หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 88.2 รักของพ่อดั่งขุนเขา (2)
เขาเป็นความภาคภูมิใจของทัพใหญ่ซีเป่ย และเป็นความภาคภูมิใจของเซียวเจิ้นถิง
คนเราหนีความตายไม่พ้น หากให้เขาเลือก เขาก็ปรารถนาที่จะตายในสนามรบเช่นกัน
เซียวเจิ้นถิงมองไปยังฮูหยินเซียวอย่างเย็นชา “ใครก็ได้มาพยุงฮูหยินใหญ่ไปนอน ฮูหยินใหญ่นางเหนื่อยแล้ว”
ทันใดนั้นก็มีสาวใช้สองคนเข้ามา แล้วบอกกับฮูหยินเซียวว่า “ฮูหยิน เชิญเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเซียวโมโหสุดขีด เซียวต้าหลางสามีของนางก็เป็นบุตรชายคนโตของนายท่านสกุลเซียว น่าเสียดายที่เซียวต้าหลางไม่เอาไหน ไม่เรียนหนังสือ ไม่รู้วิทยายุทธ์ ไม่อาจค้ำจุนสกุลเซียว ทั้งยังก่อเรื่องให้สกุลเซียวอยู่ร่ำไป ถูกนายท่านสกุลเซียวไล่ออกจากบ้านอยู่หลายครั้ง และเป็นเซียวเจิ้นถิงที่ไปขอร้องให้พี่ใหญ่ นายท่านเซียวจึงบรรเทาความโมโหลง
เดิมทีฮูหยินเซียวก็เข้ากับเซียวเจิ้นถิงได้ดี อย่างไรเสียเซียวเจิ้นถิงก็ไม่มีบุตร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องตกเป็นของบุตรชายของนาง เช่นนั้นก็หมายความว่าต้องเป็นของนางด้วย ทว่าหลังจากเซียวเหยี่ยนจากไป นางก็แตกหักกับเซียวเจิ้นถิง
ฮูหยินเซียวยังมีเรื่องที่จะพูด แต่ถูกสาวใช้พาตัวไปเสียก่อน
เซียวเจิ้นถิงเดินกลับห้องไปด้วยสีหน้าขึงขัง
พ่อบ้านพานักบัญชีของจวนมา พวกเขาใช้เวลาทั้งวันในการคำนวณเงินของร้านรวงภายใต้ชื่อสกุลเซียวหนึ่งรอบ ตกเย็นจึงกลับไปรายงานต่อเซียวเจิ้นถิงว่า “นายท่าน รวมกับส่วนที่นำไปจำนำได้แล้ว ทั้งหมดก็สองหมื่นตำลึงทองขอรับ”
ไม่พอ ยังขาดอีกมาก
เซียวเจิ้นถิงนิ่งเงียบ
พ่อบ้านกล่าวว่า “ปรมาจารย์ผู้นั้นเรียกเงินมากเกินไปแล้ว มีที่ไหนขอรับ อ้าปากมาก็บอกว่าหนึ่งแสนตำลึงทองแล้ว? ไม่สู้นายท่านไป…ต่อรอง…กับเขาอีกครั้งดีไหมขอรับ?”
พ่อบ้านกัดฟันพูดคำว่า ‘ต่อรอง’
เซียวเจิ้นถิงเข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร จึงพยักหน้าบอกปัดคำแนะนำของเขา
พ่อบ้านถอนหายใจ นายท่านดีไปเสียทุกอย่าง เพียงแต่หัวรั้นไปสักหน่อย เรื่องนี้หากให้ข้าน้อยทำละก็ รักษาไม่ได้รึ? เหอะๆๆ ก็ลองเครื่องทรมานสักหน่อยเป็นไร?
