หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 86.2 ข้าจะรักษาเขาให้หาย (2)
“รีบหายไวๆ นะ” ป้าจางบอก
ซั่งกวนเยี่ยนรับพริกจากป้าจางมาหนึ่งตะกร้าด้วยความรู้สึกซับซ้อน คำพูดเหล่านี้ วันนี้นางได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ในเมืองหลวง ผู้คนต่างตั้งหน้าตั้งตาคอยให้ลูกของนางตายเร็วๆ แต่ที่นี่ พวกเขาต่างหวังให้ลูกของนางได้ใช้ชีวิตต่อไป
ซั่งกวนเยี่ยนดึงปิ่นทองออก ถอดอาภรณ์ผ้าไหมหรูหรา แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเรียบง่ายทั่วไป
เซียวเจิ้นถิงกลับมาบ้าน ก็เห็นภรรยาผู้สูงศักดิ์ของเขา แต่งกายราวกับหญิงชาวบ้าน ถือจอบพลิกหน้าดินอยู่ในสวนหลังบ้าน
เซียวเจิ้นถิงมองนางด้วยความประหลาดใจ
ความกระดากอายปรากฏบนใบหน้าของซั่งกวนเยี่ยน “ข้า…ข้าเห็นพวกนางทำ ไม่รู้ว่าข้าทำถูกหรือไม่”
“ข้าเอง” เซียวเจิ้นถิงดึงแขนเสื้อขึ้น
ฝีมือด้านการศึกของเซียวเจิ้นถิงนั้นเป็นเลิศ ทว่าเรื่องการขุดดินนั้น…ไม่เอาไหน
สามีภรรยาก้มๆ เงยๆ อยู่หลังบ้านตลอดทั้งช่วงบ่าย พื้นดินดีๆ ล้วนถูกขุดจนเละเทะ…
ชาวบ้านแวะเวียนมาไม่น้อย ซั่งกวนเยี่ยนจึงได้ยินเรื่องราวของบุตรชายจากปากของพวกเขามาบ้าง นางไม่เคยรู้เลยว่าบุตรชายที่มีแต่ชื่อเสียงในทางไม่ดีมาโดยตลอด บัดนี้จะกลายมาเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งในหมู่บ้าน
“คุณชายวั่นเป็นคนดีนา ตอนนั้นพวกข้าถูกหมู่บ้านซิ่งฮวารังแก คุณชายวั่นออกหน้าเกลี้ยกล่อมนายอำเภอเชียวนะ!”
“คุณชายวั่นช่วยชีวิตแม่นางอวี๋ด้วย!”
“คุณชายวั่นเป็นบัณฑิต เขาเรียนดี จะเป็นว่าที่จ้วงหยวนของหมู่บ้านเรา!”
คนดี? ผู้มีพระคุณ? ว่าที่จ้วงหยวน?
นี่พูดถึงลูกชายของนางจริงๆ หรือ…
ชาวบ้านไม่รู้ถึงฐานะและอาการป่วยที่แท้จริงของเยี่ยนจิ่วเฉา ทว่าคนสกุลอวี๋กลับรู้เรื่องราวมาบ้าง
“อาหวั่น!” ลุงใหญ่เดินถือไม้เท้ามาที่บ้านอวี๋หวั่น
ขาของเขาเดินได้สะดวกกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ต้องใช้ไม้เท้าก็เดินช้าๆ ได้เกือบครึ่งหลี่ เพียงแต่ว่าเขารีบร้อนมาหาอวี๋หวั่น จึงยังคงถือไม้เท้ามา
อวี๋หวั่นเพิ่งตรวจแบบฝึกหัดให้เถี่ยตั้นน้อยเสร็จ
เธอมีเรื่องที่ต้องรีบจัดการ แต่เรื่องที่ควรทำก็ไม่ตกหล่นเลยสักเรื่อง ลุงใหญ่ไม่รู้ว่าเธอทำได้อย่างไร แม่นางคนอื่น หากเผชิญกับเรื่องประเภทนี้ ก็คงจะร่ำไห้จนลุกไม่ไหว แต่อาหวั่นไม่ได้ร้องไห้ อาหวั่นของเขาแข็งแกร่งเหลือเกิน
“ท่านลุงใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร? มีเรื่องอะไรเรียกข้าไปก็ได้ ขาท่านเพิ่งจะดีขึ้น ไม่ควรเดินไกลมาก” อวี๋หวั่นพยุงลุงใหญ่ไปนั่ง
ลุงใหญ่กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “ข้ามาดูเข้า หากเจ้าเศร้าใจ…”
“ข้าไม่ได้เศร้าใจ” อวี๋หวั่นพูดตัดบท
ลุงใหญ่ชะงักไป
อวี๋หวั่นพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ข้าจะรักษาเขาให้หาย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องเศร้าใจ”
“แต่ว่า…” นี่ไม่ใช่โรคทั่วไป หากแต่เป็นคำสาปที่ไม่อาจถอนได้
อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสบายอารมณ์ว่า “ข้าจะรักษาเขาให้หาย เหมือนที่ข้ารักษาท่านในตอนนั้น”
ลุงใหญ่หมดคำจะพูด
เขาอยากโต้แย้ง แต่กลับพบว่าตนพูดอะไรไม่ออก
แรกเริ่มเดิมทีเด็กคนนี้คุยเสียใหญ่โตว่าจะรักษาขาของเขาให้หาย ทุกคนต่างคิดว่านางบ้า สุดท้ายแล้วนางก็ทำได้ สำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องใดๆ ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ นางกลับไม่เคยยอมแพ้
นางสามารถรักษาขาของเขาได้ ก็…ก็ต้องรักษาเยี่ยนจิ่วเฉาได้กระมัง?
