หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 2.2 ย่าหลานพานพบ (2)
จื่อซูรู้สึกขบขันกับท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่า นางรีบเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ของฮูหยินผู้เฒ่าออกมา แล้วช่วยฮูหยินผู้เฒ่าสวม จากนั้นก็ทำผมให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเรียบง่าย สวมผ้าคาดหน้าผาก และประคองฮูหยินผู้เฒ่าออกไปยังโถงกลางพร้อมกับฝูหลิง
เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นอยู่ในห้องโถงกลางแล้ว ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นพวกเขา ดวงตาของนางก็เป็นประกาย เดินเข้าไปอย่างผึ่งผายโดยไม่ต้องมีสาวใช้คอยประคอง!
“หลานคนดีของย่า!” นางยื่นมือออกมาด้วยความตื่นเต้น
ไม่ได้พบกันนาน อวี๋หวั่นก็ตื่นเต้นจนน้ำตารื้น เธออ้าแขนออก เดินเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่าาา”
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินผ่านเธอไปอย่างไร้เยื่อใย แล้วโผเข้ากอดเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งอยู่ด้านหลังของเธอ “หลานย่า!”
อวี๋หวั่นรู้สึกคล้ายกับได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแสนสาหัส
สองคนนี้ คนหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายเป็นหลานแท้ๆ ของตน อีกคนคิดว่าอีกฝ่ายเป็นย่าแท้ๆ ของตน อวี๋หวั่นไม่จำเป็น
ต้องอธิบายหรือไกล่เกลี่ยอีก เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งสองเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ก็คงไม่จำเป็นต้องเจรจาให้มากความ
ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชมหลานชายอยู่อีกพักใหญ่ จึงหันไปมองอวี๋หวั่นด้วยสายตารังเกียจ นางเบ้ปาก แล้วกล่าวว่า “พานางกลับมาอีกแล้วหรือ”
ไม่เจอกันนาน อัปลักษณ์กว่าเดิมเสียอีก…
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองอวี๋หวั่นด้วยความเห็นใจ แล้วพูดว่า “ท่านเปิดใจสักหน่อยสิขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบว่า “รู้แล้วๆ เป็นภรรยาของเจ้าไม่ใช่หรอกหรือ ย่าไม่รังแกนางหรอก!”
อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉา ราวกับรอดูละครสนุกๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักไป เขาไม่ได้พูดต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าว่า ‘นางเป็นลูกที่ข้ารับมาเลี้ยง’ แต่กลับบอกอวี๋หวั่นว่า “ยัง
ไม่รีบเรียกท่านย่าอีก?”
“โอ้” อวี๋หวั่นเดินเข้ามา เรียกท่านย่าด้วยเสียงอ่อนหวาน
ฮูหยินผู้เฒ่าเบ้ปากด้วยความรังเกียจ แต่กลับปลดกำไลทองราคาสูงให้เธอ แม้แต่ลูกสะใภ้อย่างนางถาน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังทำใจยกกำไลข้อมือวงนี้ให้ไม่ได้…
ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับกับอวี๋หวั่นว่า “เจ้าต้องดูแลหลานชายสุดที่รักของข้าให้ดี!”
อวี๋หวั่น: ข้าต่างหากที่เป็นหลานสาวสุดที่รักของท่าน!!!
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าไปหยุดที่ท้องกลมของอวี๋หวั่น “เอ๊ะ? มีลูกแล้วหรือ! ข้าจะได้อุ้มเหลนแล้วใช่ไหม?”
อวี๋หวั่นเหลือบมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วพูดเย้าหยอกว่า “ข้า…”
“อื้ม มีแล้วขอรับ” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
อวี๋หวั่นพยักหน้าตามน้ำไป
ไม่นาน เด็กน้อยทั้งสามซึ่งหลับจนเต็มอิ่มก็ตื่นขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่าเตือนอวี๋หวั่นให้ดูแลตัวเองต่ออีกสองสามประโยค ก็รีบไปเล่นกับเหลน
อวี๋หวั่นเหลือบมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา ราวกับกำลังถามว่า ‘ท่านพ่อนะท่านพ่อ เหตุใดข้ากลายเป็นภรรยาของท่านไปได้? ไม่ได้บอกเองหรือว่าไม่ได้เลี้ยงให้ข้าไปเป็นภรรยา? ทั้งยังบอกอีกว่าข้าไม่ได้ท้อง ข้าแค่อ้วน?’
