินว่าเหยียนหรูอวี้อาการไม่ดี แม้รองเท้าก็รีบสวมจนกลับหัว นางรับคำกับไฉ่ฉินพลางไปยังเรือนของเหยียนหรูอวี้ท่ามกลางสายฝน
เหยียนหรูอวี้คร่อมร่างของแม่หลินไว้ และบีบคอนางแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
แม่หลินหายใจไม่ออก ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีม่วง
“อวี้เอ๋อร์!” ฮูหยินเหยียนตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
บุตรสาวที่แสนอ่อนโยนและมีคุณธรรมของนางจะคร่อมคนรับใช้ราวกับคนเสียสติได้เยี่ยงไร ทั้งยังดูคล้ายกับจะบีบคอให้ตายให้ได้…
ฮูหยินเหยียนเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าซีดเซียว “เจ้ารีบปล่อยแม่หลินเสีย!”
เหยียนหรูอวี้หูทวนลม
ฮูหยินเหยียนเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลัง “เจ้ายังมัวทำอันใดอยู่? ยังไม่รีบดึงคุณหนูออกมา!”
สาวใช้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งสองสามคน พยายามดึงเหยียนหรูอวี้ออกจากแม่หลินอย่างเต็มที่
“ปล่อยข้า! พวกเจ้าปล่อยข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!” เหยียนหรูอวี้คำรามลั่น ในขณะที่ดิ้นรนขัดขืน สีหน้าของนางน่ากลัวราวกับสัตว์ร้าย
ฮูหยินเหยียนตกใจกับท่าทีของนาง “อวี้เอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป?”
เหยียนหรูอวี้ที่เกรี้ยวกราดบ้าคลั่งเมื่อครู่ จู่ๆ ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด “ฮือ…พวกเจ้ารังแกข้า…รังแกข้า…”
“ผู้ใดรังแกเจ้า…อวี้เอ๋อร์…ผู้ใดรังแกเจ้า?” ฮูหยินเหยียนเดินเข้าไปหาด้วยความเจ็บปวด แล้วประคองใบหน้าของบุตรสาวขึ้นมอง
เมื่อเห็นว่าเหยียนหรูอวี้ไม่ได้มีท่าทีบ้าคลั่งแล้ว บรรดาสาวรับใช้ก็ผ่อนแรงลง ทว่าในวินาทีถัดมา เหยียนหรูอวี้ก็ผลักพวกนางออก พร้อมกับเดินไปที่ชั้นหนังสือและดึงดาบบนนั้นออกมา
ดาบสะท้อนแสงแวววับ จิตสังหารกดข่มผู้คน!
เหยียนหรูอวี้ยกดาบขึ้น ฟาดฟันทุกสิ่งในห้องอย่างบ้าคลั่ง
เหล่าคนรับใช้แตกตื่น ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกเขาก็ยังมีร่างกายที่เป็นเลือดเนื้อ จะทนรับการฟาดฟันเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฮูหยินเหยียนถอยหนีด้วยความตกใจ แต่ถอยไปได้เพียงครึ่งก้าว ก็สะดุดล้มลงกับพื้น!
เหยียนหรูอวี้ถือดาบ ก้าวเท้าไปหานางด้วยสายตาอันน่ากลัว
ฮูหยินเหยียนตื่นตระหนกยิ่ง “อวี้เอ๋อร์…ข้าเอง…ข้าเป็นแม่นะ!”
เหยียนหรูอวี้ชี้ดาบไปที่นาง
ฮูหยินเหยียนหน้าถอดสี “อวี้เอ๋อร์ เจ้าจะทำอันใด? ตื่นสิ! ข้าเป็นแม่ของเจ้า!”
เหยียนหรูอวี้คลุ้มคลั่งตกอยู่ในภวังค์ ไม่ได้ยินคำพูดใดแม้แต่หนึ่งคำ ฮูหยินเหยียนถูกต้อนจนมุม ไร้ที่ให้ถอยหนี เหยียนหรูอวี้ยกดาบในมือ แล้วสับลงไปที่ฮูหยินเหยียนอย่างเหี้ยมโหด!
