หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 44 ยอดฝีมือเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนเสี่ยวซื่อ!
เรื่องเยี่ยนจิ่วเฉาปิดตนบำเพ็ญเพียรเพื่อถอนพิษไม่ได้แพร่ไปสู่ภายนอก จุดประสงค์หลักเพื่อป้องกันไม่ให้คนพาลมาก่อเรื่องที่จวนคุณชาย อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องสังหารเยี่ยนจิ่วเฉา เพียงแค่ขัดจังหวะการถอนพิษก็เพียงพอแล้ว…
พลาดพลั้งเพียงจุดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ความพยายามที่ผ่านมาของเยี่ยนจิ่วเฉาสูญเปล่า
เยี่ยนอ๋องไม่กล้าเอาชีวิตบุตรชายมาเสี่ยง เขาจึงพยายามปิดข่าวนี้ให้สนิทที่สุด
เพียงแต่เยี่ยนจิ่วเฉารับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ในเดือนเดือนหนึ่งเขาไม่อาจเพิกเฉยเหล่าขุนนางในราชสำนักได้ โชคดีที่อวี๋หวั่นเพิ่งคลอดบุตร เด็กผู้นี้เกิดมาทันเวลาพอดี ไม่เพียงแต่ให้วัตถุดิบยาสำคัญแก่บิดา ยังทำให้เยี่ยนจิ่วเฉามีเหตุผลไม่ไปว่าราชการอีกด้วย
แม้การสังหารข้าราชการที่ทุจริตคดโกงของเยี่ยนจิ่วเฉาจะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ ทว่าก่อนหน้านั้นทุกคนได้มีภาพจำของเยี่ยนจิ่วเฉามาตลอด นั่นคือประการที่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อถือ ประการที่สอง ไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง!
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าเขาประหารขุนนางทุจริตเพราะเหตุใดกันแน่?
ข้าราชการทุจริตสมควรถูกฆ่าทิ้งไม่ผิด ทว่าการตัดเอวหรือแล่เนื้อเถือหนังก็โหดร้ายเกินไปหน่อยมิใช่หรือ?
ผู้สำเร็จราชการบ้าบออะไรนี่เป็นจอมเผด็จการชัดๆ
แล้วการส่งไข่แดงสองฟองพร่ำเพรื่อนั่นมันเรื่องอะไรกัน? ตอนแต่งงานก็ส่ง กลับเมืองก็ส่ง ทั้งยังขู่เอาของขวัญแทนคำขอบคุณจากพวกเขา! กระทั่งพระชายาคลอดบุตรจริงๆ เขากลับไม่ส่ง!
เยี่ยนจิ่วเฉาที่บำเพ็ญตนอยู่ในห้องปิด ในที่สุดก็นึกถึงสิ่งที่ลืมขึ้นมาได้ ไข่แดง! สองฟอง!
กล่าวโดยสรุป ภาพของเยี่ยนจิ่วเฉาในใจของเหล่าขุนนางก็คือคนบ้าเจ้าอารมณ์ จู่ๆ เขาจะนำเรื่องจวนคุณชายมาถึงท้องพระโรง พวกเขาก็ไม่แปลกใจสักนิด
“ผู้สำเร็จราชการต้องอยู่ดูแลพระชายากับคุณหนูเล็ก คุณหนูเล็กไม่ต้องการผู้ใดนอกจากผู้สำเร็จราชการ ทันทีที่ผู้สำเร็จราชการจากไป นางก็จะร้องไห้งอแง ไม่มีหนทางอื่น ได้แต่ลำบากใต้เท้าทั้งหลายให้ส่งฎีกามาที่จวนคุณชาย ทว่าพวกท่านโปรดวางใจ ฎีกาของพวกท่าน ผู้สำเร็จราชการจะต้องอ่านทุกฉบับแน่นอน!”
ลุงวั่นไปบอกกล่าวที่ตำหนักจินหลวน
“เช่นนั้น…ส่งฎีกาแล้ว พวกเราก็ไปได้แล้วใช่หรือไม่?” ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งถามอย่างรอบคอบ
ลุงวั่นยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หากคุณหนูเล็กไม่งอแงละก็ ผู้สำเร็จราชการจะต้องปลีกตัวมาพบทุกท่านได้แน่”
ได้โปรดเถอะ คุณหนูเล็ก ได้โปรดงอแงต่อไป! งอแงให้เต็มที่! อย่าปล่อยให้บิดาท่านออกมาทำร้ายพวกเราเลย!
