หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 43 ไข่สามฟองหลงน้อง!
แอด——
ประตูถูกเปิดจากด้านใน
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มทารกเดินออกมา
ปลายนิ้วของทารกมีเลือดไหล
สีหน้าหลายคนผงะตกใจ เหตุใดอยู่ข้างในถึงมีเลือดไหล?
แน่นอน พวกเขาไม่มีทางคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนทำ ยิ่งเห็นฝุ่นบนผนังที่แขนเสื้อเด็กน้อยก็เข้าใจได้ว่านางตบด้วยตนเอง
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วใคร่จะเปล่งวาจา ทว่าเพราะถูกสะกดให้เป็นใบ้ จึงได้แต่ใช้มือทำท่าทาง—คุณชาย พาคุณหนูเล็กไปหาชุยเฒ่าเถอะ!
ใบหน้าเยี่ยนจิ่วเฉาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ให้ข้าเถอะ” เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เลือดไหลแล้ว อย่าปล่อยให้เสียเปล่าเลย”
เขากลัวว่าหากช้ากว่านี้ แม้แต่เลือดหยดนี้ บุตรชายของเขาก็จะไม่ยอมให้ชุยเฒ่าเก็บไป
เยี่ยนอ๋องรับหลานสาวตัวน้อยมา มองดูเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขน หัวใจของเขาก็อ่อนยวบ แต่เมื่อเห็นเลือดที่ปลายนิ้วนั้น เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวด
แต่ไม่ว่าอย่างไรนิ้วก็เป็นแผลแล้ว ไม่อาจปล่อยให้หลานสาวเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์
เยี่ยนอ๋องอุ้มหลานสาวไปที่ห้องของชุยเฒ่า
เยี่ยนจิ่วเฉาคลายสะกดให้อิ่งลิ่วและอิ่งสือซัน
ทั้งสองเร่งเท้าตามไป เดินไปพลางก็พึมพำไปพลาง
“คุณหนูเล็กช่างเป็นเด็กดีนัก ไม่ร้องไห้สักนิด”
“ใช่แล้ว…”
ก่อนที่ทั้งสองจะจบบทสนทนา ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยในอ้อมแขนเยี่ยนอ๋อง!
อิ่งลิ่ว “…”
อิ่งสือซัน “…”
ชุยเฒ่าเก็บเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยสองสามหยดลงในภาชนะพิเศษที่เตรียมไว้แต่เช้าตรู่ เวลานี้เขาเริ่มคิดถึงอวี๋หวั่นสุดหัวใจ แม้เด็กสาวผู้นั้นจะกวนอารมณ์เสียเอาการ แต่ก็ไม่เคยเหยาะแหยะเลือกงาน มีเธอเป็นลูกมือ การจัดเตรียมยาออกแรงเพียงครึ่ง ผลมากเป็นสองเท่า
นับประสาอะไรกับบัดนี้ งานทุกอย่างตกมาอยู่ที่ตนผู้เดียว เขาเองยังยุ่งจนหัวหมุน
เขาจัดการวัตถุดิบยาไปพลางตะโกนออกไปนอกประตู “อิ่งลิ่ว! มาช่วยข้าที!”
“อ้อ” อิ่งลิ่วส่งดาบยาวและกริชให้อิ่งสือซัน “ช่วยข้าถือหน่อย”
สำหรับหน่วยกล้าตายแล้ว การส่งอาวุธของตนให้อีกฝ่าย ไม่ต่างอะไรจากการหันหลังให้อีกฝ่าย นับเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างแรงกล้า
อิ่งสือซันเชื่อใจอิ่งลิ่วเสมอมา และแน่นอนว่าอิ่งลิ่วก็เชื่อใจเขาเช่นกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อิ่งลิ่วมอบอาวุธทั้งหมดของตนแก่เขา
“เจ้า…” ไม่เหลือสิ่งใดไว้ป้องกันตัวเลยหรือ?
