หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 39 เถี่ยตั้นน้อยผู้เฉียบแหลม
เยี่ยนจิ่วเฉาพาองค์หญิงจิ่วออกไปแล้ว
ไม่ปล่อยให้ไปก็ไม่ได้ เพราะคำพูดของเขาไม่อาจหักล้าง
อะไร? พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ?
แม้แต่เสียงในพระทัยฝ่าบาทยังไม่ได้ยิน! จะเอาพวกเจ้าไว้ทำประโยชน์ใด! ลากออกไปสับหัว!
คำพูดไร้ยางอายเช่นนี้ เป็นผู้อื่นคงพูดไม่ออก แต่ผู้สำเร็จราชการแทนไม่เพียงแต่พูดออกมาได้ แต่ยังพูดได้อย่างชอบธรรมอีกด้วย!
พวกเขาตกถังโชคร้ายอะไรถึงต้องมาพบกับผู้สำเร็จราชการแทนจอมเพี้ยนเช่นนี้?
ปากของทุกคนไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าในใจต่างสบถสาบาน รอฝ่าบาทตื่นขึ้นมา จะต้องบอกความจริงกับเขา!
ตอนแรกฮ่องเต้มีอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สติก็ยังรู้สึกไม่สบาย แต่หลังจากใช้ยาของเยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว อย่างน้อยเขาก็นอนหลับสบายขึ้นมาก
เมื่อคนหลับดี อารมณ์ก็ย่อมจะสดชื่นตามไปด้วย
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาดื่มยา ขันทีวังก็พูดกับเขาว่า “ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้พาองค์หญิงจิ่วออกจากวัง ไปพักอยู่ที่จวนเขาสองสามวัน…”
ฮ่องเต้พยักหน้า “อ้อ ที่จวนเขามีเด็กๆ อยู่ องค์หญิงจิ่วได้ไปเล่นก็ดี”
ขันทีวัง “…”
เขายังไม่ทันได้พูดเข้าประเด็น ท่านจะไม่ฟังหรือว่าผู้สำเร็จราชการแทนพาองค์หญิงจิ่วออกจากวังไปได้อย่างไร?
ต้อง…
ไม่ต้องพูดแล้ว
ผู้สำเร็จราชการแทนชนะแล้ว
เจ้าทำได้เจ้ายอดเยี่ยม!
องค์หญิงจิ่วถูกเยี่ยนจิ่วเฉาพากลับจวนคุณชายไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าตนกำลังจะถูกพาออกจากวัง เด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านหรือไม่พอใจใดๆ และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ยินดีมากนัก ราวกับว่าหัวใจนางได้ชินชากับโลกใบนี้ไปแล้ว กินข้าวแต่โดยดี ถูกรังแกแต่โดยดี คงกลายเป็นเรื่องที่นางต้องเผชิญทุกวันไปแล้ว
ส่วนท่าทีของฮองเฮา อ้อ รับสั่งของฮ่องเต้ นางจะขัดได้หรือ? นางคิดว่าตนเป็นเยี่ยนจิ่วเฉาหรือ?
องค์หญิงจิ่วอาศัยอยู่ที่เรือนของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น แม้เรือนฝั่งเยี่ยนอ๋องจะมีเด็กๆ มากมาย ดูเหมือนเหมาะสมที่เด็กหญิงจะอาศัยอยู่มากกว่า แต่นิสัยขององค์หญิงจิ่วเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบเข้าสังคม หากตกใจกลัวขึ้นมาคงไม่ดี
ในบรรดาสาวใช้ในจวน ผิงเอ๋อร์มีนิสัยแสบที่สุด เถาเอ๋อร์เรียบง่ายที่สุด หลีเอ๋อร์ละเอียดถี่ถ้วนที่สุด อวี๋หวั่นมอบหมายให้หลีเอ๋อร์รับใช้ข้างกายองค์หญิงจิ่ว
องค์หญิงจิ่วไม่คัดค้านการจัดแจงใดๆ
อวี๋หวั่นบอกให้กิน นางก็กิน บอกให้นอน นางก็นอน เชื่อฟังราวกับไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
เถี่ยตั้นน้อยเพิ่งทำการบ้านเสร็จ หยิบหนังสือคัดอักษรที่ได้รับคำชมจากเยี่ยนอ๋องมาอวดให้อวี๋หวั่นดู ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือน ก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างชิงช้า
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ในชุดสีม่วง ใช้ผ้าคาดผมสีม่วงมัดเป็นจุก ผ้าคาดผมเส้นยาวกับเส้นผมส่วนที่เหลือหลุดสยายลงมา ถูกสายลมอ่อนๆ พัดปลิวไสวสวยงามดุจภาพวาด
นางหันหลังให้เถี่ยตั้นน้อย เถี่ยตั้นน้อยเดินเข้าไปหาอย่างงุนงง “เจ้าเป็นใคร?”