อันที่จริงหากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงมีข้อสงสัยมากมาย แต่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เหมือนกัน ต่อให้ไม่เอ่ยถึงความประสาทบ้าบอของเขา เขาก็ยังหวงแหนอวี๋หวั่นเสมอ ยามนั้นฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยกับการอภิเษก เขายังเลือกขัดแย้งกับฮ่องเต้ เรือนหลังของเขาก็ไม่มีสตรีอื่น ความรักที่เขามีต่ออวี๋หวั่นประจักษ์ไปทั่วเมืองหลวง
แม้ว่าการจัดการของเขาจะไม่น่าเชื่อถือ แต่ทุกคนต่างต้องยอมรับว่าเยี่ยนจิ่วเฉาทุ่มเทให้ภรรยาและบุตรของเขาอย่างเต็มที่ นี่เป็นจุดเดียวที่ทุกคนไม่อาจหาคำใดมาวิพากษ์วิจารณ์เขาได้
เหล่าขุนนางเองก็มีความสุขไม่น้อย มอบฎีกาให้จวนคุณชายก็เสร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดหาทางออก เค้นทุกรอยหยักในสมองเพื่อสรรเสริญคนเช่นเมื่อก่อน พวกเขาชื่นชมมานานจนเกือบจะหมดปัญญาอยู่แล้ว
ไม่มีใครคิดว่ามีสิ่งใดผิดปกติ นอกจากรัชทายาท เยี่ยนไหวจิ่ง
บนรถม้ากลับจวน เยี่ยนไหวจิ่งถามจวินฉางอัน “คนที่ส่งไปไม่พบชุยเฒ่ารึ?”
“ไม่พบขอรับ” จวินฉางอันกล่าว “ชุยเฒ่าใช้ยาพิษขับไล่ไปแล้ว”
เยี่ยนไหวจิ่งพึมพำ “เขารู้จักการใช้พิษแล้วรึ เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน”
ชุยเฒ่าในอดีตเป็นเช่นไร เยี่ยนไหวจิ่งไม่ได้บอกว่าตนเข้าใจทั้งสิบส่วน ทว่าอย่างน้อยก็มีแปดส่วน ชุยเฒ่าไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่ถูกบังคับให้ขึ้นเรือโจรของสวี่เสียนเฟยเท่านั้น และทำสิ่งที่สวี่เสียนเฟยไม่อาจออกหน้าทำเองได้ ทว่าส่วนมากเป็นเพียงการให้ยาห้ามครรภ์ หรือไม่ก็ให้โชคดีกับสวี่เสียนเฟย เขาทำร้ายคนเพียงครั้งเดียวคือทำให้สนมคนหนึ่งแท้งบุตร แต่ผลปรากฎว่าสนมผู้นั้นทนไม่ไหว และตายไปพร้อมกับบุตรในครรภ์ในที่สุด
หลังจากครั้งนั้น ชุยเฒ่าก็ขอลาออก
เพื่อให้สวี่เสียนเฟยวางใจ เขาจึงสาบานว่าจะไม่ใช้วิชาการแพทย์ของตระกูลชุยอีกชั่วชีวิต ทำให้เขากลายไปเป็นนักต้มตุ๋นในชนบทแทน
สวี่เสียนเฟยไม่ใช่คนใจอ่อน นางวางใจปล่อยเขาไป ในแง่หนึ่งเพราะนางรู้จักนิสัยตัวตนของชุยเฒ่าดี นางเชื่อว่าชุยเฒ่าจะไม่ทรยศหักหลังนาง
ความจริงแล้วชุยเฒ่าไม่มีทางทำร้ายนาง หลังจากร่วมงานกับกลุ่มของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาก็มีหน้าที่เพียงรักษาเยี่ยนจิ่วเฉาเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนในสงครามสองมารดาบุตรสวี่เสียนเฟยและเยี่ยนจิ่วเฉาเลย
แต่เยี่ยนไหวจิ่งก็ยังคิดว่าชุยเฒ่าเปลี่ยนไป คล้ายกับมีความกล้าและอาจหาญมากขึ้น
เยี่ยนไหวจิ่งเพิ่งได้ข่าวไม่กี่วันก่อน ที่แท้เยี่ยนจิ่วเฉาไปที่หนานจ้าวก็เพื่อตามหาวัตถุดิบยาสำคัญ ที่แท้เยี่ยนจิ่วเฉาก็ถูกพิษสองชนิด ชนิดแรกคือพิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียงที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบให้เขา อีกชนิดหนึ่งคือไป๋หลี่เซียงที่ฮ่องเต้ตี้จีองค์ก่อนวางยาเขา
พิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียงถูกถอนออกไปแล้ว และวัตถุดิบยาสำคัญสำหรับไป๋หลี่เซียงก็ถูกรวบรวมมาได้ทั้งหมดแล้ว
