หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 3.2 ความรักของเทพเซียน (2)
“หนึ่งเดือน ใกล้แล้วสิ เจ้าคลอดเมื่อไหร่ข้าจะเชิญหมอตำแยที่ดีที่สุดในหนานจ้าวมาให้! ใช่สิ เจ้าพูดถึงตัวยา หาเจอแล้วหรือยัง?” ต่งเซียนเอ๋อร์เป็นห่วงอวี๋หวั่น จึงซักถามถึงเรื่องราวทั้งหมด
“หาเจอแล้ว” อวี๋หวั่นตอบ
“ตัวยาหายากถึงเพียงนั้น พวกเจ้าหาเจอจริงๆ ด้วย” ตัวยาสำหรับถอนพิษไป๋หลี่เซียงนั้นมิใช่ความลับในยุทธภพ คางคกหิมะและเห็ดหลินจือแดงนั้นหาไม่ยาก ทว่าน้ำตาราชาพ่อมดและเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่ได้ชื่อว่าหายสาบสูญไปแล้ว ต่งเซียนเอ๋อร์จึงถามว่า “พวกเจ้าไปหาที่ไหนหรือ บนโลกนี้…มีน้ำตาราชาพ่อมดกับเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงหรือ?”
จะไม่มีได้อย่างไร? ก็ข้านี่แหละสตรีศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์คนแรกที่ทำให้ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงได้ครบทุกก้อน!
อวี๋หวั่นอดไม่ได้ที่จะโอ้อวดสักหน่อย และเอ่ยขึ้นว่า “พวกข้าไปที่เผ่าปีศาจ หมิงตู แล้วก็เผ่าพ่อมด”
“เผ่าปีศาจข้ารู้จัก แต่หมิงตูกับเผ่าพ่อมดคือที่ใดกัน” ชื่อเหล่านี้ ต่งเซียนเอ๋อร์ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“หมิงตูคือเมืองหลวงใหม่ของเผ่าปีศาจ…” อวี๋หวั่นเข้าประเด็นหลัก และเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เหล่านี้ให้ต่งเซียนเอ๋อร์ฟัง
ต่งเซียนเอ๋อร์รู้สึกว่าคลังความรู้ที่นางมีกำลังถูกโจมตี ไหนจะสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไหนจะราชาพ่อมด ทายาทของพวกเขาไม่ได้หมดไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดฟังจากที่อาหวั่นพูดแล้ว กลับกลายเป็นว่าชื่อในตำนานยังมีอยู่จริง ทั้งยังดูเหมือนจะไม่ถูกกันประหนึ่งน้ำกับไฟอีกด้วย?
หากจะต้องเล่าจนต่งเซียนเอ๋อร์เข้าใจรายละเอียดทั้งหมด เกรงว่าสามวันสามคืนก็คงยังไม่จบ กระนั้นพวกเขาก็ จะกลับต้าโจวพรุ่งนี้เช้าแล้ว
ถึงแม้ต่งเซียนเอ๋อร์จะยังสงสัย ทว่าเรื่องสำคัญในตอนนี้คือนางต้องไปจับเห้อเหลียนเซิงให้ได้ก่อน นางจับมือของอวี๋หวั่นไป พร้อมกับบอกว่า “เอาเถิด หลังจากที่ข้าได้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าแล้ว ไว้มีเวลาค่อยคุยกัน เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าต้องเล่ารายละเอียดให้ข้าฟังด้วยนะ ตอนนี้ข้าจะไปหาพี่ใหญ่ของเจ้าก่อน”
“อันที่จริง…” อวี๋หวั่นประทับใจในตัวต่งเซียนเอ๋อร์ จะเรียกว่าชื่นชอบนางก็เห็นจะได้ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือนนางเรื่องหนึ่ง “การตามจีบคนคนหนึ่งย่อมมีกลเม็ดของมัน หากจะมัดใจบุรุษ ก่อนอื่นท่านต้องมี…”
อวี๋หวั่นลูบหน้าท้องของตน
ที่เธอมัดใจเยี่ยนจิ่วเฉาได้ ก็คงต้องยกความดีความชอบให้ฝีมือการทำอาหารที่โดดเด่นของเธอ
“ตอนนั้นข้ากับเยี่ยนจิ่วเฉาก็เป็นเช่นนี้ เข้าใจหรือไม่?” อวี๋หวั่นส่งสายตาให้ต่งเซียนเอ๋อร์
ต่งเซียนเอ๋อร์ทำตาโตมองไปยัง…ท้องของอวี๋หวั่น ท้องของอวี๋หวั่นใหญ่มาก เธอต้องการสื่อถึงกระเพาะอาหาร แต่ต่งเซียนเอ๋อร์กลับตีความหมายไปอีกแบบ
อาหวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา มีลูกแล้วค่อยแต่งงานไม่ใช่หรือ? เข้าใจแล้ว นางเข้าใจแล้ว!
ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เป็นความคิดที่ดี! ครั้งหน้าถ้าหากข้าจับเขาได้ ก็จะจัดการเขาเลย! เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วย่อมแก้ไขไม่ได้! พาลูกมาเลยย่อมดีกว่า! ข้าจะคอยดูว่าเขายอมรับหรือไม่!”
อวี๋หวั่น “เอ๋…”
ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย จอมยุทธ์หญิง ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?
ต่งเซียนเอ๋อร์จากไปด้วยจิตใจอันฮึกเหิม!
อวี๋หวั่นมองไปยังทิศทางที่ต่งเซียนเอ๋อร์จากไป เธอชี้นิ้วอย่างทำอะไรไม่ถูก
เธอสาบานได้ เธอไม่ได้ตั้งใจจะหักหลังพี่ใหญ่…
นางถานไปเตรียมสำรับมื้อเย็น อวี๋หวั่นจึงเดินกลับเรือนเป็นเพื่อนเห้อเหลียนเป่ยหมิง
อวี๋หวั่นถามถึงเยี่ยนอ๋องและซั่งกวนเยี่ยน
เห้อเหลียนเป่ยหมิงตอบว่า “เยี่ยนอ๋องกลับต้าโจวไปแล้ว เขากลับไปเตรียมยาให้เยี่ยนจิ่วเฉา”
อวี๋หวั่นกะพริบตาปริบๆ ด้วยความแปลกใจ “อ่า เขาเคยถามชุยเฒ่าแล้วหรอกหรือ ชุยเฒ่าให้ตำรับยากับเขา
ยาบางชนิดในตำรับยาพบได้เพียงในต้าโจว และต้องเด็ดสดๆ เยี่ยนอ๋องบอกว่า เขาจะไปหาตัวยาให้พบก่อน หลังจากนั้นก็จะนำไปปลูกในจวน เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉากลับมาจึงจะเก็บมาใช้”
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เยี่ยนอ๋องทำได้จริงๆ
อวี๋หวั่นคิดว่าสถานที่ซึ่งเยี่ยนอ๋องไม่อยากกลับไปมากที่สุดในตอนนี้ก็คือต้าโจว แต่เพื่อลูกชาย เขายอมปล่อยวางเรื่องทั้งหมดในใจ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงพูดต่อว่า “เซียวเจิ้นถิงและฮูหยินเซียวก็กลับต้าโจวไปแล้ว”
เซียวเจิ้นถิงได้รับภารกิจให้ลงใต้ ในเมื่อเยี่ยนอ๋องกลับต้าโจวไปแล้ว เซียวเจิ้นถิงย่อมปราศจากเหตุผลที่จะอยู่
ทางใต้ต่อไป
“แล้วเรื่องนี้ไม่ถูกเปิดเผยหรือเจ้าคะ?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวว่า “เจ้าหมายถึงเรื่องที่เซียวเจิ้นถิงมายังราชสำนักหนานจ้าวน่ะหรือ? เรื่องนี้สุดท้ายแล้วก็ถูกแพร่งพรายออกไป แต่ว่าองค์ประมุขทรงปฏิเสธ ทั้งยังส่งสาส์นไปยังฮ่องเต้แห่งต้าโจว บอกว่าไม่เคยพบเซียวเจิ้นถิงในเมืองหลวง และยังยืนยันอีกว่าทหารของพระองค์ได้รบกับเซียวเจิ้นถิงที่ชายแดน เรื่องนี้จึงจบลง”
ตอนที่พวกเขาออกมาจากหนานจ้าว ซั่งกวนเยี่ยนก็ตั้งครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว เมื่อลองคำนวณดู นางก็น่าจะครบกำหนดคลอดแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะได้น้องสาวหรือน้องชาย
ในเมื่อเอ่ยถึงองค์ประมุข เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงกล่าวถึงอวิ๋นเฟยด้วย “…ที่แท้อวิ๋นเฟยก็ไม่ใช่คนสกุลเสิ่นหรอกหรือ ได้ยินว่ามีคนชนชั้นสูงมาจากดินแดนห่างไกล บอกว่าเป็นพ่อของอวิ๋นเฟย”
อวี๋หวั่นดวงตาเป็นประกายในทันใด “นั่นคือตาทวดของข้า! ท่านลุงใหญ่ได้พบเขาหรือเจ้าคะ?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงส่ายหน้า “เขาอยู่ที่ตำหนักของอวิ๋นเฟย ข้าไม่มีโอกาสได้พบเขา เจ้าเรียกเขาว่าตาทวด…เจ้าเคยพบเขาแล้วหรือ?”