แม้การช่วยชุยเฒ่าจัดเตรียมยาจะไม่มีอันตรายใดๆ แต่การเตรียมพร้อมรับมืออันตรายแม้ในยามสงบก็เป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในกระดูกของหน่วยกล้าตายมานานแล้ว ไม่มีหน่วยกล้าตายคนใดอยู่ในสภาพที่ไร้การป้องกัน
อิ่งลิ่วเอ่ย “ไม่ได้มีเจ้าคอยป้องกันอยู่ข้างนอกหรอกหรือ? ข้าไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวแล้ว!”
น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาตินั้นราวกับเอ่ยว่า วันนี้ฝนไม่ตก เหตุใดเขาต้องพกร่มไปด้วย?
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันได้ฝังแน่นลงในกระดูกคนทั้งสอง
“ได้สิ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” อิ่งสือซันกล่าว
อิ่งลิ่วคลี่ยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวเต็มปาก และหันหลังเดินเข้าห้องไป
ในวัตถุดิบยาหลักสี่ชนิด น้ำตาราชาพ่อมด เลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ และเห็ดหลินจือแดงล้วนถูกใส่ลงในเตาแล้ว แต่กลับไม่อาจใส่คางคกหิมะลงไปได้ อย่างไรมันก็เป็นสิ่งมีชีวิต โยนเข้าไปก็ตาย แม้ใส่ไปเช่นนั้นจะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา แล้วยังสะดวกยิ่งกว่า และแม้ว่ากระบวนการเก็บพิษกู่จะซับซ้อนมาก ทว่าหากเพียงเพราะกลัวความยุ่งยากจึงฆ่าสิ่งเล็กๆ ที่สวยงามเช่นนี้ ชุยเฒ่าทนไม่ได้จริงๆ
ชุยเฒ่าส่งผงยาห่อหนึ่งให้อิ่งลิ่ว “ป้อนสิ่งนี้ให้มันก่อน จากนั้นครึ่งชั่วยาม ร่างกายของมันเริ่มเป็นสีเขียวอ่อนค่อยเรียกข้า”
“อ้อ” อิ่งลิ่วรับผงยามา ป้อนยาให้คนนั้นง่าย ป้อนยาให้แมลงผู้ใดจะเชื่อ? โชคดีที่เป็นอิ่งลิ่ว ไม่ใช่อิ่งสือซัน ไม่เช่นนั้นด้วยอารมณ์ของอิ่งสือซัน เกรงว่าป้อนได้สองคำจะคลุ้มคลั่งโยนราชินีสัตว์พิษเข้าเตาเผาไปเสียก่อน!
ชุยเฒ่ามอบวัตถุดิบยาอีกสองสามชนิดส่งให้อิ่งลิ่วทีละอย่าง “อันนี้บดเป็นผง อันนี้หั่นเป็นแว่นเท่าๆ กันสามชิ้น เจ้าชั่งเอาเอง อย่าให้มากไปหรือน้อยไป หากต่างกันเพียงนิดคุณชายของเจ้าก็จะตาย!”
“เหตุใดถึงตายละ?” อิ่งลิ่วถามด้วยความสงสัย
“เพราะทั้งหมดนี่มันคือพิษ!” ชุยเฒ่ากล่าว
อิ่งลิ่วตกใจ “อะไรนะ? เจ้าวางยาพิษคุณชายหรือ?”
ชุยเฒ่าถลึงตาใส่เขา “นี่น่ะเรียกว่าพิษต้านพิษ! เลิกพูดไร้สาระ แล้วรีบไปปรุงยาซะ! คุณชายของเจ้าทนได้อีกไม่นานแล้ว!”