แน่นอนว่าพ่อบ้านก็เพียงแต่โมโห จึงคิดเช่นนี้ หากอยู่ในสถานการณ์จริง เขาไม่กล้านำชีวิตของเยี่ยนจิ่วเฉามาเดิมพันหรอก ยาของปรมาจารย์วิชาพิษสามารถรักษาคนได้ แต่ก็สังหารคนได้เช่นกัน ไม่อาจล่วงเกินเขาได้ง่ายๆ
“เจ้าออกไปก่อน ข้าจะคิดหาวิธี”
“เช่นนั้น…ข้าจะไปดูว่าในจวนมีสิ่งใดที่นำไปจำนำได้อีกนะขอรับ”
เซียวเจิ้นถิงชะงักไป แล้วพยักหน้า “ได้”
พ่อบ้านเดินออกไปพลางถอนหายใจ
เซียวเจิ้นถิงเดินมายังคลังอาวุธของตน เขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อน เขาประพันธ์กลอนไม่เป็น เขาสร้างห้องหนังสือขึ้นมาเพียงเพื่อให้เข้ากับรสนิยมของซั่งกวนเยี่ยน กระนั้นห้องที่เขาได้ใช้จริงๆ ก็คือคลังอาวุธเย็นยะเยือกแห่งนี้
เขาเปิดประตูเข้าไป ความเย็นพวยพุ่งปะทะใบหน้า และทำให้เซียวเจิ้นถิงรู้สึกจิตใจสงบ
เซียวเจิ้นถิงหยิบชุดเกราะสีเงินขึ้นมา ชุดเกราะนี้ตีขึ้นมาจากเหล็กนิล หนักกว่าชุดเกราะทั่วไปเท่าตัว เขาสวมชุดนี้ทุกครั้งที่ออกรบ เซียวเหยี่ยนชอบมันมาก ไม่มีอะไรทำก็ชอบมาจับชุดเกราะนี้
นี่เป็นชุดเกราะของเทพสงคราม
เซียวเหยี่ยนไม่ได้เอ่ยปาก ทว่าในใจร่ำร้องอยากได้เหลือเกิน
เดิมทีเซียวเจิ้นถิงคิดจะรอให้เซียวเหยี่ยนกลับมา แล้วยกชุดเกราะนี้ให้เขา
เซียวเจิ้นถิงยกมือขึ้นมา ลูบชุดเกราะที่เคียงข้างเขาในสนามรบมาครึ่งชีวิต เขาค่อยๆ หลับตาลง
……
ช่วงบ่ายของวันที่สอง เซียวเจิ้นถิงนำตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงทองไปยังหมู่บ้านเหลียนฮวา
เดิมทีปรมาจารย์วิชาพิษอยากจะนำตัวเยี่ยนจิ่วเฉากลับไปรักษาที่จวนสกุลเซียว แต่ช่วยไม่ได้ที่อาหารในจวนไม่อร่อย ห่างไกลกับฝีมือของลุงใหญ่ ปรมาจารย์กินเนื้อพะโล้และเต้าหู้เหม็นเข้าไปหนึ่งคำ ก็ตัดสินใจอยู่ต่อทันที
ลูกศิษย์ทั้งสองของเขาก็พำนักอยู่ในบ้านใหม่ของสกุลติงเช่นกัน ชาวบ้านรู้เพียงว่าพวกเขาเป็นหมอในยุทธภพที่เชิญมารักษาคุณชายวั่น
ปรมาจารย์วิชาพิษวันๆ เอาแต่กินๆๆ กินเต้าหู้เหม็นเสร็จก็กินเนื้อพะโล้ กินเนื้อพะโล้เสร็จก็กินบะหมี่หลัวซือ อะไรที่เผ็ดก็กินอันนั้น ลุงใหญ่เองก็ไม่มีอะไรทำ จึงทำอาหารให้เขากินได้ทั้งวัน
เขาไม่ออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่อาจขังลูกศิษย์ทั้งสองเอาไว้ได้ โดยเฉพาะศิษย์หญิง ได้ยินว่านางเป็นผู้ฝึกวิชาพิษที่เก่งกาจ นางชอบเดินขึ้นเขาเป็นที่สุด หลายครั้งที่อวี๋หวั่นไปขุดหน่อไม้ก็เคยพบกับนาง นางกำลังขุดหาแมลงและสมุนไพรป่า
บ่ายวันนี้นางกลับไม่ได้ไปขุดหาแมลง หากแต่ถือถังไปตักน้ำที่บ่อน้ำเก่าหน้าหมู่บ้าน
ศิษย์หญิงหน้าตางดงาม เพียงแต่นางมักจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่เสมอ นางออกห่างจากผู้คน ชาวบ้านไม่ค่อยเห็นนางพูด เมื่อนางเดินมาถึงบ่อน้ำหน้าหมู่บ้าน ป้าจางก็กำลังตักน้ำอยู่พอดี เมื่อเห็นนางถือถังเอาไว้ในมือ จึงเอ่ยขึ้นด้วยความมีน้ำใจว่า “ข้าทำให้!”