เยี่ยนไหวจิ่งยากจะจินตนาการว่าพวกเขามารวมตัวกันอย่างไร เรื่องราวความเป็นมาเหล่านั้น เขาฟังแล้วยังรู้สึกเหลือเชื่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรข่าวกรองก็ล้วนเป็นความจริง ไม่เชื่อคงไม่ได้
ชุยเฒ่ายังกลายมาเป็นหมอประจำตัวของเยี่ยนจิ่วเฉา เมื่อนึกถึงคนของตน หลังจากแย่งอวี๋หวั่นไปแล้ว นี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาแย่งไป ความเคียดแค้นชิงชังที่สั่งสมมาแต่อดีต ทำให้เยี่ยนไหวจิ่งไม่อยากเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาหายกลับเป็นปกติ
เขาส่งคนไปจับตัวชุยเฒ่า หวังให้เยี่ยนจิ่วเฉาไร้วัตถุดิบยาหลัก ไม่อาจทำยาถอนพิษ ท้ายที่สุดก็พิษกำเริบตาย!
แต่คนของเขากลับล้มเหลว
แล้วเวลานี้เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังหายหน้าหายตาไปอีก
หากเขาเดาไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นก็คงจะไม่สมเหตุสมผลนัก
“องค์รัชทายาท…ต้องการให้ตามหาชุยเฒ่าต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ครานี้ข้าจะไปด้วยตนเอง” จวินฉางอันเอ่ยปาก
เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่จำเป็น บัดนี้ยาถอนพิษคงถูกปรุงออกมาแล้ว ต่อให้ตามหาชุยเฒ่าไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าเดาว่าเยี่ยนจิ่วเฉากำลังปิดตนบำเพ็ญเพื่อล้างพิษ เจ้าไปสืบดูว่าเขากำลังบำเพ็ญอยู่ที่ใด!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
…
ณ หอวั่งเยว่แห่งจวนรัชทายาท
ภาพใบหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะของชายสวมชุดคลุม สตรีในรูปมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นอวี๋หวั่นที่เคยมีท้องใหญ่โต
ทว่าไม่ใช่อวี๋หวั่นผู้มีท้องใหญ่โตในปีนี้ แต่เป็นอวี๋หวั่นที่เยี่ยนไหวจิ่งพบในสวี่โจวเมื่อสามปีก่อน
นี่คือภาพที่เยี่ยนไหวจิ่งวาดด้วยหมึกซึ่งวางอยู่ในห้องตำราของเขา
ห้องตำราของเขา แม้แต่หานจิ้งซูก็ยังไม่อาจไปแตะต้องได้ง่ายๆ เยี่ยนไหวจิ่งจึงไม่เคยคิดว่ามันอาจถูกใครขโมยไป
หากจะกล่าวว่าเหตุใดชายสวมชุดคลุมถึงขโมยภาพวาดของเยี่ยนไหวจิ่ง ความจริงเป็นเพราะความเข้าใจผิด ระยะนี้เยี่ยนไหวจิ่งติดต่อกับหนานจ้าวอย่างใกล้ชิด ทำให้ชายสวมชุดคลุมคิดว่าเยี่ยนไหวจิ่งสงสัยในตัวพวกตน และกำลังส่งคนมาตรวจสอบพวกเขา
ล่าสุดมีข่าวส่งมาจากหนานจ้าว ชายสวมชุดคลุมต้องการรู้ว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ ผลสุดท้ายทำให้ได้พบกับภาพวาดใบนี้
บนภาพวาดไม่มีตราประทับใดๆ แต่พวกเขาสอบถามข้ารับใช้ในจวนรัชทายาทแล้ว มีองครักษ์คนหนึ่งจำได้ว่านางคือพระชายาผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนปัจจุบัน
ทว่าปีนี้พระชายาเพิ่งมีอายุได้เพียงสิบแปดปี ต่างจากหัวขโมยหญิงผู้นั้น แต่ดูจากลักษณะที่คล้ายคลึงกันแล้ว ชายสวมชุดคลุมก็เดาได้ไม่ยากว่านางเป็นบุตรีของหัวขโมยนั่น
นี่จึงสามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดเขาถึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากทิศจวนคุณชาย
หัวขโมยนั่นต้องขโมยไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปให้บุตรีของตนเป็นแน่
