หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 66.2 ไฟโทสะของพี่จิ่ว (2)
จ้าวเหิงไม่รู้ว่าช่วงนี้ตนดวงตกหรืออย่างไร ถูกจับตัวไปทุกวี่วัน วันนี้เขาจึงเปลี่ยนเส้นทางเดิน กระนั้นก็ยังถูกคนจับตัวไปอีก คนผู้นี้หยาบคายยิ่งนัก จับเขาเหวี่ยงขึ้นบ่าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งทะยานราวกับจะรีบไปเกิดใหม่ กระเด้งกระดอนจนเขาอาเจียนจนรู้สึกประหนึ่งเครื่องในจะทะลักออกมา
ครั้งมาถึงที่หมาย ก็ยังถูกโยนลงพื้นก้นจ้ำเบ้า
เขารู้สึกมึนงงอยู่นานกว่าจะเข้าไปกอดต้นไม้ใหญ่ พยุงตัวเองขึ้นมาได้ หลังจากนั้นเขาก็เห็นเงาสีดำคู่หนึ่ง เมื่อมองตามไปก็เห็นดิ้นแพรสีขาวเลอค่า ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงรัศมีแห่งความสูงศักดิ์ที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความขลาดกลัว มองไปยังบุรุษร่างสูงตรงหน้า จากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึง “คุณ…คุณชายวั่น”
จะว่าไปก็น่าแปลก แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านระยะหนึ่ง ทว่าเขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตาจ้าวเหิง มีเพียงครั้งเดียวที่เคยเห็นเงาเลือนรางของอีกฝ่ายก็คือในตอนที่เกิดแผ่นดินไหว ทว่าท่าทางและบุคลิกของเขาช่างโดดเด่นกระทั่งเห็นเพียงครั้งเดียวจ้าวเหิงก็สามารถจดจำได้ว่าเป็นเขา
“ท่านเป็นคนจับข้ามาหรือ?” จ้าวเหิงไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดคุณชายวั่นต้องจับเขามา มิใช่ว่าเขาดูไม่ออกว่าคุณชายวั่นคิดอย่างไรกับอาหวั่น แต่เขาตัดขาดความสัมพันธ์กับอาหวั่นไปแล้ว ทั้งยังย้ายออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวาแล้ว ไม่มีทางไปมาหาสู่กับอาหวั่นไปตลอดชีวิต เช่นนั้นคุณชายวั่นจะจับเขามาด้วยเหตุใดกัน?
อิ่งสือซันเตะเขาหนึ่งที “เจ้ามองหน้าเจ้านายข้าได้อย่างไรกัน?”
จ้าวเหิงล้มลงคุกเข่าบนพื้น หน้าผากกระแทกจนเลือดไหล
เขาเป็นถึงซิ่วไฉ แต่เล็กจนโตได้รับการเลี้ยงดูดังไข่ในหิน ไหนเลยจะเคยทุกข์ทรมานเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาเจ็บปวดเสียจนเหงื่อโทรมกาย
ทว่าที่เจ็บปวดมากกว่าความเจ็บปวด ก็คือความอับอาย
เขาเป็นซิ่วไฉ เข้าไปพบข้าราชการก็ยังไม่ต้องคุกเข่าคำนับ คุณชายวั่นซึ่งไร้ชื่อเสียงผู้นี้กลับทำให้เขารู้สึกอัปยศอดสูยิ่งนัก!
เยี่ยนจิ่วเฉามิได้แยแสกับท่าทางดิ้นรนดุจมดไรของจ้าวเหิง เขามองลงไปพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าขอถามเจ้า ข่าวลือที่ว่าอวี๋หวั่นเข้าไปในหอคณิกานั้น เจ้าเป็นคนกุขึ้น หรือว่าเจ้าได้ยินจากที่ใดมา?”
อวี๋หวั่น อวี๋หวั่นอีกแล้ว!
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องต้องเกี่ยวกับสตรีคนนี้อยู่ร่ำไป!
เมื่อกระต่ายเข้าตาจนก็ย่อมแว้งกัดคนได้ จ้าวเหิงเผชิญกับหายนะเหนือความคาดหมายมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาโมโหสุดขีด “คุณชายวั่นอยากแต่งงานกับนาง จึงต้องมาสืบความเกี่ยวกับนางหรอกหรือ? เหอะ เช่นนั้นคุณชายก็คงต้องระวังให้มากเสียแล้ว สตรีผู้นี้มิได้เพียงเข้าไปในหอคณิกา นางยังมีลูกกับบุรุษอื่นด้วย! ข้าไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา! เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง! มีคนเห็นกับตา!”
