หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 36 พี่จิ่วพิโรธ!
ณ ตำหนักจินหลวน เหล่าขุนนางหวาดผวาแม้เพียงเสียงลมพัดนกร้อง ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง
บนที่นั่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งอยู่ห่างจากบัลลังก์มังกรไปหนึ่งก้าว เยี่ยนจิ่วเฉาดูสงบนิ่งราวกับว่าคนที่สั่งให้ตัดเอวเมื่อครู่ไม่ใช่ตัวเขาเอง
เหงื่อเย็นของเหล่าขุนนางไหลพรั่งพรู ไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะสั่งตัดเอวคนในท้องพระโรงทั้งหมด แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าผู้สำเร็จราชการแผ่นดินซึ่งเป็นเป็ดขึ้นคอน ไม่ทำหน้าที่ตนผู้นี้จะเริ่มเข้ามาแทรกแซงพวกเขาจริงๆ และทันทีที่แทรกแซงก็ใช้สายฟ้าฟาดใส่พวกเขา
บรรดาขุนนางแอบบ่นในใจ ให้ยกย่องชมเชยทั้งวันยังไม่พอกับความต้องการของท่านอีกหรือ? ท่านต้องการขู่ให้เรากลัวหรืออย่างไร?
แม้จะแอบบ่นในใจ ทว่ากลับไม่มีขุนนางคนใดกล้าพูดหยุดเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ให้ออกคำสั่งตัดเอวหม่าซื่อหลาง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากทำ และไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่กล้า แต่เป็นเพราะพวกเขาทำไม่ทัน
มันเร็วเกินไป!
ทันทีที่เยี่ยนจิ่วเฉาออกคำสั่ง ยอดฝีมือนามว่าอิ่งสือซันข้างกายเขาก็ลากคนออกไป แล้วใช้ดาบสับเอวจนขาดสะบั้น!
พวกเขายังทำความเข้าใจกับความหมายของการตัดเอวอยู่เลย! ! !
แต่ว่าไปแล้ว หม่าซื่อหลางผู้นี้ควรถูกตัดสินประหารชีวิตหรือไม่?
เรื่องครั้งนี้ต้องเริ่มต้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมในชังโจวเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชังโจวตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของต้าโจว มีดินอุดมสมบูรณ์ ไร่นาทำกินมากมาย อาหารในหลายๆ ที่ของต้าโจวล้วนผลิตจากชังโจว
ฤดูคิมหันต์ปีนี้ ชังโจวประสบอุทกภัย เขื่อนกั้นน้ำแตกไหลท่วมหมู่บ้านไร่นาหลายร้อยฉิ่ง[1]ผู้ประสบภัยต้องพลัดถิ่นอย่างคนสิ้นเนื้อประดาตัว ชังโจวประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ราชสำนักรีบส่งกองทุนบรรเทาสาธารณภัยในทันที
ดั่งคำโบราณที่ว่าน้ำใสเกินไปไร้ปลาแหวกว่าย การบรรเทาสาธารณภัยเช่นนี้ ราชวงศ์ใดก็ล้วนไม่ใสสะอาด เพียงแต่ดูที่ว่าสกปรกมากเพียงใด หากโลภเอาครึ่งหนึ่ง นั่นก็ถูกเรียกว่าเป็นข้าราชการผู้มีจิตสำนึกที่ดีแล้ว แต่คราวนี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการบรรเทาสาธารณภัยกลับทำเกินไปหน่อย
ด้วยความจำเป็นในการตั้งถิ่นฐานของประชาชนและซ่อมแซมเขื่อน ครั้งนี้กระทรวงศาสนาจึงเข้าร่วมด้วย แต่หลักยังคงเป็นกรมคลัง
ในฐานะขุนนางซื่อหลางแห่งกรมคลังที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ ทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของฮองเฮา ใต้เท้าหม่ามีหน้าที่รับผิดชอบการบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยอย่างไม่ต้องสงสัยนัก ใต้เท้าหม่าไปที่เมืองชังโจวด้วยตนเอง เมื่อผู้คนได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองหลวงจะลงพื้นที่ประสบภัยด้วยตนเอง ก็คิดว่าเป็นคนดีเพื่อชาติเพื่อประชานักหนา แต่ผลคือส่วนราชการชังโจวทุจริตโกงกิน เงินบรรเทาสาธารณภัยเกือบทั้งหมดถูกเก็บเข้ากระเป๋าตน
ชาวบ้านกินโจ๊กผักผสมทรายยังไม่นับว่าเป็นเรื่องที่หายาก ยิ่งไปกว่านั้นคือส่วนราชการชังโจวฉุดสตรีชาวบ้านอย่างโจ๋งครึ่มเพื่อความเพลิดเพลินของใต้เท้าหม่า
กระทำการไร้ยางอายเช่นนี้ ยังเป็นข้าราชการอีกหรือ?