“อื้ม! พวกข้าเคยพบทั้งยายทวดรองแห่งสกุลหลานและตาทวดเจ้าค่ะ” อวี๋หวั่นเล่าเรื่องที่ตนเองประสบพบเจอ
ในหมิงตูให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงฟัง
เห้อเหลียนเป่ยหมิงตกใจจนพูดไม่ออก ถ้าเขาไม่รู้นิสัยของอาหวั่นแต่แรก ก็คงอดคิดไม่ได้ว่าเด็กคนนี้พูดจาโป้ปด เผ่าปีศาจที่แข็งแกร่ง…แท้จริงแล้วเป็นคนที่ถูกจองจำไว้หรอกหรือ? แต่เผ่าปีศาจตัวจริงนั้นย้ายเมืองหลวงไปแล้ว!
อีกทั้งสกุลหลานแห่งหมิงตูก็เป็นทายาทของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้น…ทั้งอวิ๋นเฟย น้องสะใภ้ อาหวั่น รวมไปถึงเด็กน้อยทั้งสามล้วนแต่เป็นลูกหลานของเผ่าศักดิ์สิทธิ์หรือ?!
เรื่องนี้น่าตกใจเหลือเกิน!
“เช่นนั้นสายเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์…” เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นตบอกด้วยความภาคภูมิใจ “แน่นอนว่าก็คือเลือดของข้า! ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด! ท่านลุงใหญ่คงคิดไม่ถึงกระมัง แทบพลิกแผ่นดินตามหา แต่เมื่อเจอก็เจอเสียง่ายดาย! แต่ว่าข้าก็ไม่ได้ไปหมิงตูโดยเสียเปล่า อย่างไรเสียก็ได้พบกับท่านยายทวดรองและตาทวด แล้วก็ได้เบาะแสของเผ่าพ่อมดด้วยเจ้าค่ะ”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงรำพึงว่า “พวกเจ้าเดินทางไปในครั้งนี้ ได้เปิดหูเปิดตา” เป้าหมายสำคัญคือตัวยา แต่ประสบการณ์ที่ได้ระหว่างทางนั้นประเมินค่าไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้ว ทองคำเท่าไรก็ไม่อาจซื้อได้
“ข้าจะเข้าไปหาพวกเขาที่วังหลวง” อวี๋หวั่นบอก
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเรียกเธอ “ช้าก่อน องค์ประมุขพาพวกเขาไปพักผ่อนที่เมืองผู”
กษัตริย์หนานจ้าวถึงกับทำเช่นนี้เพื่อเอาใจพ่อตา เขาที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ชอบความฟุ้งเฟ้อเกินจำเป็น บัดนี้ได้เรียนรู้วิถีของฮ่องเต้ชาวจงหยวนแล้วสินะ เหล่าข้าราชสำนักต่างถูกเขาพาไปว่าราชการที่เมืองผู
เห้อเหลียนเป่ยหมิงยิ้ม “วางใจเถิด อวิ๋นเฟยสบายดี”
ลูกที่มีพ่อย่อมได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ซือคงเย่รักและเอ็นดูอวิ๋นเฟยยิ่งกว่าสิ่งใด ได้ยินว่าแม้แต่ปรมาจารย์ด้านการทำเนื้อตุ๋นน้ำแดงจากทั่วทั้งหนานจ้าวต่างถูกซือคงเย่ลักพาตัวไปแล้ว
ถูกต้อง ลักพาตัวไป
ตกกลางคืนเข้านอน ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่ในตำหนักที่เมืองผูแล้ว เหล่าพ่อครัวทั้งหลายแทบเป็นลม!!!
เมื่อรู้ว่าท่านยายสบายดี อวี๋หวั่นจึงวางใจ แม้ว่าจะมีญาติที่หนานจ้าวมากมาย แต่คนที่อวี๋หวั่นเป็นห่วงที่สุดก็คืออวิ๋นเฟย ฮูหยินผู้เฒ่ามีบุตรชายที่กตัญญูคอยดูแล ส่วนอวิ๋นเฟยกลับโดดเดี่ยว
บัดนี้มีซือคงเย่ที่รักนาง ก็นับว่าในที่สุดนางก็ได้เป็นที่รักของใครสักคนแล้ว
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวว่า “หนานจ้าวไม่มีเรื่องอะไร ทุกคนล้วนสบายดี เจ้าไม่ต้องกังวลไป แต่ต้าโจวกลับเกิดเรื่องขึ้น เป็นเรื่องที่เจ้าควรรู้ไว้”
“ต้าโจว…มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นถาม
เห้อเหลียนเป่ยหมิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าก็เพิ่งได้ข่าวไม่กี่วันมานี้ ฮ่องเต้แห่งต้าโจวประชวร ไม่อาจออกว่าราชการได้ ในตอนนี้ฮองเฮาออกว่าราชการหลังม่าน ส่วนจิ้งอ๋องเป็นผู้สำเร็จราชการแทน”
จิ้งอ๋อง? นั่นไม่ใช่องค์ชายรองเยี่ยนไหวจิ่งหรอกหรือ?
…………………