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยมาก “ท่านย่าอายุมากแล้ว ไม่ควรมีเรื่องมากระทบจิตใจ ในเมื่อนางคิดว่าเจ้าเป็นหลานสะใภ้ เจ้าก็แสร้งทำเป็นหลานสะใภ้ของนางไป แสร้งทำเป็นท้องไปก่อนก็แล้วกัน”
“ต่อไปก็จะไม่มีใครแต่งงานกับข้า…”
“ข้าเลี้ยงเจ้าเอง”
อวี๋หวั่นหันหลังไป ยกมือขึ้นกดหัวใจของตนเอง เดิมทีคิดว่าจะแกล้งหยั่งเชิงเขา ไหนเลยจะรู้ว่ากลับถูกคำหวานของเขาโจมตีเสียเอง หัวใจเต้นระรัว เต้นแรงจนแทบหลุดขึ้นมาถึงคอ! เธอเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดในยามปกติ หมอนี่ถึงไม่ชอบพูดคำหวานหรือบอกรักเธอ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะตายอย่างไรละ…
……
ก่อนหน้านี้อวี๋หวั่นถูกทูตแห่งความมืดของเผ่าปีศาจจับไป เยี่ยนจิ่วเฉาบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าว่าอวี๋หวั่นออกไปข้างนอก ตนจะออกไปรับกลับมา ผ่านไปหลายวันยังไม่กลับมา เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าว่าสองสามีภรรยาพาเด็กทั้งสามไปเที่ยว ไม่กี่วันต่อมาอวี๋เซ่าชิงและนางเจียงหายไป เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็บอกนางว่าอวี๋เซ่าชิงได้รับภารกิจจากราชสำนัก จึงพานางเจียงไปด้วย
แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ได้วิตกกังวลมากนัก แต่นางก็คิดถึงพวกเขามาก โดยเฉพาะหลานชายสุดที่รักและเหลนทั้งสามของเขา นางคิดถึงพวกเขาจนแทบขาดใจ!
ฮูหยินผู้เฒ่ากอดต้าเป่า เอ้อร์เป่า และเสี่ยวเป่า “คิดถึงทวดไหม?”
“คิดถึงขอรับ!” เสี่ยวเป่าออดอ้อน
เอ้อร์เป่าแบมือออกมา พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คิดถึงมากๆ ขอรับ คิดถึงทุกวัน พวกข้าคิดถึงท่านทวดจนกินข้าวไม่ลง นอนก็ไม่หลับ…จนผอมเลยขอรับ!!!”
ฝูหลิงและจื่อซูหนังตากระตุก ตัวอ้วนกลมเสียขนาดนี้ จนใส่เสื้อผ้าเก่าไม่ลงแล้ว ยังกล้าบอกว่าผอมอีกหรือ?
“ไอ้หยา ให้ทวดดูหน่อยเร็ว! ผอมจริงๆ ด้วย! เหลนสุดที่รักของข้า…ผอมแห้งแรงน้อยเสียจริง!” ฮูหยินผู้เฒ่าลูบ
แก้มอวบอ้วนของเหลน นางรู้สึกปวดใจเหลือเกิน!
ฝูหลินและจื่อซูถึงกับพูดไม่ออก…
กลางดึก นางถานและเห้อเหลียนเป่ยหมิงซึ่งเดินทางไปเยี่ยมญาติที่บ้านเดิมของนางถานก็กลับมาถึงจวน เมื่อรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นกลับมา ทั้งสองก็รีบเดินไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความดีใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาถูกฮูหยินผู้เฒ่าเรียกไปหา ส่วนอวี๋หวั่นก็จัดยาสมุนไพรอยู่ในเรือน
ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาสีขาวสายหนึ่งพุ่งเข้าหาอวี๋หวั่น
“จิ้งจอกหิมะน้อย!” อวี๋หวั่นกอดเจ้าก้อนกลมในอ้อมอก หัวใจของเธอแทบหลอมละลาย เห้อเหลียนเป่ยหมิงรักเจ้าตัวเล็กนี้มาก พวกเขาทิ้งมันไว้ที่นี่ก่อนที่จะเดินทางออกไปจากหนานจ้าว ไม่เจอกันครึ่งปี เจ้าจิ้งจอกหิมะน้อยเติบโตขึ้น หว่างคิ้วของมันมีสัญลักษณ์คล้ายเปลวเพลิงสีแดง อวี๋หวั่นไม่รู้ว่านั่นเป็นสัญลักษณ์อะไร แต่เธอรู้สึกว่ามันดูสวยดี
จิ้งจอกหิมะน้อยไม่พบเธอมานาน มันน้ำตาคลอเบ้า อุ้งเท้าเล็กเกาะที่กระโปรงของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมลงไป
อวี๋หวั่นก็คิดถึงมันเหมือนกัน เธอกอดมันแน่น
ทันใดนั้นเอง ท้องของอวี๋หวั่นก็ขยับเล็กน้อย
เท้าเล็กข้างหนึ่งของมันบังเอิญเกาะอยู่ที่ท้องของอวี๋หวั่นพอดี เมื่อท้องของอวี๋หวั่นขยับ จิ้งจอกหิมะน้อยก็สะดุ้งโหยง ขนของมันพองขึ้นมา!
