หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 89 นางเจียงที่ป่วยกระเสาะกระแสะ
ตนเพิ่งจะข่มขู่ลูกศิษย์ของเขาไปหมาดๆ จากนั้นหนอนของลูกศิษย์เขาก็ป่วย บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร? เธอสงสัยว่าลูกศิษย์ตัวร้ายคงจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องเขา ปรมาจารย์จึงจะต้องใช้เลือดของเธอมาแก้แค้นให้ลูกศิษย์สุดที่รัก
อวี๋หวั่นมองไปยังปรมาจารย์วิชาพิษผู้นี้ด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “ต้องการเท่าไหร่?”
“ไม่มาก หนึ่งชาม” ปรมาจารย์วิชาพิษหยิบชามใบใหญ่โตประหนึ่งมหาสมุทรออกมา
อวี๋หวั่น “…”
ในห้อง ซั่งกวนเยี่ยนจิตใจว้าวุ่น ปรมาจารย์กล่าวประโยคนั้นทิ้งท้ายแล้วก็เดินเข้าครัวไป ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจว่าจะใช้เลือดอวี๋หวั่นเพื่อช่วยเยี่ยนจิ่วเฉาหรือไม่
นางเป็นแม่ของเยี่ยนจิ่วเฉา แน่น่อนว่านางไม่ต้องการให้ผู้ใดมาแลกชีวิตเพื่อลูกชาย หากเป็นเลือดของนางเองละก็ อย่าว่าแต่ชามเดียวเลย ต่อให้กรีดออกไปจนหมด นางก็จะไม่ลังเล
แต่นางไม่อาจวิงวอนให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อบุตรชายของนางได้ดังที่นางทำ
เซียวเจิ้นถิงเดินมา
ซั่งกวนเยี่ยนจึงกระซิบว่า “แม่นางอวี๋ไม่พอใจหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงตอบว่า “นางไม่ได้พูดอย่างนั้น”
แววตาของซั่งกวนเยี่ยนเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้น…”
“พวกเราทำอย่างนี้ไม่ได้” เซียวเจิ้นถิงพูดตัดบท
เซียวเจิ้นถิงไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับบัณฑิตที่รู้จักพูดจาหว่านล้อม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดขัดซั่งกวนเยี่ยนขึ้นมา
ซั่งกวนเยี่ยนมองเขาด้วยความฉงนใจ “ทำไมหรือ?”
เซียวเจิ้นถิงจับมือที่กร้านขึ้นเล็กน้อยจากการทำงานหนัก แล้วตอบด้วยความจริงใจว่า “เพราะฉงเอ๋อร์คงไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้”
ไม่มีบุรุษใดปรารถนาที่จะเห็นสตรีในดวงใจต้องหลั่งเลือด นี่ไม่ใช่เรื่องที่บุรุษพึงกระทำ อีกอย่าง ฉงเอ๋อร์เป็นลูกของพวกเขา แม่นางอวี๋ก็มีพ่อแม่ หากสลับให้ฉงเอ๋อร์ต้องเสียเลือดมากถึงเพียงนี้เพื่อช่วยชีวิตแม่นางอวี๋ ในฐานะที่พวกเขาเป็นพ่อแม่ พวกเขาจะยินดีหรือ?
“ท่านอยากเห็นฉงเอ๋อร์ตายหรืออย่างไร?” ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวพลางสะอึกสะอื้น “ข้ารู้ว่าข้าเห็นแก่ตัว! จะให้ข้าชดใช้ก็ได้ ข้าเพียงแต่อยากจะช่วยลูกข้า…”
เซียวเจิ้นถิงกล่าวว่า “เจ้าไม่ผิด อย่าพูดถึงตนเองเช่นนั้นเลย”
หากไม่เคยสัมผัสกับความสิ้นหวังที่ซั่งกวนเยี่ยนเผชิญอยู่ ไหนเลยจะรู้ว่าจิตใจของนางตอนนี้เป็นอย่างไร? เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ หลายปีมานี้เยี่ยนจิ่วเฉาทุกข์ทรมานมากเพียงใด หัวใจนางก็ปวดร้าวมากเท่านั้น นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ แต่นางก็มีวิธีปกป้องลูกของนางเอง
เพื่อยาถอนคำสาปของเยี่ยนจิ่วเฉา นางจึงแต่งเข้าสกุลเซียว นางเคยครองบุรุษผู้เป็นเลิศอย่างเยี่ยนอ๋อง จะให้นางมาให้ค่าคนหยาบอย่างเขาได้อย่างไรเล่า?