แต่ว่า…แต่ว่าหมอที่นางเชิญมาได้ สกุลเซียวและจวนคุณชายก็เชิญมาได้เหมือนกันนี่ มิหนำซ้ำยังเชิญมาได้มากกว่าด้วย แม้แต่พวกเขายังอับจนหนทาง อาหวั่นจะทำได้หรือ?
“ครั้งนี้ ข้าจะรักษาเอง” อวี๋หวั่นบอก
อวี๋หวั่นท่องจำตำราแพทย์ที่ท่านปู่เป้าทิ้งไว้ให้ได้ขึ้นใจ เธอหาตำราแพทย์เล่มอื่นๆ มาอ่านด้วย ตำราที่ซื้อมาจากในตำบล ไม่มีส่วนใดที่ใช้ประยุกต์ได้ เธอจึงเข้าเมืองหลวงไป
“ตำราแพทย์หรือ บ้านข้าก็มี” ไป๋ถังเอ่ยขึ้น
ตระกูลเก่าแก่มักเก็บสะสมหนังสือ ไป๋ถังขนตำราไปให้อวี๋หวั่นจนหมดทั้งชั้น อวี๋หวั่นหอบหิ้วกลับมา ด้วยกลัวว่าตำราเหล่านี้จะไม่เพียงพอ เธอจึงไปที่ร้านหนังสือในเมืองหลวง แล้วซื้อตำราแพทย์ที่สามารถซื้อได้กลับมาทั้งหมด
ตำราแพทย์จากจวนคุณชายและจวนสกุลเซียวต่างถูกส่งไปยังบ้านของอวี๋หวั่น
ซั่งกวนเยี่ยนกลับไม่รู้สึกว่าอวี๋หวั่นสามารถช่วยอะไรได้ แต่เมื่อเห็นอวี๋หวั่นมีใจอยากช่วยบุตรชายถึงเพียงนี้ นางก็จะไม่ขัด
“อาหวั่น!”
อวี๋เฟิงกระวีกระวาดเข้ามาในห้องของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นวางตำราในมือ เงยหน้าขึ้นแล้วหันไป “พี่ใหญ่?”
อวี๋เฟิงรีบร้อนเข้ามา บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เขามิได้ใส่ใจจะเช็ดเหงื่อ แต่กลับแกะห่อผ้าที่หอบมาด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดกับอวี๋หวั่นว่า “เจ้าดู ตำราแพทย์”
เป็นตำราแพทย์ที่แตกต่างจากที่ซื้อมาจากร้านหนังสือหรือที่สะสมในบ้านสกุลต่างๆ ตำราแพทย์เล่มนี้มองดูเก่าคร่ำครึ กระดาษเป็นสีเหลืองซีด
“ได้มาจากไหนหรือ?” อวี๋หวั่นรับตำราแพทย์เล่มนี้มา
“เมื่อครู่ข้าไปรับหน่อไม้ที่หมู่บ้านข้างๆ แล้วเจอกับตาชุยเฒ่า เขาได้ยินมาว่าบ้านเรารับซื้อตำราแพทย์
เขามีอยู่เล่มหนึ่งพอดี เลยถามข้าว่าจะเอาไหม ข้ารับมา ข้าไม่ค่อยรู้หนังสือ ไม่รู้ว่าซื้อมาผิดหรือไม่ จ่ายไปหนึ่งตำลึง ถ้าเขากล้าหลอกข้า ข้าจะไปอัดหน้าเขา!”