“อ้อ” อิ่งลิ่วรีบร้อนผสมยามาให้
ทั้งสองใช้เวลาถึงหกชั่วยามเต็มในห้องยาที่เยี่ยนอ๋องสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ยาวนานกว่าการคลอดบุตรของอวี๋หวั่น และในที่สุดก็ได้ยาถอนพิษออกมา
แต่หลังจากเยี่ยนจิ่วเฉากลับมาที่ห้องก็นอนกอดอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา บุตรีของเขาก็นอนอยู่ในอ้อมแขนอวี๋หวั่น เขาเพียงแค่กอดพวกนาง ฟังเสียงหายใจของสองแม่ลูก หัวใจของเขาก็รู้สึกอ่อนนุ่มลง
“อวี๋อาหวั่น” เขากดศีรษะลงที่คอของอวี๋หวั่น พลางสูดหายใจลึกๆ
“คุณชาย ยาถอนพิษพร้อมแล้ว”
เสียงของอิ่งสือซันดังขึ้นนอกประตู
“เข้าใจแล้ว” น้ำเสียงที่ตอบกลับเย็นชา ต่างจากความอ่อนโยนระหว่างเรียวคิ้วทั้งสองข้าง
เขาก้มลงจูบหน้าผากอวี๋หวั่น และหอมแก้มเล็กๆ ของบุตรี ก่อนจะลุกออกจากห้องไป
ชุยเฒ่าเหนื่อยจนแทบทรุด แต่ก็ยังยืนยันจะมอบยาให้เยี่ยนจิ่วเฉาด้วยตนเองและกำชับต่อหน้าว่า “ยานี้คือยาพิษ อย่ากินเข้าไปในคราวเดียวทั้งหมด ใช้วันละเม็ด ใช้กำลังภายในของเจ้านำพิษให้เคลื่อนที่ไปมาในร่างกาย จากนั้นก็ผลักพิษออกมา พิษนี้สามารถขับออกได้ และมันยังมีผลในการดูดซับไป๋หลี่เซียงเป็นอย่างดี กล่าวคือ หากเจ้าผลักมันออกมา พิษของไป๋หลี่เซียงก็จะออกมาด้วย
เจ้าต้องจำไว้ว่า หลังจากพิษแต่ละชนิดถูกขับออกจนหมดแล้ว อีกห้าชั่วยามจากนั้นค่อยกินเม็ดที่สอง อย่ารีบเร่งเกินไป และจะให้พลาดชั่วยามนี้ไม่ได้”
หากเป็นเช่นนี้ เยี่ยนจิ่วเฉาก็จำต้องเก็บตัวบำเพ็ญ
“ต้องใช้เวลานานเท่าใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
ปริมาณพิษคงที่ ช่วงเวลาระหว่างพิษกับพิษก็คงที่ ทว่าระยะเวลาการดูดซับพิษแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกัน สิ่งนี้สัมพันธ์กับระดับพิษในร่างกายและระดับของการฟื้นตัวของเขา ยิ่งฟื้นตัวดีเท่าใด พิษก็ยิ่งถูกขับออกเร็วขึ้นเท่านั้น
ชุยเฒ่าครุ่นคิดและเอ่ยว่า “เอ่อ…ข้าก็บอกไม่ได้ อาจเป็นหนึ่งเดือน หรืออย่างช้าก็สามเดือนห้าเดือน พิษจึงจะออกมา”
“นานเช่นนั้นเชียวหรือ?” อิ่งลิ่วถาม
ชุยเฒ่าเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นานเรอะ? คุณชายของเจ้าถูกพิษมาเกือบยี่สิบปี เจ้าคาดหวังให้พริบตาเดียวก็ถอนได้รึ!”