หลายปีมานี้นางแบกรับคำก่นด่าไม่รู้เท่าไร แต่นางก็มิได้พยายามลบล้างมลทิน นางบอกว่านางยอมให้ลูกเกลียดนาง แต่ไม่อยากให้ลูกต้องอับอายเพราะนาง และเมื่อนางลาลับโลกนี้ไป ลูกก็จะไม่ต้องทรมานเพราะสูญเสียครอบครัวอีก
เซียวเจิ้นถิงบอกว่า “ข้าจะไปต่อรองกับเขาดูว่ามีวิธีอื่นหรือไม่”
“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว! ต้องใช้เลือด หรือไม่ก็ปล่อยให้ลูกพวกเจ้าตาย!” ปรมาจารย์วิชาพิษซึ่งกำลังแทะน่องไก่ตะโกนมาจากห้องครัว
เซียวเจิ้นถิงออกไปด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
“ชิ!” ปรมาจารย์แค่นเสียงอย่างไม่ชอบใจ เขากัดน่องไก่น่องสุดท้าย โยนกระดูกทิ้ง เปิดตู้กับข้าว แล้วหยิบอัวอัวโถวแป้งข้าวโพดและเต้าหู้ยี้ซึ่งหมักจนกลิ่นเหม็นตลบออกมากินอย่างเอร็ดอร่อย
ทันใดนั้นเอง ก็มีเท้าซึ่งสวมรองเท้าปักดิ้นคู่หนึ่งค่อยๆ ก้าวเข้ามา
ปรมาจารย์ก้มหน้าก้มตากิน ไม่คิดจะเงยหน้าแม้แต่น้อย “หากถามข้าอีกครั้งข้าก็จะพูดแบบเดิม! ต้องใช้เลือดของเด็กนั่น!”
“เจ้าต้องการเลือดของใครนะ?”
เสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างใบหูของเขา ปรมาจารย์รู้สึกสั่นสะท้าน เสียงช่างไพเราะเหลือเดิน แต่ไฉนฟังแล้วจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้เล่า?
เขายังไม่ทันได้หันหลังไปมอง มือเรียวข้างหนึ่งคว้าเข้าที่ลำคอของเขา
ลมหายใจของเขาพลันติดขัด ใบหน้าแดงก่ำ อัวอัวโถวในมือร่วงหล่นลงบนพื้น
“เจ้าพูดอีกครั้งซิ เจ้าจะใช้เลือดของใคร?”
ปรมาจารย์วิชาพิษยกมือขึ้นตีมือที่คว้าคอของเขา แต่กลับถูกยกขึ้นสูงกว่าเดิม หลังจากนั้นก็ถูกเหวี่ยงลงบนพื้นเย็นเฉียบเสียงดัง ‘ตึง’!
เขารู้สึกราวกับกระโหลกของตนแตกออกเป็นสองซีก
เจ้าของรองเท้าปักดิ้นยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่ยังหิ้วคอของเขาขึ้นมาอีก หิ้วขึ้นมาอย่างกับจับลูกแมว จากนั้นก็ตูม ตูม ตูมลงบนพื้นอีก เขาแทบจะถูกฟาดจนตายคาที่!
เขาอยากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าคอถูกบีบเอาไว้จนเปล่งเสียงไม่ออก
เขาตั้งใจจะใช้หนอนพิษ แต่ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นมา ทั้งขวดทั้งโหลเหล่านั้นก็ตกลงมา
ปรมาจารย์วิชาพิษสิ้นหวังเหลือเกิน คนผู้นี้คือใคร? เหตุใดต้องมาทำร้ายเขา?!
“ใช้เลือดใคร?” เจ้าของรองเท้าปักดิ้นถาม
สายตาของปรมาจารย์ขยับเล็กน้อย มองไปยังมือข้างนั้น
เจ้าจับข้าไว้เช่นนี้ เข้าพูดไม่ได้…
เจ้าของรองเท้าปักดิ้นคลายมือออก ปล่อยเขาตกลงบนพื้นก้นจ้ำเบ้า เขาหายใจหอบกอบเอาเอากาศเข้าปอด
“ตอบมาเร็ว ใช้เลือดใคร?”
