หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 42 พ่อลูกพบหน้า พี่จิ่วหลงลูกสาว
หลิวมามาเริ่มเป็นหมอตำแยตั้งแต่เมื่อไร นางเองก็ลืมไปแล้ว แต่นางรู้ว่าจำนวนเด็กๆ ที่นางทำคลอดให้นั้นมีมากมายนัก มีคนเชิญให้นางไปทำคลอดถึงหน้าประตูแทบทุกวัน หมอตำแยคนอื่น เดือนเดือนหนึ่งอาจยังไม่มีงานทำคลอดสักงานเสียด้วยซ้ำ กลับกันนางเป็นแบบอย่างแห่งการผดุงครรภ์ไปแล้วจริงๆ
แต่ผู้ที่ทำคลอดมานับไม่ถ้วนอย่างนาง ยามเห็นทารกน้อยในมือตนทั้งสองข้างผู้นี้ก็ยังแทบลมจับ!
ผู้ใดจะคลอดบุตรได้ด้วยการจามครั้งเดียว?
ไม่สิ ก่อนหน้านี้เพียงครู่หนึ่ง ไหนเลยคำพูดประโยคเดียวจะสามารถเปลี่ยนตำแหน่งทารกในครรภ์ให้กลับมาเป็นปกติได้?
วรยุทธ์สิบแปดอย่างของนาง ยามเผชิญหน้ากับพระชายาผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน กลับไร้ซึ่งช่องว่างให้แสดงฝีมือ
นี่นางไม่ได้เพิ่งทำคลอดครรภ์ปลอมไปจริงๆ หรือ?
หลิวมามาเริ่มสงสัยกับชีวิต
…
เสียงร้องไห้ดังมาจากในห้อง ทุกคนที่เฝ้าอยู่ในเรือนต่างถอนใจยาวด้วยความโล่งอก เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าๆ ออกๆ เดี๋ยวก็ซื้อของกินให้เธอ พวกเขายังคิดว่าอวี๋หวั่นจะคลอดยาก อย่างน้อยคงใช้เวลาถึงรุ่งเช้าเสียอีก
อันที่จริงเวลานี้ก็ไม่เช้า ย่างเข้าเที่ยงคืนแล้ว อวี๋หวั่นปวดท้องคลอดระหว่างที่งีบหลับ ผ่านไปห้าชั่วยาม สำหรับสตรีที่คลอดบุตรครั้งที่สอง การคลอดเช่นนี้ไม่ช้าไม่เร็ว กำลังดี
เพียงแต่ ยามที่คนอื่นคลอดบุตรล้วนเหนื่อยหนักสุดใจขาดดิ้น ส่วนอวี๋หวั่นปวดก็กิน ปวดๆ ก็กินๆๆ ปวดๆๆ ก็กินๆๆๆๆๆ…
เมื่อหลิวมามาอุ้มเด็กออกจากห้องมา อวี๋หวั่นก็หลับไปแล้ว
การคลอดบุตรนั้นเหนื่อยยาก จะหลับไปก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลิวมามากลับรู้สึกว่าพระชายาผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไม่ได้เหนื่อยจากการคลอดบุตร ทว่าเหนื่อยจากการกิน! ! !
หลิวมามาทำความสะอาดให้ทารก สวมเสื้อผ้าชิ้นเล็ก และใช้ผ้าห่ออุ้มออกมา
เยี่ยนอ๋อง ลุงวั่น อิ่งลิ่ว อิ่งสือซันและคนอื่นๆ ต่างรีบเดินมาข้างหน้า
“เป็นเด็กหญิง” หลิวมามาพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
เด็กแรกเกิดจะตัวเล็กมาก ยามที่หลิวมามาอุ้มก็แทบจะมองไม่เห็นทารก เห็นเพียงผ้าที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกเท่านั้น
ทุกคนตาโตด้วยความสงสัย อยากเห็นว่าราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยแรกเกิดจะมีหน้าตาเช่นไร
เยี่ยนอ๋องรับทารกไป
ช่างตัวเล็กนัก
อันที่จริงแล้วตอนที่เยี่ยนจิ่วเฉาถือกำเนิดก็ไม่ได้เป็นเด็กตัวใหญ่ เวลานั้นซั่งกวนเยี่ยนยังกังวลว่าบุตรของตนจะเติบโตมาเป็นเด็กแคระหรือไม่
ดังนั้นเยี่ยนอ๋องจึงไม่กังวลในตัวหลานสาวเลยแม้แต่น้อย
ลุงวั่นเดินเข้ามาแล้วก็พูดด้วยความประหลาดใจ “ไอ้หยา สาวน้อยผู้นี้หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชัง!”