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเอ่ยถึง เมื่อคืนเขาสัมผัสได้ถึงไอปราณเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนเขาจะเข้าถึงเขตพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
ปฏิกิริยาแรกของชายสวมชุดคลุมคือ หัวขโมยหญิงเองก็มีสายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์? บุตรีนางก็เช่นกัน? และบุตรีของนางก็ใช้ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำลายราชาศักดิ์สิทธิ์?
ไม่แปลกที่ชายสวมชุดคลุมจะคิดเช่นนั้น จริงๆ แล้วยามอยู่ในเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เคยเห็นผู้ใดเกิดมาก็เป็นราชาศักดิ์สิทธิ์เลย!
“นายท่าน คิดจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ?” สตรีพิษถาม
ชายสวมชุดคลุมเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “นำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาให้ได้ก่อน! ส่วนสตรีผู้นั้น รอให้ได้ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ยังกลัวจะจัดการนางไม่ได้อีกหรือ?”
เมื่อมีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะครอบครองพลังแห่งราชาศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการสืบทอดของเผ่าศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์ พลังแห่งเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หัวขโมยคนหนึ่งจะเทียบได้ ชายสวมชุดคลุมจึงไม่คิดว่า ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่หัวขโมยชุบเลี้ยงมาจะแข็งแกร่งไปกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้!
อีกอย่างสตรีผู้นั้นเพิ่งคลอดบุตร ร่างกายย่อมอ่อนแอ ต่อให้มีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่อาจทานทน!
“เลี่ยเฟิงตายแล้ว ท่านคิดจะส่งผู้ใดไปเจ้าคะ?” สตรีพิษถาม
ชายสวมชุดคลุมเอ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าอย่าลืมเก็บภาพวาดนี้คืนกลับไปให้เป็นเช่นเดิม อย่าให้รัชทายาทสงสัย”
“เจ้าค่ะ” สตรีพิษตอบ
ชายสวมชุดคลุมออกจากจวนรัชทายาทไป
เขามาตามหาไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ต้าโจวได้ ย่อมไม่ได้มียอดฝีมือเลี่ยเฟิงเพียงผู้เดียว ไพ่ตายของเขายังไม่เคยเผยออกมาเสียด้วยซ้ำ
ชายสวมชุดคลุมมาถึงเรือนที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่นหลังหนึ่ง และพบผู้พิทักษ์ดาบเงินแห่งเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่หลบซุ่มอยู่ที่นี่
ผู้พิทักษ์ดาบเงินเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ด้อยไปกว่าราชาซิวหลัวระดับสูงตนใด
สิ่งที่เผ่าศักดิ์สิทธิ์กับเผ่าพ่อมดไม่เหมือนกัน คือเผ่าศักดิ์สิทธิ์ก้าวหน้าในด้านวรยุทธ์มากกว่า เป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งหมิงตูจึงไม่เป็นสองรองใคร
เทียบกับราชาซิวหลัวในเขตพลังเดียวกัน พลังการต่อสู้ของดาบเงินเผ่าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังแข็งแกร่งและอันตรายยิ่งกว่า!
ชายสวมชุดคลุมเอ่ย “พวกเจ้าทั้งสาม คืนนี้ลอบเข้าจวนคุณชาย นำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กลับมา!”
“ขอรับ!”
………………………