“ใช้…ใช้เลือดเด็กนั่นอ๊ากก…อ๊ากกกกกก”
“ข้าให้พูดอีกรอบ ใช้เลือดใคร?”
“ใช้…ใช้เลือดแม่นางคนนั้นอ๊ากก…อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก”
เขาถูกทุบตีเสียจนเริ่มสงสัยในเหตุผลของการมีชีวิตอยู่
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง จะใช้หรือไม่ใช้เลือดของนาง?”
“มะ…ไม่ใช้แล้ว…ฮืออ…” ปรมาจารย์ถูกปล่อยลงบนพื้น จนร้องไห้ออกมาราวกับเด็ก “ข้าปล่อยนางแล้วไม่พอรึไง…ฮือออ…คนจงหยวนชอบรังแกผู้อื่นกระไรเช่นนี้…ตอนแรกพวกเจ้าให้ข้าช่วย…แล้วก็ไม่ให้ข้าช่วย…”
ปรมาจารย์วิชาพิษร้องไห้เสียงดัง ทั้งยังเตะขาไปมา เขาน้อยใจมากๆ เลย
เจ้าของรองเท้าปักดิ้นปัดมือเบาๆ ใบหน้าเยียบเย็นมองไปที่เขา “ถ้ากล้าแก้แค้นนางแทนลูกศิษย์เจ้าอีกละก็…”
“แก้แค้นแทนลูกศิษย์?” ปรมาจารย์ซึ่งกำลังร้องไห้โยเยก็เงียบลงทันที เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง “ข้าไปแก้แค้นแทนลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“ไม่ใช่เพราะนางไปล่วงเกินลูกศิษย์เจ้า เจ้าจึงต้องการเลือดใช้นางหรอกรึ?”
“หาา?”
เจ้าของรองเท้าปักดิ้น ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือนางเจียงที่ป่วยกระเสาะกระแสะ “…?”
เอ๋…เช่นนั้นนางก็จัดการผิดคนสินะ…
นางเจียงเดินคอตกกลับไป…
ปรมาจารย์วิชาพิษที่ถูกทำร้ายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว “…!”
เขาไม่ได้โกหก เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าหมู่บ้าน รวมไปถึงเรื่องกระทบกระทั่งระหว่างอวี๋หวั่นกับลูกศิษย์ ที่เขาต้องการเลือดของอวี๋หวั่น ก็เพราะเพื่อเสริมพลังให้หนอนพิษจริงๆ แต่ที่หนอนพิษไม่ค่อยเคลื่อนไหว เหตุใดเป็นเช่นนั้น เขาเองก็ไม่กระจ่าง เขาเลี้ยงหนอนพิษมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มากก่อน
หากถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าเลือดของอวี๋หวั่นเป็นเลือดที่มีพลังหยินเข้มข้น เรื่องนี้เป็นความสามารถของเขา ไม่อาจบอกให้คนนอกรู้ได้
แต่หากต้องใช้เลือดสตรีทั่วไปมากเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตของนาง ศิษย์หญิงรู้สึกพึงพอใจ เป็นเพราะนางมั่นใจว่าสกุลเซียวต้องไม่ปล่อยให้เยี่ยนจิ่วเฉาตาย นั่นก็หมายความว่าอวี๋หวั่นจะต้องตาย
ในห้องโถง เซียวเจิ้นถิง ซั่งกวนเยี่ยน และอวี๋หวั่นหันขวับไปมองปรมาจารย์วิชาพิษ ท่าทางของเขาดูสะบักสะบอม ไม่ต้องพูดถึงจมูกบวมตาช้ำ ฟันกรามของเขายังหลุดไปซี่หนึ่งด้วย ผมหนาๆ หลุดร่วงอยู่บนพื้นไปครึ่งหนึ่ง สภาพของเขาน่าเวทนา น่าเวทนาเหลือเกิน
“ผู้ใด ผู้ใดทำกัน?” ซั่งกวนเยี่ยนถามด้วยความตื่นตะลึง
ปรมาจารย์วิชาพิษ: ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน!