“อ๊าก——”
ฮูหยินเหยียนกรีดร้อง แต่ความเจ็บปวดทรมานที่นางจินตนาการไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น นางได้ยินเสียงอื้ออึง เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเหยียนเซี่ยที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไร ในมือของเหยียนเซี่ยถือไม้ท่อนหนึ่ง ไม้ท่อนนั้นฟาดเหยียนหรูอวี้ที่เกือบจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนสลบไป
“อวี้เอ๋อร์!” ฮูหยินเหยียนลืมเลือนความเจ็บปวดรีบวิ่งไปอุ้มร่างบุตรสาวที่หมดสติไว้ในอ้อมแขน
เหยียนเซี่ยลากนางออกมาอย่างใจร้อน “นางเกือบจะฆ่าท่านแล้ว ยังจะเป็นห่วงนางอีก!”
“นางเป็นน้องสาวของเจ้า!” ฮูหยินเหยียนเอ่ยอย่างเคร่งเครียด
“น้องสาวที่เกือบจะฆ่าแม่ของข้า!” เหยียนเซี่ยเอ่ยอย่างเย็นชา
ฮูหยินเหยียนไร้คำพูดใดๆ
เหยียนเซี่ยโยนไม้ลงบนพื้น “ข้าบอกแล้วว่านางไม่ปกติ พวกท่านก็ไม่เชื่อ บิดพลิ้วข้ามาตลอด! ตอนนี้ก็ดีแล้ว ท่านก็ดูให้ชัดว่านางใช้คุณธรรมใด!”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เหยียนเซี่ยก็ยังหวั่นผวาเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะเขาถูกเหยียนหรูอวี้บีบบังคับให้ไม่กล้าอยู่ที่เรือนของตน จนต้องย้ายมาที่เรือนของมารดา เขาก็คงไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของไฉ่ฉินกับมารดา หากเขาไปช้าเพียงก้าวเดียว เกรงว่าหญิงเสียสติผู้นี้คงจะฆ่ามารดาของเขาไปแล้ว!
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
เหยียนฉงหมิงปรากฏตัวที่ประตูด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
คืนนี้เขาไปพักที่เรือนของอนุภรรยา เพราะคนรับใช้ที่มาเข้าห้องน้ำกลางดึกได้ยินความเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้ จึงไปรายงานให้เขาทราบ แต่มันก็สายไปแล้ว ทุกอย่างได้จบลงแล้ว
ฮูหยินเหยียนอ้าปาก พยายามจะทำให้เป็นเรื่องเล็กๆ แต่เหยียนเซี่ยก็ไม่เปิดโอกาสให้นาง และเล่าเรื่องที่เหยียนหรูอวี้ใช้ดาบไล่ฟันผู้คนอย่างละเอียด
“สิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นความจริงรึ? อวี้เอ๋อร์ นาง…” เหยียนฉงหมิงมองไปยังบุตรสาวที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นด้วยสายตาไม่เชื่อ
เหยียนเซี่ยชี้พร้อมกับเอ่ยว่า “ข้าสาบานกับสวรรค์ หากข้ากล้าโกหก ขอให้ฟ้าผ่าตาย!”
เขามักจะคุยโวเกินจริงในวันธรรมดา ทว่าเรื่องในคืนนี้ยังต้องให้เขาโม้อีกหรือ?
“แม่หลินอยู่ที่ใด?” เหยียนฉงหมิงถาม
ในบรรดาคนรับใช้ของเหยียนหรูอวี้ มีเพียงแม่หลินผู้เดียวที่อยู่กับนางตลอดเวลา ไฉ่ฉินกับลี่จือก็อยู่ชั่วคราว ล้วนถูกเรียกมาหลังจากกลับเข้าเมืองหลวง
ไฉ่ฉินพาตัวแม่หลินมา
แม่หลินก้มศีรษะคำนับ “นายท่าน ฮูหยิน คุณชาย”
เหยียนเซี่ยกลอกตา
ฮูหยินเหยียนชำเลืองมองเหยียนฉงหมิงที่อยู่ข้างๆ และถามแม่หลินว่า “คุณหนู นาง…”
เหยียนฉงหมิงขัดจังหวะฮูหยิน “ให้ข้าถามนางหลินเอง เซี่ยเอ๋อร์ พาแม่ของเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
“ขอรับ!” เหยียนเซี่ยอยากจะพามารดากลับไปใจจะขาด มารดาของเขาลำเอียงกับน้องสาวที่สุด นางอยู่ที่นี่ ครู่เดียวก็คงใจอ่อน หากพูดเป่าหูบิดาขึ้นมา ผีเท่านั้นที่รู้ว่าเขาจะโอนอ่อนตามและค่อยๆ ปล่อยไปหรือไม่
เหยียนฉงหมิงเอ่ยกับไฉ่ฉิน “พาคุณหนูไปที่เตียง แล้วหาคนสองสามคนมาดูนางไว้!”
