หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 68 ความจริงเปิดเผย
ตลอดทางมาที่นี่ ในสมองของเขามีร้อยแปดความเป็นไปได้ว่าตนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรเมื่อเห็นรอยปานของอวี๋หวั่น แต่เมื่อมาอยู่ในจุดนี้ เขากลับพบว่าไม่มีสิ่งใดเหมือนกับที่ตนจินตนาการเอาไว้เลย ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายถาโถมอยู่ในใจของเขา
ปลายนิ้วของเยี่ยนจิ่วเฉาแตะไปยังสัญลักษณ์ไฟปีศาจ แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “นี่คือปานของเจ้าหรือ?”
“ปานอะไร?” อวี๋หวั่นหันหลังมาอย่างงุนงง
สิ่งใดไม่เหมาะก็ไม่ควรดู เยี่ยนจิ่วเฉาจับศีรษะน้อยๆ ของเธอกลับไป “ปานบนหลังของเจ้า เจ้าไม่รู้เลยหรือ?”
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “บนหลังข้า ข้าจะไปเห็นได้อย่างไร?”
เยี่ยนจิ่วเฉาถามต่อ “คนที่บ้านเจ้าไม่เคยบอกเจ้าหรือ?”
บางทีอาจจะเคยบอกกับเจ้าของเดิม แต่เธอไม่ได้สืบทอดความทรงจำนี้มาหรือ?
แต่นี่ไม่ใช่รอยปานทั่วไป สตรีผู้นี้…เยี่ยนจิ่วเฉาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยอดฝีมือชาวจงหยวนคนใดกันจึงจะกล้าโกนขนหน้าแข้งของฮ่องเต้เช่นนี้? จะมีก็แต่เจ้าสาวในตำนานที่กล้าหนีงานแต่งครั้งใหญ่ของเผ่าปีศาจเพียงคนเดียว
แต่ดูแล้ว สตรีผู้นี้คงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบเสื้อผ้าซึ่งกองอยู่ที่หัวเตียงคืนให้อวี๋หวั่น “เดี๋ยวจะไม่สบาย”
อวี๋หวั่นยังตั้งสติไม่ได้
เขาบอกว่าอยากดู หมายถึงแค่ดูจริงๆ หรือ…
“เยี่ยนจิ่วเฉา…ท่านไม่ได้…”
“อย่าคิดไปไกล” เยี่ยนจิ่วเฉาไม่จำเป็นต้องดูสีหน้าของอวี๋หวั่น ฟังเพียงน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไร
ใต้หล้าล้วนรู้ว่าคุณชายแห่งเมืองเยี่ยนนั้นบ้าระห่ำและชอบอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเป็นที่สุด แต่หารู้ไม่ว่าเขาเป็นบุรุษที่อยู่ในขนบ ไม่ยอมมีสัมพันธ์สวาทก่อนแต่งงานเป็นอันขาด เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนเป็นอุบัติเหตุ เขาสติวิปลาสไปบ้าง ทว่าบัดนี้หายดีแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องแบบเดิมเป็นครั้งที่สอง
เยี่ยนจิ่วเฉาติดกระดุมให้อวี๋หวั่น ติดขึ้นไปจนถึงเม็ดสุดท้าย แม้แต่กระดุมบนคอเสื้อก็ยังไม่ปล่อยไว้
อวี๋หวั่น “…”
กระดุมเม็ดนั้นเอาไว้ประดับต่างหากเล่า!
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกประหนึ่งสายตาของอวี๋หวั่นกำลังจะยิงเขาจนพรุนเหมือนกระชอนก็มิปาน
เขาสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ เรามาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า”
อวี๋หวั่นคิดในใจว่า ‘แล้วเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือ?’
ระหว่างทาง เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้คิดเตรียมเอาไว้ ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหน จึงตัดสินใจลองถามหยั่งเชิงเธอดูก่อน “เจ้ายังจำเรื่องที่เมื่อก่อนเคยพูดกับข้าได้หรือไม่?”
“เรื่องอะไรหรือ?” อวี๋หวั่นถาม “ข้าพูดกับท่านตั้งหลายเรื่อง”
เยี่ยนจิ่วเฉากระแอม “ก็…เรื่องที่พูดกับข้าเมื่อเร็วๆ นี้”
อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาเรียบเรียงคำพูดอีกครั้ง “เรื่องที่เจ้าอาจเคยมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่น”
“เมื่อครู่เป็นเพราะท่านรังเกียจเรื่องนี้?” อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่” บุรุษผู้นั้นก็คือเขา เขาจะไปรังเกียจตัวเองทำไม? จิตใจของเยี่ยนจิ่วเขารู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา เขาทำสีหน้าจริงจัง “ข้าอยากถามว่าเจ้าจะรังเกียจหรือไม่? ถ้าหากบุรุษคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?”
“ข้าจะจับเขาตอนเสียเลย!” อวี๋หวั่นตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
หัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉาเต้นระรัวอยู่ในอก
อวี๋หวั่นหยิบกรรไกรบนเก้าอี้ขึ้นมา แล้วขยับกรรไกรเสียงดัง ‘ฉับๆ’ “บุรุษที่เข้าไปในหอคณิกาจะเป็นบุรุษที่ดีไปได้อย่างไร!”