องค์หญิงจิ่วตกใจ ร่างเล็กสะดุ้งโหยง หันกลับมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“อ๋อ” เถี่ยตั้นน้อยจำนางได้แล้ว นางไม่ใช่น้องสาวที่อยู่ในตำหนักฮองเฮาหรอกหรือ? เอ๊? มองจากไกลๆ ก็ดูไม่สูงนัก เหตุใดเข้ามาใกล้แล้ว…รู้สึกแปลกๆ?
นางสูงกว่าตนหนึ่งนิ้ว! ! !
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกรำคาญที่ตนไม่โตพอ แม้แต่สตรีตัวเล็กๆ ก็ยังไม่อาจสูงเทียบ
อันที่จริงเถี่ยตั้นน้อยสังเกตเห็นนางตั้งแต่อยู่ที่วังหลวงแล้ว ช่วยไม่ได้ นางงดงามเกินไป ในหมู่บ้านเหลียนฮวามีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักไม่น้อย แต่ไม่มีผู้ใดน่ารักเท่าองค์หญิงจิ่วผู้นี้เลย องค์หญิงจิ่วงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้อง
“เจ้าอยากเล่นชิงช้าหรือ?” เถี่ยตั้นน้อยมองนางกับชิงช้าที่อยู่ข้างๆ
“ข้า…” องค์หญิงจิ่วหลุบตาลง นางไม่ชินกับการสบตาคน
“ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ!” เถี่ยตั้นน้อยดึงมือนางพาไปนั่งบนชิงช้า “เจ้าจับนี่ไว้!”
องค์หญิงจิ่วไม่ขัดขืน
เถี่ยตั้นน้อยไม่รู้ว่าฝ่ามือของตนมีเหงื่อออก
เมื่อเถี่ยตั้นน้อยเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนาง ไม่รู้ว่านางหวาดกลัวหรือเพียงแค่ประหม่า จึงถามว่า “เจ้าเล่นเป็นครั้งแรกหรือ? ในวังไม่มีสิ่งนี้หรือ?”
เขาเคยเดินรอบๆ ตำหนักเฟิ่งชีของฮองเฮา แน่นอนว่าไม่พบเห็นชิงช้า จะว่าไปแล้วตำหนักเฟิ่งชีน่าเบื่อชะมัด ที่ให้เล่นสนุกสักที่ก็ไม่มี ไหนเลยจะเหมือนจวนคุณชายที่มีชิงช้า ม้าไม้ แล้วก็มีภูเขาปลอมกับอุโมงค์ให้เด็กๆ ปีนป่าย อีกทั้งปลาเอย นกเอย สัตว์เล็กสัตว์น้อยเอย สรุปแล้วน่าสนใจนักแล!
สำหรับเขาแล้ว ตำหนักเฟิ่งชีให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเป็นสถานที่ที่มีเด็กๆ อาศัยอยู่เลย
เช่นจวนคุณชายสิ ถึงจะใช่
องค์หญิงจิ่วไม่พูดจา
นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเถี่ยตั้นน้อย เขามีความสามารถช่างจ้ออยู่กับตัว ไม่เคยหนาวเหน็บวังเวง “ไม่มีอันนี้ก็ไม่เป็นไร จวนคุณชายมีให้เล่นเยอะเลย ชิงช้าในเรือนของท่านพี่กับพี่เขยข้ายังไม่นับว่าใหญ่นะ ที่เรือนท่านลุงเยี่ยนอ๋องก็มี สวนดอกไม้เล็กๆ ก็มี เป็นสวนเล็กๆ ที่ใหญ่สุดๆ เลยละ! อ้อ แล้วก็มีชั้นไม้ให้ปีนด้วยนะ!”
ฝ่ามือขององค์หญิงจิ่วเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
เถี่ยตั้นน้อยเดินไปข้างหลังนาง “จับให้แน่น ข้าจะแกว่งละนะ!”