“เจ้าค่ะ” ไฉ่ฉินตอบ
เหยียนฉงหมิงพาแม่หลินไปที่ห้องหนังสือและเอ่ยอย่างเย็นชา “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อวี้เอ๋อร์ผ่านเรื่องใดมาบ้าง เจ้าจงอธิบายมาให้ละเอียด หากข้ารู้ว่าเจ้าโกหกแม้แต่นิดเดียว ข้าจะตัดลิ้นเจ้าออก!”
…
ท้องฟ้ากลับมาสดใส ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าถูกชะล้าง อากาศเจือกลิ่นหอมของดินและต้นไม้ใบหญ้า
เด็กน้อยทั้งสามที่นอนหลับเต็มอิ่ม ทยอยตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของอวี๋หวั่น ทั้งสามเบิกตากว้าง เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า และเข้าใจโดยปริยายว่าจะไม่ปลุกอวี๋หวั่น
พวกเขาทั้งสามพึงพอใจ ลูกตาดำกลิ้งกลอกไปมา ราวกับว่าพวกเขากำลังกลิ้งไปมาบนเตียง
ทั้งสามตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอวี๋หวั่นยังไม่ตื่น จึงแอบจุ๊บที่ใบหน้าของอวี๋หวั่น!
อวี๋หวั่นตื่นแต่เช้าแล้ว แต่เธอคิดจะแกล้งเด็กน้อยทั้งสาม คาดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสามจะหาญกล้า แอบมาลวนลามเธอ
อวี๋หวั่นลืมตาขึ้นอย่างขบขัน
อ๊ะ!
เด็กทั้งสามถูกจับได้คาหนังคาเขา รีบปิดหน้าด้วยความอับอาย
อวี๋หวั่นหัวเราะจนปวดท้อง
ซั่งกวนเยี่ยนและสาวรับใช้วุ่นวายมาครึ่งคืน รอจนอวี๋หวั่นและเด็กๆ หลับ ยามนั้นพวกนางถึงหลับได้ อวี๋หวั่นจึงไม่ปลุก เธอเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบอาภรณ์สามชุดให้เหล่าเด็กน้อยเปลี่ยน พาพวกเขาไปล้างหน้าแปรงฟัน หลังจากนั้นจึงไปทำอาหารเช้าที่ห้องครัว
ในห้องครัวบ้านเธอมีอาหารเช้าในหม้อที่ท่านพ่อของเธอทำไว้แล้ว ทว่าเพียงพอแค่สำหรับเธอ ท่านแม่และเถี่ยตั้นน้อยเท่านั้น
อวี๋หวั่นหยิบวัตถุดิบ มาต้มโจ๊กมันเทศ นึ่งซาลาเปาหมู และล้างผักป่าสองกะละมัง สำหรับผักป่า เธอตัดสินใจจะรอจนกว่าซั่งกวนเยี่ยนและสาวใช้ตื่นค่อยผัด
เด็กๆ นั่งบนเก้าอี้ตัวน้อยอย่างเชื่อฟัง รอหวั่นหวั่นที่กำลังทำซาลาเปาหมูด้วยตนเอง
ซาลาเปาหมูมาแล้ว
“พวกเจ้ากินไปก่อน ข้าจะไปตักโจ๊กมันเทศสามชามมาให้” อวี๋หวั่นกล่าวจบก็ไปตักโจ๊กจากในครัว
ซาลาเปาหมูของหวั่นหวั่น ต้องอร่อยมากแน่ๆ!
เด็กน้อยทั้งสามคว้าซาลาเปาหมูมาด้วยความคาดหวัง กัดอย่างเต็มปากเต็มคำ!
เอ๋…เอ๋?!
เด็กทั้งสามที่เคลิบเคลิ้มสะดุ้ง! ร่างเล็กแข็งทื่อ!
หลังจากนั้นสามวินาที ทั้งสามก็เอนตกจากเก้าอี้ ลิ้นห้อย ตาเหลือกจนเห็นสีขาว…
รสชาติช่างเลวร้ายเกินทน…
…………………………………………………….
Comments for chapter "บทที่ 59.2 ความอบอุ่นของแม่ลูก (2)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Mat_AnGel
555 รสมือท่านแม่ไง
patty
5555555ซาลาเปาน้อยทั้ง3หากไม่อยากตายอย่ากินอาหารฝีมือท่านแม่อีกนะ