แต่ไฟมันมืดไงเล่า!
มองรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายไม่ชัด!
เห็นเพียงรองเท้าปักดิ้นคู่หนึ่ง บนรองเท้ามีไข่มุกประดับอยู่
หากมิใช่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยถึงเงินห้าหมื่นตำลึงทอง เขาคงจะสงสัยว่าเซียวเจิ้นถิงแอบ ‘แทงข้างหลัง’ อย่างแน่นอน
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว!” ปรมาจารย์กล่าวด้วยความโมโหโทโส “ตกลงว่าพวกเจ้าจะช่วยเขาหรือไม่?”
“ช่วย” อวี๋หวั่นยื่นมือออกมา แล้วดึงแขนเสื้อขึ้นมา “ลงมือเถอะ”
เซียวเจิ้นถิงชะงักไปชั่วขณะ “แม่นางอวี๋…”
อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นว่า “ไม่จำเป็น ข้าตัดสินใจแล้ว”
เซียวเจิ้นถิง “แต่ว่า…”
ปรมาจารย์กล่าวอย่างหมดความอดทนว่า “พวกเจ้าเลิกยืดยาดกันสักที! ช่วยคนเป็นเรื่องเร่งด่วน! ต้องใช้เลือดของนางมากเพียงนั้น นางก็อาจจะตาย แต่ถ้าไม่ใช้เลือดนาง คนบนเตียงนั่นต้องตายอย่างแน่นอน!”
ศิษย์หญิงส่งมีดให้เขา
อวี๋หวั่นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ช้าก่อน ข้าจะใช้มีดของตัวเอง”
ผู้หญิงคนนี้กำลังเคียดแค้น ใครจะไปรู้ว่านางจะเล่นลูกไม้อะไรขึ้นมา
ศิษย์หญิงมองไปยังอาจารย์ของตน เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้า ก็ดึงมีดกลับไปอย่างเย็นชา พร้อมกับถลึงตาใส่อวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจนาง แล้วดึงมีดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วมาจากอกเสื้อ
ซั่งกวนเยี่ยนทนไม่ได้จนต้องเบือนหน้าหนี
“ลงมือเถอะ” อวี๋หวั่นบอก
ปรมาจารย์สวมถุงมือเงิน หยิบมีดขึ้นมา แล้วบุ้ยใบ้ให้ลูกศิษย์นำหนอนพิษออกมา
ศิษย์หญิงไม่ได้สวมถุงมือ นางหยิบขวดหยกขึ้นมา ดึงจุกขวดออก แล้วเทหนอนพิษตัวเล็กสีดำตัวหนึ่งลงในชาม
“ข้าจะใช้เลือดจากปลายนิ้วของเจ้าก่อนหนึ่งหยด” ปรมาจารย์กล่าวพลางบีบปลายนิ้วของอวี๋หวั่น กรีดเบาๆ แล้วหยดเลือดลงในชาม
หนอนพิษกระหายเลือด เมื่อได้กลิ่นคาวของเลือดมันก็จะพุ่งเข้าไปอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ และจะเป็นเช่นนี้โดยเฉพาะกับเลือดที่มีพลังหยินรุนแรง กระนั้นเรื่องที่ทำให้ปรมาจารย์ประหลาดใจก็คือ หนอนตัวนั้นไม่ได้พุ่งเข้าไป แต่มันกลับถอยหลังกลับมา
“เอ๋?” ปรมาจารย์ไม่เข้าใจ จึงบีบเลือดของอวี๋หวั่นออกมาอีกหยด
ครั้งนี้หนอนพิษสะดุ้งโหยง มันตัวแข็งเกร็ง จากนั้นก็วิ่งหนีออกมาด้วยเท้าน้อยๆ ของมัน!
ปรมาจารย์วิชาพิษผู้ซึ่งกำลังตะลึงงันจนอ้าปากค้าง “…”
อวี๋หวั่น “…”
คนอื่นๆ “…”
……………………………..
Comments for chapter "บทที่ 89 นางเจียงที่ป่วยกระเสาะกระแสะ"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
chaitana
น้อนหนอนน้อยยย ถึงกะงอกขาเลยเรอะ