องค์หญิงจิ่วจับเชือกไว้แน่น หลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรม
เลวร้ายที่สุดก็แค่ตกลงมาขาหักเท่านั้นเอง
แต่สิ่งเลวร้ายนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น เถี่ยตั้นน้อยผลักนางลอยขึ้นไปในอากาศ
ภายในเรือนปลูกดอกไม้ แม้แต่อากาศก็ยังมีกลิ่นหอม สายลมสารทฤดูที่สดชื่นผสมผสานกับกลิ่นหอมของดอกไม้พาดผ่านใบหน้าของนาง
เถี่ยตั้นน้อยผลักสองสามครั้ง ชิงช้าก็สามารถแกว่งไกวได้เอง เขาเดินอ้อมไปข้างนาง เงยหน้ามองนางแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องกลัว! ลืมตาได้แล้ว!”
องค์หญิงจิ่วลืมตาขึ้น
นางไม่เคยลอยอยู่ที่สูงเช่นนี้มาก่อน นางไม่เคยรู้ว่าทิวทัศน์ด้านบนดีเช่นนี้
เถี่ยตั้นน้อยอ้อมไปข้างหลังนางอีกครั้ง “ข้าจะแกว่งให้แรงละนะ!”
“อื้ม” องค์หญิงจิ่วตอบรับเบาๆ
เถี่ยตั้นน้อยไม่ได้ยิน
เขาไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกในหลายๆ เดือนที่องค์หญิงจิ่วตอบโต้กับผู้คน
เถี่ยตั้นน้อยบอกว่าจะเอางานคัดลายมือมาให้พี่สาวดูแล้วก็จะกลับไปเรียนต่อ แต่ผลคือเล่นจนจบ แม้แต่เรื่องที่ตนมาทำอะไรที่นี่เขาก็ลืมไปแล้ว
ใบหน้าขององค์หญิงจิ่วแดงระเรื่อ ดวงตาใสแวววาว ราวกับตุ๊กตากระเบื้องงามประณีต
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกว่าใบหน้าตนร้อนขึ้นเล็กน้อย เจ้าอากาศบ้านี่ กลับมาร้อนอีกแล้ว!
“จริงสิ เจ้าจำชื่อข้าได้หรือไม่?” เถี่ยตั้นน้อยถามองค์หญิงจิ่ว หลังจากเล่นชิงช้ากันอยู่พักหนึ่ง
องค์หญิงจิ่วมองเถี่ยตั้นน้อยอย่างว่างเปล่า
นี่คงจะจำไม่ได้สินะ เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกผิดหวัง
แต่เถี่ยตั้นน้อยไม่สิ้นหวัง!
เถี่ยตั้นน้อยกระแอม มองไปที่องค์หญิงจิ่วแล้วเอ่ยว่า “ลืมแล้วก็ไม่เป็นไร ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าต้องจำให้ได้นะ ข้าชื่อ…เห้อเหลียนถิง!”
เดิมทีคิดจะพูดว่าเถี่ยตั้น แต่ไม่รู้เหตุใด เขารู้สึกว่ามันน่าอายที่จะพูดชื่อนี้ต่อหน้าตุ๊กตากระเบื้อง!
เขาต้องให้ตุ๊กตากระเบื้องจำชื่อสุดยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเขา!
แซ่เห้อเหลียน ชื่อถิง เห้อเหลียนถิง!
ครั้งหน้า เขาต้องบอกคนในจวนคุณชายว่า ห้ามเรียกเขาว่าเถี่ยตั้นอีก
ทันทีที่ความคิดแล่นผ่าน เสี่ยวเป่าก็ตะโกนออกมาจากประตู “เถี่ยตั้น——”
เถี่ยตั้นน้อยสะดุ้งเฮือก!
ประจวบเหมาะที่เวลานี้อวี๋หวั่นก็เดินอุ้มท้องออกมา
เถี่ยตั้นน้อยเร่งหาวิธีแก้ปัญหายามคับขัน ชี้ไปที่ท้องของพี่สาว “เด็กนั่นชื่อโก่วตั้น!”
เทียบกับโก่วตั้นแล้ว เถี่ยตั้นยังน่าฟังกว่ามากใช่หรือไม่ละ?
เขาช่างฉลาดเฉียบแหลมจริงๆ!
…………………………