สตรีที่โชคร้ายไม่ใช่คนเดียว ชาวบ้านเริ่มโกรธแค้นแต่ไม่กล้าเอ่ยปาก หลังจากนั้นใครบางคนก็รวบรวมความกล้ากระโดดออกมาขอคำอธิบายจากส่วนราชการชังโจว ผลคือในคืนนั้นเกิดเรื่องขึ้นกับเขา หากบอกว่าไม่ได้ถูกรัฐบาลปราบปราม จะมีผู้ใดเชื่อ?
ครอบครัวชายผู้นั้นไม่ยอมจำนน ในเมื่อไม่อาจฟ้องส่วนราชการชังโจวได้ พวกเขาจึงไปฟ้องที่เมืองหลวง แต่ไปได้เพียงครึ่งทางก็ถูกสกัดไว้
แน่นอนว่ากระดาษไม่อาจห่อไฟ ผู้ที่ไปชังโจวไม่ได้มีเพียงคนจากกรมคลังเท่านั้น แต่ยังมีเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการด้วย ในบรรดาเจ้าหน้าที่เหล่านั้นย่อมมีคนซื่อสัตย์สุจริต หลังจากกลับมาที่เมืองหลวงก็เข้าร้องเรียนต่อราชสำนักอย่างอ้อมๆ
เหตุผลที่ร้องเรียนอย่างอ้อมๆ เพราะใต้เท้าหม่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของฮองเฮา แม้พวกเขาจะซื่อตรง แต่ก็ต้องรักษาชีวิตตนเองไว้ก่อน
ความจริงเรื่องนี้เยี่ยนไหวจิ่งเองรับรู้ไม่มากก็น้อย หลังจากเจ้าหน้าที่ผู้ซื่อสัตย์บริสุทธิ์กลับถึงเมืองหลวง เขาไม่ได้กล่าวชัดเจนว่าใต้เท้าหม่าฉ้อโกงเข้ากระเป๋าตน กลั่นแกล้งทรมานผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ เพียงแต่บอกว่าภัยพิบัติในชังโจวยังคงดำเนินต่อไป ให้ราชสำนักดูว่ายังมีวิธีใดการที่ดีกว่านี้หรือไม่
ความคิดแรกของเยี่ยนไหวจิ่งคล้ายคลึงกับเยี่ยนจิ่วเฉา คือลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะหม่าซื่อหลางไม่อาจพะเน้าพะนอได้ แต่กุนซือในจวนกลับให้ความเห็นว่า——
เรื่องร้ายได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้ฆ่าทุกคนก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น จะเป็นการดีกว่าหากผลักเรื่องนี้ให้ฮองเฮาจัดการ เพราะไม่เพียงแต่ได้ความโปรดปรานจากฮองเฮา ยังได้กุมจุดอ่อนของฮองเฮาไว้อีกด้วย แน่นอนว่าฮองเฮาต้องชดใช้ให้สตรีที่ถูกกระทำอย่างดี และต้องชดใช้เงินในการบรรเทาสาธารณภัยอย่างเร็วที่สุด
แม้เขาจะต่อต้านอยู่บ้าง แต่หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย เขาก็เลือกทำตามวิธีการของกุนซือผู้นั้น
เขาเข้าใจดีว่าเสด็จพ่อผลักให้เขากับฮองเฮาขึ้นไปอยู่ในราชสำนัก ก็เพื่อให้ทั้งสองคานอำนาจกัน หากเขาใช้เรื่องนี้หักปีกฮองเฮาจริงๆ ฮองเฮาจะถูกโค่นลง แต่เสด็จพ่อก็อาจไม่สบายใจ
คนที่เขายำเกรงมิใช่ฮองเฮา แต่เป็นเสด็จพ่อ
เขาไม่รู้แน่ชัดว่าฮองเฮาบอกกับใต้เท้าหม่าอย่างไร เขารู้เพียงว่าชังโจวได้รับเงินทุนบรรเทาสาธารณภัยกองใหม่ แม้จะไม่เหมือนกับเงินที่ราชสำนักจัดสรร แต่ก็แก้ปัญหาที่จำเป็นเร่งด่วนไปได้บ้าง ส่วนสตรีที่ถูกหม่าซือหลางทำร้าย ว่ากันว่าก็ได้รับค่าชดเชยมหาศาลเช่นกัน
ทุกครั้งที่เยี่ยนไหวจิ่งเห็นหม่าซื่อหลางในราชสำนักก็อยากจะฟันเขาสักครา แต่ก็ยังคงไม่กล้าลงมือ
สิ่งที่เขาไม่กล้ากลับถูกเยี่ยนจิ่วเฉาทำไปแล้ว…
กล่าวตามความจริง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเยี่ยนจิ่วเฉารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?