“ผู้ใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาหักนิ้วพร้อมกับเอ่ยถาม
จ้าวเหิงยืดหลังตรงแล้วตอบว่า “เพื่อนร่วมชั้นของข้า! เขาเห็นนางเข้าไปในหอคณิกากับตา! นางปิดบังข้ามาตลอด! หากเขาไม่มาบอกความจริงกับข้า ทุกวันนี้ข้าก็คงโง่งมต่อไปเรื่อยๆ! ข้าพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะข้าต้องการทำลายความสัมพันธ์ของคุณชายวั่นกับนาง ข้าเพียงแต่สงสารคุณชายที่ต้องมาร่วมชะตากรรมเช่นเดียวกับที่ข้าเคยเผชิญ ข้าทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคุณชายวั่นถูกนางหลอก! นางร้อยเล่ห์มารยา ไม่อาจออกเรือนกับซิ่วไฉ ก็วิ่งเข้าหาคุณชายวั่น คุณชายวั่นเป็นบัณฑิต อย่าไปข้องแวะกับสตรีไร้ศีลธรรมเช่นนี้เลย!”
อิ่งสือซันถีบเขาจนหน้าคะมำลงกับพื้น “ให้เจ้าตอบเจ้าก็ตอบ ไม่ต้องมากความ!”
จ้าวเหิงเจ็บปวดจนกระอักเลือดสดๆ ออกมา
เยี่ยนจิ่วเฉายังคงมีสีหน้าเย็นชา “เพื่อนร่วมชั้นของเจ้าคือใคร?”
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม อิ่งลิ่วก็นำตัวซิ่วไฉแซ่หยางคนหนึ่งมา
เดิมทีหยางซิ่วไฉเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจ้าวเหิง แต่หลังจากที่จ้าวเหิงย้ายเข้าเมืองหลวงไป เขาก็ไม่ได้ไปเรียนที่สำนักการศึกษา ทั้งคู่จึงไม่ได้พบหน้ากันอีก หยางซิ่วไฉไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องมาพบกันในสถานการณ์เช่นนี้
หยางซิ่วไฉมึนงงไปหมด
เยี่ยนจิ่วเฉามิได้ใส่ใจที่จะแสดงฐานะของตน หยางซิ่วไฉมีท่าทางเย่อหยิ่ง หลังจากที่อิ่งลิ่วจัดให้เขาสองสามหมัด เขาก็เริ่มพูดง่ายขึ้น
เยี่ยนจิ่วเฉาถามสิ่งใด เขาก็ตอบโดยที่ไม่กล้าถามต่อแม้แต่น้อย
จากคำให้การของจ้าวเหิง เมื่อสามปีก่อนหยางซิ่วไฉบังเอิญเจอกับอวี๋หวั่นที่หอคณิกา หลังจากนั้นก็ละล้าละลังไม่กล้าบอกจ้าวเหิง จวบจนเขาได้ยินว่าจ้าวเหิงจะแต่งงานจึงรวบรวมความกล้าบอกความจริงกับเขา
ทว่าหลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉาสอบสวนอย่างโหดเหี้ยม เขาก็มิได้พูดเหมือนเดิม
“ข้า…ข้าจำนางไม่ได้…เป็นนางที่เข้ามาหาข้า ขวางทางข้าเอาไว้…นางบอก…ว่านางคือคู่หมั้นของจ้าวซิ่วไฉ…ให้ข้า…ให้ข้าช่วยนางออกไป…ใบหน้าของนางในตอนนั้นมีแต่รอยแดงจนข้ากลัว…แต่ข้ารู้ว่านางไม่ได้โกหก…เรื่องที่นางพูด…ล้วนแต่ถูกต้อง….”
เพื่อที่จะทำให้หยางซิ่วไฉเชื่อ อาหวั่นบอกเรื่องราวเกี่ยวกับจ้าวเหิงไปไม่น้อย รวมไปถึงเรื่องที่จ้าวเหิงบอกนางเกี่ยวกับหยางซิ่วไฉอีกด้วย
จ้าวเหิงมิได้ล่วงรู้ว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตระหนก!
“นางเข้าไปซื้อผักในตำบล แล้วก็เจอเข้ากับโจรลักพาตัว…นางขอร้องให้ข้าช่วย…ข้า…ข้าไม่กล้า…”
แน่นอนว่าหยางซิ่วไฉไม่กล้า มีเหล่าอันธพาลอยู่ในหอนางโลมจำนวนมาก หากเขาแย่งชิงแม่นางจากพวกเขาไป นั่นมิได้เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?
ในตอนนั้น อวี๋หวั่นคุกเข่าอ้อนวอนให้เขาช่วย กล่าวว่านางยังคงบริสุทธิ์ นางไม่ได้ทำผิดต่อจ้าวเหิง จึงขอร้องให้เขาพานางกลับไป ซื้อตัวนางกลับไปก็ได้ ใช้เงินมากเท่าไร วันหลังนางจะนำกลับมาใช้คืนให้
ทว่าหยางซิ่วไฉกลับหันหลังเดินจากไป
เขาทิ้งแม่นางน้อยไร้ที่พึ่งเอาไว้ในหอนางโลม
ทั้งที่นางมิใช่สตรีแปลกหน้า แต่เป็นคู่หมั้นของเพื่อนที่สนิทชิดเชื้ออย่างจ้าวเหิง จิตใจของเขาทำด้วยอะไรกัน?