มันกระโดดขึ้นไปเกาะอยู่บนไหล่ของอวี๋หวั่น สายตาจับจ้องไปยังท้องของเธอด้วยความหวาดระแวง
อวี๋หวั่นหัวเราะอย่างขบขัน มือข้างหนึ่งลูบหัวมันเบาๆ ส่วนมืออีกข้างจับหน้าท้องของตนเองไว้ แล้วกระซิบบอกมันว่า “ข้ามีลูกน่ะ”
จิ้งจอกหิมะน้อยคล้ายจะเข้าใจ มันปีนลงมาจากไหล่ของอวี๋หวั่น ใช้ขาหน้าข้างหนึ่งแตะไปบนท้องของอวี๋หวั่นอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่มันแตะโดนหน้าท้องของอวี๋หวั่น เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็งอแงขึ้นมา มันตกใจ แล้วพุ่งเข้าไปหาเห้อเหลียนเป่ยหมิงในทันที
เห้อเหลียนเป่ยหมิงนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีนางถานเป็นคนเข็น
แม้ว่านางถานจะติดเครื่องประดับศีรษะ แต่พวกเขาก็มองออกว่าผมของนางยาวขึ้นมาแล้ว ใบหน้าของนางไร้วี่แววของความเศร้าโศกเฉกเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับแลดูสดใสกระฉับกระเฉง ส่วนเห้อเหลียนเป่ยหมิงซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นก็แลดูสดชื่นและมีชีวิตชีวาเช่นกัน
นอกจากนั้น อวี๋หวั่นยังมั่นใจว่าตนไม่ได้รู้สึกไปเอง ว่าร่างกายของเห้อเหลียนเป่ยหมิงนั้นแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน
“ท่านลุงใหญ่! ป้าสะใภ้ใหญ่!” อวี๋หวั่นเอ่ยทักทายอย่างมีความสุข
ทันทีที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงเห็นอวี๋หวั่น รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา “อาหวั่นกลับมาแล้ว เหตุใดไม่ส่งจดหมายมาก่อนเล่า? ข้ากับป้าสะใภ้เจ้าจะได้มารอ”
นางถานยิ้ม “นั่นสิ บ้านเดิมข้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่นำของขวัญเทศกาลสารทจีนไปส่งก็เท่านั้น หากรู้ล่วงหน้าว่าพวกเจ้าจะกลับมา ข้าค่อยไปวันอื่นก็ยังไม่สาย ใช่สิ จิ่วเฉากับเด็กๆ เล่า?”
อวี๋หวั่นตอบว่า “ฝูหลิงกับจื่อซูพาพวกต้าเป่าไปเก็บผลส้มเจ้าค่ะ เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่กับท่านย่า”
ทุกคนล้วนกลับมาถึงอย่างปลอดภัย นางถานจึงวางใจ เมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงพูดว่า “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าออกเดินทางกะทันหัน ไม่มีเรื่องอะไรกระมัง?”
อวี๋หวั่นเลือกพูดเพียงบางเรื่อง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่ไปตามหาตัวยา”
“หาเจอหรือไม่?” นางถานเอ่ยถาม
“หาเจอแล้วเจ้าค่ะ!” อวี๋หวั่นตอบ
นางถานจึงวางใจ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ใช่สิ ทำไมไม่เห็นพ่อกับแม่เจ้าเลย”
“พวกเขา…อยู่ระหว่างทาง มีเรื่องเกิดขึ้นทำให้ล่าช้า อีกไม่นานก็คงกลับมาแล้ว” ราชาพ่อมดบอกว่าพวกเขาไม่เป็นไร อวี๋หวั่นย่อมไม่มีทางกังวลไปก่อน เพียงแต่เธอรู้ถึงระดับพลังของราชาพ่อมด ทว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่อาจไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องพูดให้พวกเขาเป็นห่วง
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองอวี๋หวั่น “เล่าเรื่องการเดินทางของเจ้าให้ลุงใหญ่ฟังสักหน่อยสิ”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ได้เจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ตอนนี้ข้าขอจับชีพจรให้ท่านก่อนนะเจ้าคะ”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงยื่นมือออกมา
อวี๋หวั่นจับชีพจรให้เขา จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
นางถานสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หัวใจของนางก็หล่นวูบ “มีอะไรหรือ ลุงใหญ่เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ กลับกันเลยเจ้าค่ะ ร่างกายของท่านลุงใหญ่ดีขึ้นมาก! ท่านลุงใหญ่ ช่วงนี้ท่านรู้สึกว่าขาของท่านมีความรู้สึกมากขึ้นไหมเจ้าคะ?”
…………….