หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 65.1 การกลับมาของพี่จิ่ว (1)
เหยียนหรูอวี้ไม่อาจอยู่ที่ร้านน้ำชานานนัก นางนัดหมายกลุ่มสตรีสูงศักดิ์ไปที่ทะเลสาบใกล้ๆ โดยอ้างว่าตนจะไปซื้อเครื่องดื่มให้เหล่าพี่น้องสตรีของนาง ประมาณจากเวลา นางก็ควรกลับไปหากลุ่มสตรีสูงศักดิ์ได้แล้ว
เหยียนหรูอวี้เดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับเครื่องดื่มสองสามกล่อง ทันทีที่มาถึงประตู ก็มองเห็นอวี๋หวั่นที่แผ่กลิ่นอายสังหารออกมา
อวี๋หวั่นเพิ่งเดินออกจากตรอกที่ ‘บังเอิญพบ’ กับจ้าวเหิง เธอค้นเจอเงินเหรียญทองแดงห้าเหรียญบนตัวของจ้าวเหิง ทว่าแค่เงินเหรียญทองแดงห้าเหรียญ ยังไม่พอยาไส้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าสิ่งที่อวี๋หวั่นสนใจไม่ใช่เหรียญทองแดงเหล่านี้ แต่เป็นเรื่องที่บีบให้เล่าออกมาจากปากของจ้าวเหิง
จ้าวเหิงบอกว่าเขาเคยเห็นภาพของเธอที่กำลังอุ้มท้อง ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยผื่นสีแดง หน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดจนไม่เหมือนเค้าเดิม จ้าวเหิงที่เติบโตมากับเธอก็แทบจะจำไม่ได้ เช่นนั้น เพื่อนร่วมชั้นแซ่หยางซึ่งเพียงมองเห็นเธอจากที่ไกลๆ ไม่กี่ครั้ง จะจำว่าเป็นเธอที่หอนางโลมได้อย่างไร?
ใช้หัวแม่เท้าคิดก็เดาได้ว่าคนแซ่หยางนั่นพูดจาโป้ปด!
แน่นอน เธอไม่สงสัยว่าทั้งสองเคยพบกันที่หอนางโลมในเมืองสวี่โจว ทว่าหากเป็นอย่างที่หยางซิ่วไฉกล่าวว่าเขาจำเธอได้ ในทางกลับกัน เธอก็ควรจะจำหยางซิ่วไฉได้
หยางซิ่วไฉมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจ้าวเหิง เธอมักจะไปเยี่ยมจ้าวเหิงที่สำนักการศึกษาอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะไม่เคยพูดคุยกับหยางซิ่วไฉ แต่เธอก็รู้จักคนคนนี้อยู่บ้าง
หลังจากจำหยางซิ่วไฉได้ เธอก็เปิดเผยตัวตนกับหยางซิ่วไฉในทันที และขอร้องให้หยางซิ่วไฉช่วยเหลือเธอ ทว่าน่าเสียดายที่หยางซิ่วไฉกลัวจะติดร่างแหไปด้วย จึงทิ้งเธอไว้และหนีไปคนเดียว
หากมีเพียงเท่านี้ อวี๋หวั่นก็ยังไม่คิดว่ามีสิ่งใดต้องตำหนิเขา
เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ ขอร้องให้เขาเสี่ยงทำให้ใครไม่พอใจ เพื่อช่วยเธอให้พ้นจากอันตราย ก็ดูเหมือนจะฝืนใจเขาไปเสียหน่อย
ในเมื่อเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว ก็ควรจะไม่ยุ่งเกี่ยวจนถึงที่สุด ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่ปีก็วิ่งโร่ไปนินทาให้จ้าวเหิงฟัง นี่หมายความว่าอย่างไร?!
เขาต้องรวบรวมความกล้าที่จะเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ อวี๋หวั่นนับถือว่าเขาก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่หมอนั่นเลือกทำให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เล่าเรื่องที่เธอเคยขอความช่วยเหลือจากเขา กลับยืนยันว่าเธอเข้าไปในหอนางโลมด้วยตัวเอง
คนต่ำช้า! ไอ้ชาติชั่ว!