เยี่ยนจิ่วเฉาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วมองหน้ากัน แอบคิดในใจว่า ‘แย่แล้ว คุณชายจะต้องไม่ล้มป่วยเป็นแน่’
สติสัมปชัญญะของเยี่ยนจิ่วเฉากำลังถูกกลืนกินทีละน้อย เขาใช้โอกาสที่ยังมีสติอยู่กล่าวว่า “หอคณิกาที่ใด…ลูกของนางเป็นอย่างไรแล้ว…”
พูดจบ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไป เขายกเก้าอี้ขึ้น แล้วทุ่มใส่ศีรษะของหยางซิ่วไฉอย่างแรง
……
หยางซิ่วไฉล้มลง ดวงตายังเบิกโพลง เลือดสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของจ้าวเหิง
จ้าวเหิงตกใจกลัว
……
เยี่ยนจิ่วเฉาฟื้นขึ้นสามวันให้หลัง จ้าวเหิงถูกอิ่งลิ่วซ้อมไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถูกนำไปโยนทิ้งไว้ในตรอก
แต่ก่อนที่จะออกมา จ้าวเหิงก็ตอบทั้งสองคำถามของเยี่ยนจิ่วเฉา
“คุณชาย นี่เป็นภาพวาดที่จ้าวเหิงวาดด้วยตัวเอง เขาบอกว่าเขาเห็นภาพวาด จึงมั่นใจว่าแม่นางอวี๋เคยตั้งครรภ์มาก่อน”
ลุงวั่นส่งสายตาให้กับอิ่งลิ่วจากนอกประตู บอกเป็นนัยว่าให้เตือนคุณชายให้ดื่มยา
อิ่งลิ่วคิดในใจว่าคุณชายป่วยทางใจ อาการป่วยทางใจมิจำเป็นต้องใช้ยา
อิ่งลิ่วไม่ได้ตอบลุงวั่น
ลุงวั่นร้อนรนเสียจนอยากจะเข้าไปเตะเขา!
เยี่ยนจิ่วเฉารับภาพวาดมา มองปราดหนึ่ง คิ้วขมวดเป็นปม
อิ่งลิ่วกล่าวว่า “อาจเป็นการปลอมตัว หรืออาจกินอะไรผิดสำแดง จึงเกิดรอยเช่นนี้ขึ้น”
“ภาพนั้นมาจากที่ใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาเสียงแหบพร่า
อิ่งลิ่วตอบ “ดูเหมือนว่าจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังตามสืบเรื่องแม่นางอวี๋เช่นกันขอรับ จ้าวเหิงเห็นภาพนี้จากพวกเขา”
“คนอีกกลุ่มหนึ่ง?” เยี่ยนจิ่วเฉาครุ่นคิด
อิ่งลิ่วพยักหน้า “อีกทั้ง คุณชาย ท่านลองเดาสิขอรับว่าเมื่อสามปีก่อนแม่นางอวี๋ถูกจับไปไว้ในหอคณิกาที่ใด”
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดลอยๆ ว่า “อย่าบอกนะว่าที่สวี่โจว”
“ที่สวี่โจวขอรับ” อิ่งลิ่วกล่าว
นัยน์ตาของเยี่ยนจิ่วเฉากระตุกวูบหนึ่ง “เจ้าแน่ใจรึ?”
“ตอนนั้นข้าเองก็ตกใจเช่นกัน ถามย้ำจ้าวเหิงหลายครั้ง เป็นสวี่โจวไม่ผิดแน่ขอรับ อีกทั้ง…ยังเป็นเดือนสี่” อิ่งลิ่วกล่าว พลางจับจ้องไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา “คุณชาย จะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาพึมพำ “นั่นสิ จะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ…”
ทั้งช่วงเวลาและสถานที่ ทั้งหมดล้วนตรงกันพอดิบพอดี…แต่ว่าเขาจำอีกฝ่ายไม่ได้เสียแล้ว
เขาเคยลองถามเหยียนหรูอวี้ว่า ‘เจ้าเป็นถึงคุณหนูจวนสกุลเหยียน เหตุใดจึงไปอยู่ในหอคณิกาได้?’
‘ข้าถูกคนลักพาตัวไป…’ เหยียนหรูอวี้สะอึกสะอื้น
นี่เป็นเรื่องที่อวี๋หวั่นประสบมา
“คุณชาย ต้องการให้ข้าไปสืบที่สวี่โจวหรือไม่?” อิ่งลิ่วถาม
“ไม่จำเป็น” เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักไปครู่หนึ่ง “เตรียมรถ”
“ไปไหนหรือขอรับ?”
“หมู่บ้านเหลียนฮวา”
เขาจะไปพิสูจน์เอง ว่านางคือสตรีในคืนนั้นจริงหรือไม่
………………………………….