นิสัยเหล่านั้นของเยี่ยนจิ่วเฉาเขาก็เคยได้ยินมาก่อน หากวันใดไม่ได้อวดตนก็อวดตน ให้ขุนนางบู๊บุ๋นเข้าแถวประจบประแจงเขา หากยกยอไม่ได้ก็จะถูกลดตำแหน่ง หากยกยอได้ดีก็จะเลื่อนตำแหน่ง
นี่มันอะไรกัน? ทรราชสุดเจ๋ง! มอดแห่งชาติ!
เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของชาวบ้านหรือ? เขาสนใจความมั่นคงของชาติบ้านเมืองหรือ? เขาไม่แม้แต่ไปแทรกแซงความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วยซ้ำ
ดังนั้นจึงยังเป็นประโยคที่ว่าเขารู้ได้อย่างไร? ผู้ใดไม่กลัวตายเช่นนี้ ในยามที่คนมากมายชื่นชมยกยอเขา กลับยื่นฎีกาสถานการณ์ภัยพิบัติในชังโจวให้เขา?
ไหนเลยเยี่ยนไหวจิ่งจะเดาออก แท้จริงแล้วไม่ได้มีผู้ใดยื่นฎีกาให้เยี่ยนจิ่วเฉา แต่เป็นเยี่ยนจิ่วเฉาที่ได้ยินเรื่องนี้มาด้วยตนเอง!
ระหว่างทางกลับจากหนานจ้าวมายังเมืองหลวง พวกเขาใช้เส้นทางน้ำและพบว่าความกว้างของแม่น้ำในปีนี้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย หลังจากไถ่ถามอย่างละเอียดถึงทราบว่าชังโจวถูกน้ำท่วมไม่นานมานี้
เยี่ยนจิ่วเฉาสั่งให้กองทัพเรือข้ามแม่น้ำชังโจว อวี๋หวั่นคอยเลี้ยงบุตรอยู่ในห้องจึงไม่รู้เรื่องราว แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับลงไปทางแม่น้ำ ไปตามหมู่บ้านที่อดอยากหิวโหย
เขายืนอยู่บนหัวเรือตลอดทั้งคืน
หลังจากกลับมาเมืองหลวง เหตุใดเขาถึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แล้วเหตุใดถึงเต็มใจถวายยารักษาฮ่องเต้? เพราะความรักของลุงกับหลานจริงๆ หรือ? แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาเพื่อทำให้เยี่ยนไหวจิ่งโกรธจริงหรือ?
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเมื่อคืนนี้ จัดทำรายการยาวม้วนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ไม่รอดไปแม้แต่คนเดียว
ข้อกล่าวหาของหม่าซื่อหลางมากมายจนเกือบจะบันทึกไม่ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเขียนถึงอายุของบุตรีคนที่สามของตระกูลเหอ ก็โกรธจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา
ดาบของอิ่งสือซันถูกทาด้วยเกลือ
เขาเป็นคนทามันด้วยตนเอง
ดาบเล่มนั้นสับลง หม่าซื่อหลางเจ็บปวดแสนสาหัสเจียนตาย
ขุนนางหน้าซีดด้วยความตกใจ บางคนก็หลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัว
“ไม่อนุญาตให้หลับตา” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา
…
นี่เป็นการว่าราชการในท้องพระโรงครั้งที่น่าสังเวชที่สุดสำหรับขุนนาง พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกบังคับให้ดูกระบวนการตัดเอวทั้งหมด ยังถูกหักเงินเดือนเป็นเวลาครึ่งปี โทษฐานรู้เห็นแต่ไม่รายงาน
กฎหมายใดไม่กล่าวโทษคน แต่ต่อหน้าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีละเว้น
………………………