ว่ากันว่าสิ่งต่างๆ ถูกแบ่งเป็นหมวดหมู่ ผู้คนก็ถูกแบ่งตามกลุ่ม คนที่เรียกว่าพี่น้องกับจ้าวเหิง ก็คงอยู่ในประเภทเดียวกับจ้าวเหิงเช่นกัน!
เหยียนหรูอวี้เห็นอวี๋หวั่นเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ไม่มองถนนไม่มองทาง ก็รอเพียงอวี๋หวั่นเดินชนเสาเท่านั้น
แต่ใครจะรู้ว่าอวี๋หวั่นดูเหมือนมีดวงตาอีกคู่หนึ่งอยู่บนหัว ขณะที่กำลังจะชนเสา เท้าของเธอก็พลันหยุดชะงักในทันที
หลังจากนั้น อวี๋หวั่นก็คล้ายกับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และหันมองไปยังเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ถูกจับได้โดยไม่ทันตั้งตัว ลุกลี้ลุกลนราวกับถูกจับได้ว่าทำสิ่งที่ไม่ดีคาหนังคาเขา แต่อวี๋หวั่นก็มิได้สนใจแม้แต่น้อย เธอเบนสายตาออกและก้าวเดินต่อไป
เหยียนหรูอวี้ที่ไม่เคยถูกมองข้ามมากก่อน โกรธจนควันออกหู “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจ
“คนแซ่อวี๋! ข้าบอกให้เจ้าหยุด!”
อวี๋หวั่นเดินต่อไปไม่หยุด
เหยียนหรูอวี้ดวงตาเบิกกว้างอย่างยากจะเชื่อ ไม่พบกันเพียงไม่กี่วัน ดรุณีผู้นี้กลับยิ่งอาจหาญขึ้นเรื่อยๆ กล้าเมินเฉยนางเช่นนี้บนถนนใหญ่ ดูเถิด ตอนนี้เป็นแค่หญิงในหมู่บ้านที่ต่ำต้อย ยังกล้าไม่ไว้หน้านางถึงเพียงนี้ หากรอให้ตัวตนของเด็กนั่นฟื้นคืนมาจริงๆ จะไม่เหยียบนางจนจมดินเลยรึ?!
“นี่ คุณหนูเหยียนบอกให้เจ้าหยุด เจ้าหูหนวกหรือว่าโง่กันแน่ ไม่ได้ยินหรือ?”
ในระหว่างที่โทสะของเหยียนหรูอวี้กำลังปะทุเดือด หญิงสูงศักดิ์สองสามคนในอาภรณ์หรูหราดูดีปรากฏตัวต่อหน้าอวี๋หวั่น และขวางทางอวี๋หวั่นด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
พวกนางคือหญิงสูงศักดิ์ที่เชิญเหยียนหรูอวี้ไปเที่ยวทะเลสาบ แผนเดิมนัดพบกันที่ร้านขายผ้าแห่งหนึ่ง หลังจากพบกัน เหยียนหรูอวี้ก็เสนอตัวไปซื้อเครื่องดื่มให้ พวกนางรออยู่นาน ทว่าก็ไม่เห็นเหยียนหรูอวี้กลับมา จึงพากันมาตามหานาง
ผู้ที่เอ่ยวาจาเมื่อครู่คือบุตรขุนนางแซ่หลี่ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเหยียนหรูอวี้มากที่สุดในบรรดาสตรีชั้นสูง และสถานะของนางก็สูงที่สุดในที่นี้ นอกจากเหยียนหรูอวี้ จึงไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมไปกว่านาง ในการออกหน้าแทนเหยียนหรูอวี้
เมื่อบุตรีชนชั้นสูงอีกสองคนเห็นคุณหนูหลี่เอ่ยปาก ก็ไม่ยอมน้อยหน้าแสดงความอ่อนแอ
“ใช่ เจ้าไม่ได้ยินรึ? หูหนวกจริงๆ สินะ?”