ป้าจางพูดพลางเอื้อมมือไปคว้าถังไม้ของนาง นางกลับปัดมือของป้าจางออกอย่างเย็นชา
ป้าจางยืนตะลึงงัน
ป้าไป๋ซึ่งกำลังซักผ้าอยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคืองว่า “นี่ แม่นาง คนเขามีน้ำใจจะช่วยตักน้ำให้ เจ้าไม่ยินดี ก็ไม่จำเป็นต้องไปตีคนเขาอย่างนั้น!”
ใช่ไหมเล่า? ด้านหลังมือของป้าจางมีรอยแดงปรากฏ
ป้าจางยิ้ม แล้วไกล่เกลี่ยว่า “ไม่เป็นไรๆ นางอาจจะตกใจ”
“ท่าทางของนางดูเหมือนตกใจหรืออย่างไรกัน?” ป้าไป๋พึมพำ
ป้าจางส่งสายตาให้ป้าไป๋ แล้วกระซิบว่า “นางเป็นหมอที่มารักษาคุณชายวั่น อย่าล่วงเกินนางจะดีกว่า”
ป้าไป๋ทำเสียงฟึดฟัด แล้วช่วยป้าจางดึงถังน้ำขึ้นมา และเดินกลับบ้านพร้อมกับป้าจาง
หลังจากที่ทั้งสองเดินสวนกับศิษย์หญิง แววตาของนางพลันเย็นเยียบขึ้นมา นางขยับมือเล็กน้อย ก็มีหนอนพิษปรากฏขึ้นบนปลายนิ้ว
“เจ้าจะทำอะไร?” มือหนึ่งยื่นมาคว้าข้อมือนางผ่านแขนเสื้อ
นางหันหน้ามา แล้วมองไปยังอวี๋หวั่นด้วยสายตาเย็นเยียบ
อวี๋หวั่นมองไปยังสัตว์ตัวเล็กซึ่งถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางของนาง เธอเลิกคิ้ว “หนอนพิษนี่? เจ้าขุดหนอนเยอะๆ ทุกวันก็เพื่อนำมาฝึกหรือ?”
ศิษย์หญิงมองอวี๋หวั่น บอกเป็นนัยว่าให้เธอปล่อยมือ
อวี๋หวั่นหัวเราะแห้ง “พวกนางเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต่อให้พวกนางรบกวนเจ้า เจ้าก็คงไม่ต้องใช้หนอนพิษกับพวกนางหรอกกระมัง?”