น้ำแข็งหนาสามฉื่อ มิใช่จากความหนาวเพียงวันเดียว เยี่ยนจิ่วเฉาเข้าใจความจริงนี้ดี พิษยิ่งรุนแรง การถอนพิษก็ยิ่งรวดเร็ว ไป๋หลี่เซียงที่ฆ่าคนให้ตายอย่างช้าๆ การถอนพิษก็ย่อมช้าเป็นธรรมดา
รอมาแล้วตั้งหลายปี หากต้องรออีกสองสามวันจะเป็นไร
ยิ่งไปกว่านั้นแยกจากกันเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ได้อยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต
เยี่ยนจิ่วเฉาไปปิดตัวบำเพ็ญแล้ว
เขาคลับคล้ายว่าตนลืมบางสิ่งบางอย่างไป เรื่องที่เขายังนึกไม่ออก
…
เมื่อคืนไข่น้อยทั้งสามผล็อยหลับไป ทันทีที่ลืมตาขึ้นในยามเช้า ก็ได้ยินคนพูดกันว่าน้องสาวของพวกเขาคลอดแล้ว ทั้งสามแทบรอจะไปที่ห้องของบิดามารดาไม่ไหวแล้ว!
ทั้งอวี๋หวั่นและน้องสาวกำลังหลับ ทั้งสามพยายามเคลื่อนไหวเบาๆ
พวกเขาหอมมารดาฟอดใหญ่ก่อน ก่อนจะไปดูน้องสาว
“เหตุใดเป็นน้องสาว? ไม่ใช่น้องชาย?” เสี่ยวเป่าอยากได้น้องชายมาตลอด น้องชายที่เหมือนหลัวช่าน้อย
แต่เมื่อเสี่ยวเป่าเห็นน้องสาวที่งดงามดุจหยกสลัก เขาก็ต้องลืมน้องชายไปทันที
น้องสาวช่างงดงามยิ่งนัก!
น้องสาวช่างน่ารักน่าชัง!
ต้าเป่าก้มลงหอมน้องสาว
เอ้อร์เป่าก็หอมน้องสาว
“ข้าด้วยๆ!” เสี่ยวเป่าเขย่งเท้า ทำริมฝีปากขมุบขมิบที่ใบหน้าของน้องสาว
ว้าว!
ใบหน้าน้องสาวช่างเรียบเนียนอ่อนนุ่ม!
เสี่ยวเป่าอยากหอมนาง แต่กลับเห็นน้องสาวลืมตาขึ้นเสียก่อน
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองพี่ชายทั้งสามที่กำลังน้ำลายไหลอยู่บนหน้าตน พลันหันหนีด้วยความรังเกียจ เอากำปั้นเล็กๆ กั้นใบหน้า
ต้าเป่า “…”
เอ้อร์เป่า “…”
เสี่ยวเป่า “…”
อีกด้านหนึ่ง เถี่ยตั้นน้อยก็กำลังรีบร้อนไปเยี่ยมน้องสาวเช่นกัน ไม่สิ หลานสาว แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว เขาไปหาองค์หญิงจิ่วก่อน
องค์หญิงจิ่วกำลังฝึกคัดลายมืออยู่ในห้อง
ทุกวันนี้เด็กหญิงในหมู่บ้านเหลียนฮวาเริ่มเข้าเรียนแล้ว และมีคนที่ฝึกคัดลายมือเช่นกัน แต่เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกว่าพวกนางคัดเขียนไม่งดงามเท่าองค์หญิงจิ่ว ท่าทางที่องค์หญิงจิ่วคัดเขียนช่างงดงามนัก!
เถี่ยตั้นน้อยเดินเข้าไป นอนลงบนโต๊ะและถามนางว่า “องค์หญิงจิ่ว อยากไปดูทารกน้อยกันไหม?”
องค์หญิงจิ่วหยุดชะงักถามเขาเบาๆ ว่า “ไปได้หรือ?”
“ไปได้แน่นอน! ไปกันเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไป!” เถี่ยตั้นน้อยเอ่ยพลางเดินอ้อมโต๊ะไปหาองค์หญิงจิ่ว ดึงมือเล็กๆ ของนางวิ่งไปที่ห้องพี่สาวและพี่เขย
ไข่น้อยทั้งสามไปหาของเล่นให้น้องสาว มีเพียงแม่นมคนหนึ่งเฝ้าอยู่
แม่นมพบทั้งสองก็รีบโค้งคำนับ “คุณชายน้อยเห้อเหลียน องค์หญิงจิ่ว”
เถี่ยตั้นน้อยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าออกไปเถอะ ข้ากับองค์หญิงจิ่วจะไปหาทารก!”