“หรือเจ้าจงใจไม่ให้เกียรติคุณหนูเหยียน? เจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูเหยียนคือใคร? นางเป็นบุตรีของจวนแม่ทัพ คนชั้นต่ำเช่นเจ้า เมื่อเจอนางก็ทำได้เพียงก้มหัวคำนับ ยังกล้าดูหมิ่นไม่ไว้หน้า!”
“คนชั้นต่ำ?” อวี๋หวั่นปรายตามองคนทั้งสาม “หากข้าเป็นคนชั้นต่ำ แล้วพวกเจ้าเล่าเป็นอันใด?”
“ท่านพ่อของข้าเป็นรองเสนาบดีกรมทหาร ท่านพ่อของคุณหนูหูเป็นขุนนางแห่งประตูเหลือง[1] และท่านปู่ของคุณหนูจั่วเป็นซิวจ้วนประจำสำนักราชบัณฑิตหลวง[2] ส่วนเจ้า…” คุณหนูหลี่กล่าวพร้อมกวาดสายตาขึ้นลงบนร่างอวี๋หวั่น “เป็นตัวอันใด?”
เหยียนหรูอวี้เดินเข้ามา เปิดวงล้อมด้วยท่าทาง ‘ใจดี’ “พอแล้วละ มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าอยากใช้โอกาสนี้เจรจาดีๆ กับนาง ไม่คิดว่านางจะไม่พอใจข้าถึงเพียงนี้…”
คำพูดเหล่านั้นมีข้อมูลมากมาย อะไรคือ ‘เจรจาดีๆ’ แล้วอะไรคือ ‘ไม่พอใจถึงเพียงนี้’ หรือว่าก่อนหน้านี้ คนทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกัน? แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร คุณหนูเหยียนก็ไม่มีทางข้องแวะกับคนธรรมดาสามัญได้!
ทุกคนมองเหยียนหรูอวี้อย่างรู้สึกสงสัย
คุณหนูหลี่ถาม “คุณหนูเหยียน นางเป็นใครกันหรือ?”
เหยียนหรูอวี้แสดงท่าทีไม่อยากเอ่ยถึง “พอแล้วละ ไม่ต้องเอ่ยถึงนางแล้ว เราไปกันเถิด อย่าให้เรื่องเล็กน้อยนี้ทำให้พวกท่านอารมณ์เสียเลย มิเช่นนั้นข้าคงรู้สึกผิด”
“จะแสร้งทำตัวเป็นคนดีไปไย เยี่ยนหรูอวี้?” อวี๋หวั่นมองมาด้วยดวงตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึก
ทุกคนตกตะลึงกับน้ำเสียงหนักแน่นไม่สั่นคลอน เหยียนหรูอวี้ขมวดคิ้ว “แม่นางอวี๋…”
“แม่นางอวี๋รึ?” อวี๋หวั่นยิ้ม “ครานี้ไม่เรียกข้าว่าหญิงในหมู่บ้านแล้วรึ?”
“ที่แท้เจ้าก็เป็นหญิงในหมู่บ้าน!” ดวงตาของคุณหนูหลี่มีแววของความดูถูกดูแคลน “โอ้สวรรค์ ยามนี้แม้แต่หญิงในหมู่บ้านก็กล้าไม่เห็นบุตรีจวนแม่ทัพอยู่ในสายตาแล้วรึ?”
คุณหนูหูที่อยู่ด้านซ้ายเอ่ย “คุณหนูเหยียน ท่านไปรู้จักหญิงในหมู่บ้านได้อย่างไร?”
เหยียนหรูอวี้ลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยความลำบากใจ “พ่อของนางเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่อข้า”
คุณหนูหลี่เอ่ยเสียงสูง “บุตรสาวของผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่มีความเคารพยำเกรงถึงเพียงนี้เลยรึ?”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างขบขัน “เหยียนหรูอวี้ ไยเจ้าไม่บอกพวกนาง ว่าพ่อของข้าไม่เพียงแต่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเจ้า แต่ยังขโมยความดีความชอบทางทหารของพ่อเจ้าด้วยเล่า?”