ศิษย์หญิงอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง อวี๋หวั่นเดาว่านางบอกให้ตนปล่อยมือ เธอจึงพูดว่า “ให้ข้าปล่อยมือก็ย่อมได้ แต่เจ้าต้องไม่ปล่อยหนอนพิษใส่ใครเล่นๆ อีก”
ถ้านางยังปล่อยหนอนพิษอีก ก็ออกจะใจแคบไปสักหน่อย หากนางปล่อยหนอนพิษใส่ศัตรู อวี๋หวั่นก็จะไม่ว่าอะไร แต่ป้าจางกับป้าไป๋เป็นชาวบ้านธรรมดา วิธีนี้ออกจะเกินไปสักหน่อย
อวี๋หวั่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้ว่าเจ้าฟังภาษาจงหยวนออก ข้าจะบอกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามปล่อยหนอนพิษใส่ชาวบ้าน!”
ศิษย์หญิงถลึงตาใส่อวี๋หวั่นด้วความโกรธ นางคิดจะสะบัดมือออก แต่กลับพบว่าสะบัดอย่างไรก็สะบัดไม่ออก สตรีชาวบ้านคนนี้ แข็งแกร่งปานเหล็กกล้า!
อวี๋หวั่นจ้องหน้านาง “เข้าใจหรือไม่? เข้าใจก็พยักหน้า!”
นางพยักหน้าด้วยความโกรธ
อวี๋หวั่นปล่อยมือ แล้วตักน้ำจนเต็มถัง จากนั้นก็หาบกลับบ้านไป
ย่างเข้ายามสนธยา เซียวเจิ้นถิงก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน
ไม่รู้ว่าปรมาจารย์วิชาพิษกินเต้าหู้เหม็นไปกี่จานแล้ว เขาเงยหน้ามันแผล็บขึ้นมา “เหตุใดกลับมาเร็วถึงเพียงนี้? รวมรวมทองมาครบแล้วรึ?”
เซียวเจิ้นถิงวางกล่องเงินไว้บนโต๊ะ
ปรมาจารย์วางส้อมลง เปิดกล่องดู แล้วนับตัวเลขอย่างละเอียด เป็นตั๋วแลกเงินห้าหมื่นตำลึงทอง ไม่ขาดไม่เกิน
“อืม” เขาเลิกคิ้ว แล้วรับกล่องเงินมา
เซียวเจิ้นถิงถามว่า “ตอนนี้ท่านก็รักษาลูกข้าได้แล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่รีบร้อนๆ” ปรมาจารย์ลูบคาง พลางกล่าวอย่างสบายอารมณ์
เซียวเจิ้นถิงและซั่งกวนเยี่ยนคิ้วขมวดเป็นปม แล้วเอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า “มีอะไรอีก?”
ปรมาจารย์วิชาพิษกล่าวพลางถอนหายใจว่า “หนอนพิษของลูกศิษย์ข้า เดิมทีเอาไว้รักษาลูกของพวกเจ้า แต่ตอนนี้มันใกล้ตายแล้ว”
ความหมายก็คือ ลูกเจ้าหมดหนทางรักษาแล้ว
ในตอนนั้นเอง อวี๋หวั่นถือชามเกี๊ยวไส้ผักกาดขาวที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามา
เมื่อเธอเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกเหมือนมีสายตาไม่เป็นมิตรมองมา เธอจึงเงยหน้าไปมองและพบว่าศิษย์หญิงมองมายังเธอ
สีหน้าแบบนี้ หาเรื่องกันนี่นา…
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี” ปรมาจารย์ชี้ไปยังศิษย์หญิง “หนอนพิษของลูกศิษย์ข้า ต้องดื่มเลือดที่มีพลังหยินเข้มข้น ถึงจะฟื้นคืนชีพได้”
เลือดที่มีพลังหยินเข้มข้น? เช่นนั้นก็ต้องเป็นเลือดสตรี? ซั่งกวนเยี่ยนดึงแขนเสื้อขึ้น “ใช้เลือดข้าได้หรือไม่?”
ปรมาจารย์ส่ายหน้า แล้วมองไปยังอวี๋หวั่นที่อยู่ด้านหลังของทั้งสอง “ต้องเป็นเลือดนางถึงจะใช้ได้”
………………………………..