ดูจากนิสัยตระหนี่ถี่เหนียวอย่างพี่ใหญ่ ถึงกับยอมจ่ายเงินหนึ่งตำลึงเพื่อแลกกับตำราแพทย์หนึ่งเล่ม เขากลายเป็นพ่อไก่ขนเหล็กที่ยอมดึงขนตัวเองแล้วนี่
อวี๋หวั่นมองเขาด้วยสายตาซาบซึ้ง “ขอบคุณพี่ใหญ่สำหรับตำราเล่มนี้”
“ไม่ได้ซื้อมาผิดก็ดีแล้ว! เจ้าดูหนังสือไปก่อน ข้าจะไปทำงาน” พูดจบ อวี๋เฟิงก็ทิ้งผลไม้เอาไว้ถุงหนึ่ง แล้วหันหลังเดินออกไป
อวี๋หวั่นมองผลไม้ แล้วก็ยิ้มออกมา พลางพลิกตำราแพทย์ในมือ
นอกหมู่บ้านเหลียนฮวา มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่
ชุยเฒ่ายืนอยู่นอกรถ แล้วพูดอย่างอ่อนน้อมว่า “…เรียนองค์ชาย ตำราเล่มนั้นกระหม่อมขายให้คนสกุลอวี๋ไปแล้ว หากพระสนมรู้เข้าละก็…”
เยี่ยนไหวจิ่งตอบว่า “ข้าจะไม่ให้นางรู้ ถ้านางรู้ข้าก็จะออกรับแทนเจ้าเอง”
“องค์ชายกล่าวเช่นนี้ กระหม่อมก็วางใจ เพียงแต่ว่า…” ชุยเฒ่าชะงัก แล้วพูดด้วยอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “องค์ชายมิใช่ไม่ลงรอยกับเยี่ยนจิ่วเฉาหรอกหรือ? เหตุใดให้ยังให้กระหม่อมนำตำราไปให้แม่นางอวี๋เล่า? ถ้าเกิด…นางรักษาเยี่ยนจิ่วเฉาให้หายได้ละพ่ะย่ะค่ะ?”
ชุยเฒ่าไม่เคยตรวจรักษาอาการของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาไม่อาจตัดสินได้ว่าตำราแพทย์เล่มนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเยี่ยนจิ่วเฉาหรือไม่ แต่จากท่าทางของเยี่ยนไหวจิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ปรารถนาให้เยี่ยนจิ่วเฉาตาย
ชุยเฒ่าเอ่ยขึ้นว่า “ขออภัยที่ต้องกล่าวตามตรง แต่นี่เป็นโอกาสทองที่องค์ชายจะได้กำจัดเยี่ยนจิ่วเฉา”
เยี่ยนไหวจิ่งกล่าวเสียงแข็งว่า “ข้าอยากกำจัดเขา ข้ามีวิธี แต่ข้าอยากชนะอย่างเปิดเผย ข้าต้องการให้เขายอมรับความพ่ายแพ้ด้วยใจจริง! เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ คอยดูว่าข้าจะทำให้เขาพ่ายแพ้ได้อย่างไร!”
ตะวันลับขอบฟ้าไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว อวี๋หวั่นง่วนกับการอ่านตำราจนลืมกินข้าว
“อะแฮ่ม!” อวี๋เซ่าชิงยืนกระแอมอยู่หน้าประตู
อวี๋หวั่นลูบคอซึ่งปวดเมื่อย “ท่านพ่อหรือ?”
“เจ้าบอกเองว่าบ้านเราไม่ได้ขาดแคลนเงินค่าน้ำมันตะเกียงไม่ใช่หรือ?” อวี๋เซ่าชิงวางชามใบใหญ่ไว้บนโต๊ะ แล้วจุดตะเกียงเพิ่มอีกสองดวง แล้วปรับไส้ตะเกียงให้สว่างที่สุด “กินอะไรก่อน”
“อื้ม” อวี๋หวั่นพยักหน้า เธอหิวพอดีเลย
“เกี๊ยวนี่นา!” อวี๋หวั่นพูดด้วยความตื่นเต้น
เธอไม่ชอบอาหารจำพวกแป้ง แต่เธอชอบกินเกี๊ยวมาก เกี๊ยวที่ท่านพ่อทำนั้นเปลือกบางเฉียบ รสชาติอร่อยเลิศ อวี๋หวั่นกินเข้าไปคำเดียวสามชิ้น “โอ๊ย ร้อน!”
“ไม่มีใครแย่งเจ้ากินหรอก!” อวี๋เซ่าชิงกล่าว
อวี๋หวั่นมองไปยังเกี๊ยวอีกชามหนึ่ง “ท่านพ่อก็กินด้วยกันสิ”
“ข้ากินแล้ว” อวี๋เซ่าชิงตอบ
อวี๋หวั่นกะพริบตาอย่างฉงนใจ “แล้วชามนี้ให้ใครหรือท่านพ่อ?”
อวี๋เซ่าชิงมีสีหน้าขึงขัง “ให้…ให้เจ้าไง ถ้าเจ้ากินไม่หมด…ก็เอาไปให้เด็กคนนั้นกิน”
อวี๋หวั่นยิ้มร่า
เยี่ยนจิ่วเฉาท่านดูสิ ท่านพ่อข้าทำเกี๊ยวให้ท่านด้วย
ในวันที่เจ็ดหลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉาหมดสติไป สกุลเซียวก็ได้รับข่าวว่าคุณชายห้ากลับเมืองหลวงมาแล้ว เขาตามหาปรมาจารย์วิชาพิษพบแล้ว!
…………………………………….