นี่ไม่ใช่คำสรรเสริญเยินยอ และไม่ใช่เพราะเห็นว่าเป็นเด็กในบ้านตนที่ไม่ว่าหน้าตาเป็นเช่นไรก็งดงาม จริงๆ แล้วแม้แต่หลิวมามาก็ยังรู้สึกว่าทารกเพศหญิงผู้นี้ช่างดูงดงามนัก
ทารกแรกเกิดทั่วไป ในสิบคนจะมีสักสิบเอ็ดคนที่มีรอยย่นราวกับคนชราร่างเล็ก ทั้งหมดล้วนเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ผิวพรรณค่อยๆ ดีขึ้น ผิวพรรณขาวนวลอวบอ้วน ย่อมน่ารักขึ้นเป็นธรรมดา
แต่ทารกผู้นี้ต่างออกไป แม้แต่รอยเหี่ยวย่นเพียงเล็กน้อยก็ไม่มี ราวกับว่านางนั่งอยู่ในครรภ์มารดาทุกวันไม่ทำสิ่งใด แล้วใช้มือเล็กๆ ของตนลูบไล้รอยยับบนใบหน้าให้เรียบเนียน
หลิวมามาคิดถึงฉากนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุใดนางก็ยังรู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดู
แน่นอน นางก็เพียงแค่คิดไปเรื่อยเปื่อย จะมีทารก…ที่สวยมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจริงๆ ได้อย่างไร ใช่หรือไม่ละ?
เยี่ยนอ๋องถามถึงอาการของอวี๋หวั่น เมื่อรู้ว่าอวี๋หวั่นไม่เป็นอะไร ก็คลายความกังวลในใจลง เขาสั่งกำชับผิงเอ๋อร์กับเถาเอ๋อร์ให้ดูแลอวี๋หวั่นดีๆ แม้ว่าเขาจะชื่นชอบหลานสาวก็จริง แต่อวี๋หวั่นเขาก็รักมากเช่นเดียวกัน
เดิมทีไข่น้อยทั้งสามกับเถี่ยตั้นน้อยก็อยากตั้งตารอน้องสาว (โก่วตั้น) ถือกำเนิด ทว่าก็ดึกเกินไป พวกเขาฝืนไม่ไหว จึงผล็อยหลับไปบนโต๊ะหิน อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันพาพวกเขากลับห้อง ยามนี้กำลังนอนหลับฝันดี และไม่รู้ว่าน้องสาว (โก่วตั้น) ที่พวกเขารอคอยมาแสนนานได้ถือกำเนิดแล้ว
เยี่ยนอ๋องโปรดปรานหลานสาวตัวน้อยยิ่งนัก
ยามที่เยี่ยนจิ่วเฉาเกิดมาก็สวยงามกว่าเด็กส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าเด็กหญิงผู้นี้เมื่อเทียบกับฉงเอ๋อร์ยามแรกเกิดก็ยังดูวิจิตรงดงามมากกว่า ใบหน้าเล็กๆ ของนางขาวนุ่มละมุน ไม่เพียงแต่ไม่มีรอยยับย่นบนใบหน้าเท่านั้น ยังไม่เหมือนเด็กแรกเกิดคนอื่นๆ ที่เวลาหาว ใบหน้าเล็กๆ จะเหลือเพียงปากที่อ้ากว้าง การเคลื่อนไหวน้อยๆ ยามนางอ้าปากหาวช่างน่ารักจับใจ
ลุงวั่นร้องไห้ตื้นตันใจ
เยี่ยนอ๋องหันไปมองเขาปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ลำบากเจ้าแล้ว ขอบคุณมากที่ดูแลฉงเอ๋อร์กับอาหวั่นเป็นอย่างดีเช่นนี้”
การที่อวี๋หวั่นคลอดได้อย่างราบรื่นย่อมมีปัจจัยหลายด้าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลุงวั่นมีส่วนสนับสนุนจริงๆ แต่ก่อนเขารักที่จะอยู่รับใช้ใกล้ชิดเยี่ยนจิ่วเฉามากทีเดียว ทว่ายามนี้ดูเหมือนจะตกไปอยู่แถวสอง แทบจะไม่ได้เข้าใกล้ทั้งสอง แต่เรื่องที่เขาดูแลอย่างลับๆ กลับมีมากกว่าเมื่อก่อนมากนัก
ไม่ใช่ว่าเยี่ยนอ๋องไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับซูมู่ ลุงวั่นยังคงกล่าวโทษตนเอง ทว่าในสายตาของเยี่ยนอ๋อง อดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ผู้นี้ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตที่จมอยู่กับการตำหนิตนเองและความรู้สึกผิดตลอดเวลาอีกแล้ว