แม่นมผงะไปทันที อะไรคือ… ‘ข้ากับองค์หญิงจิ่วจะไปหาทารก’? ความรู้สึกที่ราวกับมีบิดามารดามาดูบุตร และสั่งให้คนอื่นถอยออกไปนี่มันอะไรกัน?
สุดท้ายแม่นมก็ต้องถอยออกไป
เขาเป็นคุณชาย ไหนเลยนางจะกล้าขัดขืน?
เถี่ยตั้นน้อยจูงมือองค์หญิงจิ่วไปที่เปล
เอ่ยตามตรง เยี่ยนเสี่ยวซื่อช่างงดงามนัก งดงามแม้กระทั่งนอนในนั้นยังไม่อาจหยุดยั้งเสน่ห์ที่เปล่งประกายออกมา
“น่ารักจริงๆ” องค์หญิงจิ่วเอ่ยพลางมองดูเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
“เจ้าเองก็น่ารักมาก” เถี่ยตั้นน้อยเอ่ยพลางหันไปมองนาง
องค์หญิงจิ่วหลุบตาลงด้วยความเขินอายเล็กน้อย
เถี่ยตั้นน้อยมองเยี่ยนเสี่ยวซื่อในเปลอีกครั้งและทอดถอนใจเบาๆ “น่าเสียดายที่เจ้าเป็นสตรี ใช้ชื่อโก่วตั้นไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร เจ้าชื่อยาตั้นได้!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “……!!!”
…
เถี่ยตั้นน้อยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่บวมปูด
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เดินออกมาเขาสะดุดธรณีประตู ล้มคะมำต่อหน้าองค์หญิงจิ่ว!
ยามนี้เขายังคงเดินกะโผลกกะเผลก โอ้ย ช่างน่าอับอายขายหน้า!
…
คราวนี้อวี๋หวั่นหลับไปเนิ่นนาน ตื่นขึ้นมาฟ้าก็มืดแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวซื่อถูกพาไปล้างเนื้อล้างตัว
ภายในห้องไร้โคมไฟ
แต่ที่ประตูมีสาวใช้เฝ้าอยู่ เธอจะบอกให้พวกนางนำตะเกียงเข้ามาก็ได้ แต่เหตุใดเธอต้องทำเช่นนั้น เธอเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เก่งที่สุดในหมิงตู เพียงจุดโคมไฟก็ต้องพึ่งสาวใช้หรือ?
เธอตะโกนอย่างสะลึมสะลือเหมือนเช่นเคย “สว่าง!”
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในห้อง ไม่มีก้อนใดที่ส่องสว่าง
“หือ?” อวี๋หวั่นขยี้ตาแล้วตะโกนอีกครั้ง “สว่าง!”
มันก็ยังไม่สว่างขึ้น
“เพราะข้าเหนื่อยเกินไปหรือ?”
อวี๋หวั่นไม่เชื่อ หลับตา กำหนดชี่จมตันเถียน (คิดไปเอง) เพ่งสมาธิรวบรวมชี่ (คิดไปเอง) ปล่อยพลังกดดันของสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สุดทรงพลัง (ซึ่งไม่มีอยู่จริง)!
“สว่าง!”
ไม่มีศิลาก้อนใดสว่างขึ้นเช่นเคย
อวี๋หวั่นมองมือของตนอย่างไม่เชื่อสายตา “หรือนี่…จะเป็นอย่างที่ตำนานว่าไว้…คลอดบุตรแล้ว…พลังเวทย์จะหายไป?”
เธอไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในหมิงตูแล้ว เธอ อวี๋หวั่นกลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว!
ฮือ สิ่งที่ต้องแลกกับการมีบุตรใหญ่หลวงเกินไปแล้ว!
…………………