เยี่ยนจิ่วเฉาแอบหนีบหว่างขาเข้าหากัน “ถ้า…ถ้าหากเขาตกที่นั่งลำบากอยู่เล่า?”
อวี๋หวั่นแค่นเสียงด้วยความเย็นชา “เขาจะไปตกที่นั่งลำบากได้อย่างไร? ข้านี่ที่ถูกจับไปในหอคณิกา เขาจะถูกจับไปด้วยรึ?”
ก็ใช่น่ะสิ!
ในสมองของอวี๋หวั่นผุดภาพของฉากในละครโศกนาฏกรรมฉากหนึ่ง ผู้ชายเฮงซวยซึ่งชอบเข้าไปหาความสำราญในหอคณิกา จากนั้นก็ทำให้ผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่งตั้งท้อง เพียงเพราะต้องการลูกมาสืบสกุล ภายใต้ความกดดันของภรรยาหลวง นางจึงจำต้องจบชีวิตของเลือดเนื้อเชื้อไขของตนที่กำลังจะลืมตาดูโลก
เยี่ยนจิ่วเฉาเสียวสันหลังวาบ…
“เยี่ยนจิ่วเฉา” อารมณ์ของอวี๋หวั่นเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยในฉับพลัน “ข้าเคยคิด ว่าถ้าเกิดเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่…”
ไม่ใช่ถ้าเกิดยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ทั้งยังไม่ได้มีเพียงคนเพียว แต่มีถึงสามคน
เจ้าคลอดลูกออกมาถึงสามคนเชียวนะ
เยี่ยนจิ่วเฉาต้องยกนิ้วให้
“ท่านจะรับได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
ไร้สาระ!
ลูกของเขา! จะรับไม่ได้ได้อย่างไร!
อวี๋หวั่นพูดด้วยความลังเลว่า “ท่าน…ท่านช่วยข้าตามหาเขาหน่อยได้ไหม? ข้าจำเป็นต้องรู้ว่าเขายังอยู่หรือตายไปแล้ว ข้ารู้ว่าคำขอร้องนี้ออกจะมากเกินไปสักหน่อย…”
ไม่มากเกินไปแม้แต่นิดเดียว เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยความใจกว้างดังมหาสมุทร “วางใจเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าหา จะต้องพาพวกเจ้ามาพบหน้ากันให้ได้!”
อวี๋หวั่นยิ้มอย่างขมขื่น “พูดอย่างกับว่าท่านมั่นใจว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่”
เยี่ยนจิ่วเฉาหัวเราะ ‘เหอะๆ’ ไม่ใช่แค่มีชีวิตอยู่ แต่ยังมีชีวิตอยู่อย่างโลดโผน ซุกซนเสียจนหากไม่กำราบ ก็คงขึ้นไปรื้อหลังคาบ้านเสียแล้ว!
……
หลังจากที่อวี๋หวั่นกลับไป อิ่งสือซันก็เข้าไปในห้อง เขานำยาบำรุงหัวใจมาให้คุณชายเยี่ยน เขากลัวว่าคุณชายเยี่ยนจะกำลังเผชิญกับความจริงที่ว่าแม่นางอวี๋ไม่ใช่สตรีในคืนนั้น และจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น
จากนั้นเขาก็พบว่าคุณชายบ้านตนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นลม หรือว่าแม่นางอวี๋จะไม่ใช่สตรีในคืนนั้นจริงๆ?
“เป็นนาง” เยี่ยนจิ่วเฉาบอก
“เช่นนั้นไฉนคุณชายไม่ดีใจเล่า?” อิ่งสือซันถามด้วยความงุนงง
“…นางจะตอนข้า” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยท่าทางน่าสงสาร
อิ่งสือซันเข่าแทบทรุด!
อิ่งสือซันเอ่ยถามด้วยความอกสั่นขวัญแขวน “ท่านบอกความจริงนางไปแล้วหรือ?”
“ถ้าบอกนาง แล้วข้าจะได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรือ?” เมื่อนึกถึงตอนที่อวี๋หวั่นจับกรรไกร คุณชายก็รู้สึกหนาววาบที่หว่างขาขึ้นมา
อิ่งสือซันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงถามอย่างมีเลศนัยว่า “คุณชายยังรู้สึกว่าความรักของแม่นางอวี๋ที่มีต่อท่านนั้นลึกซึ้ง ความตายก็มิอาจพรากจาก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันทำร้ายท่านอยู่หรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจยาวๆ “เฮ้อ เจ้าไม่รู้อะไร รักแรงก็แค้นแรง”
อิ่งสือซันมุมปากกระตุก ท่านนี่หน้าไม่อายเอาเสียเลย!
“เช่นนั้นคุณชายคิดจะทำอย่างไร?” อิ่งสือซันถาม
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ “ข้าจะใช้ท่าไม้ตาย เตรียมรถม้า ข้าจะไปจวนสกุลเซียว”
…………………………………..
Comments for chapter "บทที่ 68 ความจริงเปิดเผย"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
didiw
สนุกมากเลยค่แอด…รออัพตอนต่อไปนะค่ะ
Mr.Lucifer
ท่าไม้ตายคือลูกและการสู่ขอสินะ