ลุงวั่นร่ำไห้สะอึกสะอื้น “ได้ทำงานให้คุณชายน้อยกับฮูหยินน้อย…เป็นเกียรติของบ่าวแล้วขอรับ…”
วินาทีนี้เองที่ลุงวั่นรู้สึกว่าบาปของเขาได้รับการอภัยอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ใช่การอภัยจากผู้อื่น แต่เป็นการอภัยจากตนเอง
เยี่ยนอ๋องพยักหน้าคลี่ยิ้มจางๆ ก่อนจะหันไปดูหลานสาวตัวน้อยในอ้อมแขนต่อ
อิ่งสือซันส่งสายตาให้อิ่งลิ่ว
อิ่งลิ่วเข้าใจความหมาย ออกจากจวนคุณชายไปพร้อมกับอิ่งสือซัน ในเมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยได้ถือกำเนิดแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมยาถอนพิษให้เยี่ยนจิ่วเฉา
“ชุยเฒ่าคงไม่ได้ไปที่ใดกระมัง?” อิ่งสือซันถามอย่างร้อนรนเล็กน้อย
อิ่งลิ่วส่ายหัว “ไม่หรอก ข้ากำชับไว้แล้ว ในระยะนี้ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าออกจากจวน เขาเองก็รู้ เขายังกลัวว่าฮูหยินน้อยจะคลอดบุตรไม่ราบรื่น แล้วต้องการให้เขามาช่วย เขาไม่มีทางออกไปที่ใดแน่”
ขณะที่อิ่งลิ่วเอ่ยก็เหลือบมองอิ่งสือซันปราดหนึ่ง “ดูเหมือนเจ้ากังวลยิ่งนัก”
อิ่งสือซันเอ่ยอย่างจริงจัง “พิษของคุณชายเริ่มแพร่กระจายแล้ว ต้องเตรียมยาถอนพิษให้เร็วที่สุด!”
อิ่งลิ่วตะลึง “อะไรนะ? พิษของคุณชายแพร่กระจายแล้ว? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าเห็น” อิ่งสือซันกล่าว
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่พูด” อิ่งลิ่วถามอย่างขมขื่น
อิ่งสือซันทอดถอนใจ “คุณชายไม่ยอมให้ข้าบอก ทว่ายามที่ข้าพบก็ไม่นับว่าเร็วนัก รู้ได้ไม่นานฮูหยินน้อยก็ปวดท้องคลอด ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว รีบพาชุยเฒ่าไปที่จวนคุณชายเถอะ”
“อื้ม!”
ทั้งสองไปที่เรือนซึ่งชุยเฒ่าพักอาศัยอยู่ ห่างจากประตูฝั่งข้างจวนคุณชายเพียงครึ่งซอย แต่เมื่อทั้งสองมาถึงเรือน กลับพบว่ามีร่องรอยการบุกรุกโดยไม่คาดคิด ไม่ว่าจะในห้องหรือนอกห้องก็เละเทะไปหมด
ระฆังเตือนภัยดังขึ้นในใจคนทั้งสองทันที พวกเขากระชับดาบเล่มยาวในมือพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย
อิ่งสือซันชักดาบออกมาเงียบๆ กำบังอิ่งลิ่วไว้ข้างหลัง “ข้าจะเข้าไปดู”
“อื้อ” อิ่งลิ่วพยักหน้า หมุนตัวกลับไปสำรวจประตู
อิ่งสือซันถือดาบเข้ามา ด้านในมีร่องรอยการต่อสู้ แปดหรือเก้าในสิบส่วนคือเกิดเรื่องขึ้นกับชุยเฒ่าแล้ว อาการพิษของคุณชายกำเริบ ไม่มีเวลารีรออีกแล้ว วัตถุดิบยาก็หามาจนครบแล้วในที่สุด แต่ชุยเฒ่ากลับหายไป เช่นนั้นพวกเขาต้องล้มเหลวเพราะขาดความพยายามสุดท้าย!
ประกายในตาอิ่งสือซันเย็นเยียบถึงขีดสุด!
ทันใดนั้นเสียงสวบสาบๆ ก็ดังมาจากประตูตู้ อิ่งสือซันตวัดดาบยาวขึ้นแง้มบานประตูเปิดออก
“ช้าก่อน! ข้าเอง!”
คนในตู้ตะโกนออกมา
อิ่งสือซันผงะ ดาบนิ่งไม่กระดิก “ชุยเฒ่า?”
เมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นคืออิ่งสือซัน ชุยเฒ่าก็ถอนใจยาวเหยียดด้วยความโล่งอก และเดินออกจากประตูตู้ที่อิ่งสือซันเปิดไว้
“โอ๊ะๆ โอ๊ย กระดูกข้า…”
ตู้แคบเช่นนั้น สงสารกระดูกชราที่ต้องขดงออยู่ด้านใน แทบจะผิดรูปอยู่แล้ว
อิ่งลิ่วได้ยินเสียงของชุยเฒ่าก็โล่งใจ รีบเดินเข้ามา “ชุยเฒ่า ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ชุยเฒ่าฮึดฮัด “จะเรื่องใดได้เล่า? ก็หัวขโมยน่ะสิ!”
อิ่งลิ่วถามอย่างประหลาดใจ “หัวขโมย? ละแวกนี้มีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี จะมีหัวขโมยได้อย่างไร?”
ลักขโมยแถวจวนคุณชาย คงเบื่อชีวิตแล้วกระมัง!
ชุยเฒ่าปัดฝุ่นบนตัวแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวขโมยมาจากที่ใด? เข้าห้องมาก็รื้อค้น โชคดีที่ข้ามีไหวพริบชาญฉลาด ใช้ยาพิษขับไล่พวกมันออกไป!”
อิ่งสือซันชะงัก แล้วเอ่ยว่า “เรื่องหัวขโมย ข้ากับอิ่งลิ่วจะตรวจสอบเอง เจ้าตามเรากลับไปที่จวนคุณชายก่อน แล้วก็ไม่ต้องอยู่ข้างนอกแล้ว อยู่ในจวนไม่มีผู้ใดทำอะไรเจ้าได้”
ชุยเฒ่าพยักหน้า “อื้อ…หือ? กลับจวน? ยายหนูนั่นคลอดแล้วเรอะ?”
…
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วพาชุยเฒ่ากลับไปที่จวนคุณชาย แต่สิ่งที่ทั้งสองไม่คาดคิดก็คือ พอชุยเฒ่ามา ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยก็หายไปแล้ว!
เพื่อให้อวี๋หวั่นได้พักผ่อนสบายขึ้น ทารกน้อยจึงถูกวางไว้ข้างๆ โดยมีเยี่ยนอ๋องคอยเฝ้าอยู่
ทารกน้อยนอนอยู่ในผ้าห่อตัว เยี่ยนอ๋องไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดมงคลให้ทารกน้อย ทันทีที่เดินเขาออกมา ทารกก็หายไปแล้ว!
แม่นมและสาวใช้ต่างก็ตระหนกตกใจ
“สวรรค์! คุณหนูเล็กไปอยู่ที่ใดกัน? เหตุใดจู่ๆ ก็หายไป”
“นั่นสิ! เมื่อครู่ข้าก็ยังเห็นนางนอนอยู่ในเปล!”
“พวกเราล้วนเฝ้าอยู่ในห้อง ไม่มีผู้ใดเข้ามาสักหน่อย!”
พวกผู้ใหญ่อกสั่นขวัญแขวน คุณหนูเล็กหายไปต่อหน้าต่อตาพวกนาง เช่นนี้จะทำอย่างไรละ?
“สิ่งใดหายไป?” อิ่งลิ่วถามเมื่อเข้ามาในห้อง
สาวใช้ตกใจร้องไห้ “คุณหนู…คุณหนูหายไปเจ้าค่ะ…”
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันรีบรุดไปดูเปล ไม่ใช่กระมัง จู่ๆ ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยก็หายตัวไป? หรือว่าจะมีคนฉวยโอกาสในยามที่พวกเขาไม่อยู่มาขโมยราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยไป?
“ข้าไปหาเอง!” อิ่งลิ่วหันหลังเตรียมเดินออกไป
“ไม่ต้อง กลับมาให้หมด” เยี่ยนอ๋องพูดอย่างใจเย็น
ทั้งสองตะลึงงันมองเยี่ยนอ๋องด้วยความสับสน ฟังจากน้ำเสียงของเยี่ยนอ๋อง คล้ายกับรู้แล้วว่าราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยหายไปที่ใด?
“ถูกคุณชายของพวกเจ้าอุ้มไป” แม้จะไม่เห็น แต่บิดากับบุตรจิตใจเชื่อมโยง ไหนเลยเยี่ยนอ๋องจะเดาไม่ได้ว่านี่เป็นฝีมือของเยี่ยนจิ่วเฉา?