คุณหนูหลี่จ้องขมึง “เจ้าว่าอย่างไรนะ? พ่อของเจ้าขโมยความดีความชอบทางทหารของบิดาเหยียนหรูอวี้ด้วยรึ? พ่อ…พ่อของเจ้า…พ่อของเจ้าก็คือ…”
“ใช่ พ่อของข้าคืออวี๋เซ่าชิง” อวี๋หวั่นยืดอกพูด ไม่ว่าโลกภายนอกจะปรักปรำพ่อของเธออย่างไร แต่ในสายตาของเธอ ท่านพ่อเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยชาวประชาจากความทุกข์ยากเสมอมา
คุณหนูหลี่หัวเราะเยาะ “ไม่แปลกใจที่คุณหนูเหยียนเรียกเจ้า แล้วเจ้าไม่กล้าหยุด คงเพราะเจ้าไม่มีหน้าจะหยุดกระมัง!”
เหยียนหรูอวี้ดึงชายแขนเสื้อของคุณหนูหลี่ พลางเอ่ยเบาๆ “ไม่ต้องเอ่ยแล้ว อย่าทำให้นางขุ่นเคืองเลย”
คุณหนูหลี่ฮึดฮัด “ทำไมเล่า? ข้าต้องกลัวนางหรือ?”
พ่อของนางเป็นรองเสนาบดีกรมทหาร การจะบี้บุตรสาวของอาชญากรให้ตาย ย่อมง่ายดายราวกับบี้มด ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของนางมีเหยียนหรูอวี้ ผู้สนับสนุนสกุลเหยียน ในเมืองหลวงมีน้อยคนที่กล้ากระตุกหนวดเสือ
เมื่อเห็นเหยียนหรูอวี้แสดงท่าทางไม่อยากพูดอีกครั้ง อวี๋หวั่นก็ถอนหายใจ “เจ้าไม่ต้องแสดงแล้ว ข้าเห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยแทนเจ้า มิใช่ว่าเจ้าอยากจะเอ่ยว่าข้าชอบยั่วยวนผู้ชาย มิเพียงแต่ยั่วยวนองค์ชายรอง แต่ยังยั่วยวนคุณชายเยี่ยนด้วยหรอกรึ?”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไป ทุกคนต่างตะลึงงัน หญิงในหมู่บ้านว่าอย่างไรนะ? บุรุษสองคนผู้มีฐานะสูงส่งล้ำค่าที่สุดในเมืองหลวง ถูกนางปั่นหัวรึ?
“ที่นางกล่าวเป็นความจริงหรือ?” คุณหนูหลี่มองเหยียนหรูอวี้อย่างใจจดใจจ่อ
“คุณหนูเหยียน นางโป้ปดแล้วกระมัง? องค์ชายรองกับคุณชายเยี่ยนจะมองนางได้อย่างไร?”
“ใช่ แม้หน้าตานางจะพอไปวัดไปวาอยู่บ้าง ทว่าชาติกำเนิดต่ำต้อยเช่นนี้ จะอยู่ในสายตาขององค์ชายรองกับคุณชายเยี่ยนได้อย่างไร?”
คุณหนูหูกับคุณหนูจั่วก็ไม่เชื่อเช่นกัน
หากกล่าวถึงความสวย อวี๋หวั่นก็นับว่าสวยมาก ทว่าองค์ชายรองกับเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นใคร? พวกเขาเกิดในราชวงศ์ หญิงงามที่พวกเขาพบเห็นตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่มากพอหรือ? ไยจึงถูกหญิงธรรมดาเพียงคนเดียวปั่นหัวได้?