ทั้งสองคิดแล้วก็จริงอยู่ แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะเข้าออกจวนบ่อยครั้ง ทว่าให้ความสนใจความเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้อยู่เสมอ หากมีหัวขโมยแอบเข้าจวนมา คงถูกคุณชายฆ่าทิ้งไปนานแล้ว
หลังจากคิดได้เช่นนี้ คนเดียวที่สามารถขโมยราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยได้ก็มีเพียงคุณชายจริงๆ
“แต่…” อิ่งลิ่วถามด้วยความงุนงง “เหตุใดคุณชายถึงพาคุณหนูเล็กไปโดยไม่พูดสักคำ? เขาจะพาคุณหนูเล็กไปที่ใด?”
คนอื่นอาจไม่เข้าใจความคิดของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เยี่ยนอ๋องรู้ดี เขาถอนใจด้วยความเจ็บปวด “ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ใด”
บิดารู้จักบุตรดีที่สุด
เยี่ยนอ๋องเดินผ่านทางเดิน พบต้นไม้สูงตระหง่านในส่วนที่ถูกทิ้งร้างของสวนด้านหลังจวน ต้นไม้ต้นนี้มีรูโหว่ เยี่ยนจิ่วเฉาถามเยี่ยนอ๋อง ‘ท่านพ่อ มันจะเจ็บหรือไม่?’
เยี่ยนอ๋องเอ่ยว่าเป็นไปได้
จิ่วเฉาน้อยให้คนมาอุดช่องโหว่นั้น
หลังจากนั้น จิ่วเฉาน้อยก็มักพาเยี่ยนอ๋องไปดูอาการของมัน เยี่ยนอ๋องสร้างห้องเล็กๆ ให้เขาหลังต้นไม้
เมื่อเยี่ยนอ๋องมาถึงหน้าห้อง ภายในห้องมืดสนิท ดูไม่เหมือนมีผู้ใดอยู่ข้างใน
เยี่ยนอ๋องมองประตูที่ปิดสนิทและเอ่ยด้วยความมั่นใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ข้างใน ออกมาเถอะ”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ออกมา
เยี่ยนอ๋องเอ่ยต่อ “แค่เก็บเลือดที่นิ้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หมอเทวดาชุยลงมือรวดเร็ว นางไม่เจ็บหรอก”
“ไม่!” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
เขากอดบุตรีตัวน้อยของเขาแน่น
แม้จะรู้ว่าเลือดของนางเป็นยาของตนตั้งแต่แรก แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ เขาถึงรู้ว่าตนทำใจไม่ได้เพียงใด
“ฟังพ่อ ฉงเอ๋อร์”
“ไม่ฟัง!”
เยี่ยนอ๋องทอดถอนใจอย่างจนปัญญา เตรียมผลักประตูเข้าไป ผลักไปได้ครึ่งหนึ่งก็พบว่ามันไม่ขยับ
ในเวลานี้ อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วก็วิ่งมาถึง
ทั้งสองต่างลองผลักดู แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นเช่นเดิม
เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนที่สามารถกลืนกินได้แม้กระทั่งหลัวช่าวิญญาณ ใครจะทลายประตูของเขาได้?
ตราบใดที่เขาไม่ยินยอม คืนนี้ก็ไม่มีผู้ใดแย่งราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยไปจากเขาได้
ทว่า…รอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พิษของเขาเริ่มแพร่กระจาย หากไม่ได้รับเลือดของราชาศักดิ์สิทธิ์น้อย เขาจะตายจริงๆ
“คุณชาย……”
อิ่งลิ่วเอ่ยปาก แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็ถูกกำลังภายในวิชาอายุวัฒนะที่เย็นเยียบสะกดให้เป็นใบ้
อิ่งสือซันอ้าปากก็ถูกสะกดให้เป็นใบ้แทบจะในวินาทีเดียวกัน
ทั้งสองอกจะแตก ท่านฝึกฝนกำลังภายในจนแข็งแกร่งเช่นนี้ ก็เพื่อทำให้ลูกน้องตนหุบปากอย่างนั้นหรือ?
เยี่ยนจิ่วเฉากอดทารกในอ้อมแขนแน่น เขาไม่อยากให้เข็มทิ่มนาง ถึงไม่เจ็บก็ยอมไม่ได้!
ท่ามกลางความมืด เยี่ยนเสี่ยวซื่อลืมตากลมโตจ้องมองเยี่ยนจิ่วเฉาที่กอดตนไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น ทันใดนั้น นางยื่นมือน้อยๆ ออกไปตบเข้ากับผนังดังปัง
พลังกดดันของราชาศักดิ์สิทธิ์ดุจใบมีด เลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ร่วงหล่นไหลริน
………………………