พวกเขาเฝ้ารอคำพูดปฏิเสธจากเหยียนหรูอวี้ ทว่าเหยียนหรูอวี้กลับเพียงแค่ถอนหายใจ “มิต้องเอ่ยแล้ว เราไปเที่ยวทะเลสาบกันเถิด”
นี่เป็นการยอมรับโดยปริยาย!
หญิงบ้านนอกต่ำต้อยผู้นี้ ล่อลวงชายทั้งสองคนที่พวกนางอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด!
น่าแปลกที่คนไม่ไว้หน้าใครเช่นเธอ กลับกล้าพึ่งพาชายหนุ่มเพื่อสนับสนุนตัวเอง
พวกนางริษยาอวี๋หวั่น พวกนางต่างใฝ่ฝันอยากเป็นที่โปรดปรานขององค์ชายและคุณชาย ทว่าคนหนึ่งก็ไว้ทุกข์ให้ไทเฮาและปฏิเสธการแต่งงาน อีกคนหนึ่งก็ไม่เข้าใกล้อิสตรีและปฏิเสธการแต่งงานเช่นกัน พวกนางก็เคยอิจฉาริษยาเหยียนหรูอวี้ ทว่าเหยียนหรูอวี้มีสถานะสูงส่ง รูปร่างหน้าตางดงาม พวกนางคิดว่าตนเองไม่อาจเทียบได้ การพ่ายแพ้ต่อเหยียนหรูอวี้ไม่ใช่ความอยุติธรรม ทว่าการพ่ายแพ้ต่อหญิงในหมู่บ้านผู้ต่ำต้อยเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
ยิ่งไปกว่านั้น การแต่งงานขององค์ชายรองเป็นที่จับตามอง พระชายาเอกเป็นบุตรีของจวนมหาเสนาบดี และสนมเช่อเฟยทั้งสองเป็นบุตรีของราชครูและต้าฟูแห่งหออาลักษณ์หลวง หากเป็นเช่นนี้ กระทั่งตำแหน่งนางบำเรอนางก็ยังไม่อาจเป็น
สำหรับคุณชายเยี่ยน ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว คุณหนูเหยียนเป็นมารดาที่ให้กำเนิดของคุณชายน้อย อย่างไรนางก็ต้องเป็นนายหญิงของจวนคุณชาย ถึงแม้ว่าพวกนางจะสั่งสอนหญิงในหมู่บ้านผู้นี้แล้วอย่างไร? คุณชายเยี่ยนจะทำให้คู่หมั้นตนเองอับอาย เพียงเพื่อหญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าหรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาที่มองอวี๋หวั่นของพวกนางก็ไร้ซึ่งร่องรอยของความยำเกรง
คุณหนูหลี่สืบเท้าประจันหน้า และจ้องมองอวี๋หวั่นไม่วางตา “คุกเข่าลง ก้มหัวคำนับยอมรับผิดต่อคุณหนูเหยียน และสาบานว่าเจ้าจะไม่ยั่วยวนคุณชายเยี่ยนอีก แล้วพวกเราจะถือว่าวันนี้ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”
………………………………………………………………..
[1] ขุนนางแห่งประตูเหลือง 黄门侍郎 มีหน้าที่เป็นผู้คุมกฎของขันทีทั้งหมด ขุนนางในกรมนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นขันทีทั้งหมด
[2] ซิวจ้วนประจำสำนักราชบัณฑิตหลวง 翰林院修撰 เจ้าหน้าที่ระดับซิวจ้วนประจำสำนักราชบัณฑิตหลวง มีหน้าที่ควบคุมการจดบันทึก เช่น คำพูดรวมและการกระทำของฮ่องเต้ ประวัติศาสตร์ และพิธีกรรมต่างๆ
Comments for chapter "บทที่ 65.1 การกลับมาของพี่จิ่ว (1)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Mr.Lucifer
พวกคุณหนูเมืองหลวงนี่เป็นเอามากนะ รอให้เขากลายเป็นพระชายาก่อนเถอะ เดี๋ยวจะร้องไห้ไม่ทันเลย