หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 45 จอมมารน้อยมาแล้ว!
หลังจากอวี๋หวั่นให้กำเนิดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็พักฟื้นอยู่ในห้องไม่ไปไหน เพื่อให้เธอพักผ่อนอย่างเต็มที่และเยี่ยนจิ่วเฉาถอนพิษอย่างสงบสุข
พวกเขาตัดสินใจไม่จัดพิธีทรงสามและวันครบเดือนให้ใหญ่โตนัก รอจนอายุครบหนึ่งปีค่อยเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ด้วยกัน
ตอนเย็นอวี๋หวั่นกินอาหารอิ่มแล้ว เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็กินจนอิ่มหนำ เรอเล็กๆ สองครั้งในอ้อมแขนอวี๋หวั่น
แม้จะบอกว่าการคลอดนางทำให้สายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ของตนหมดสิ้นไป แต่ผู้ใดให้เป็นสายเลือดแท้ๆ เล่า จะไม่รักได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นโอบกอดเยี่ยนเสี่ยวซื่อด้วยอารมณ์ซับซ้อน ทอดถอนใจยาวเหยียด “เจ้าโตขึ้นต้องเป็นเด็กดีนะ รู้หรือไม่ว่าเพื่อให้กำเนิดเจ้า แม่ต้องจ่ายไปมากมายเท่าใด? เดิมทีแม่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเหนือผู้ใด ทว่ายามนี้กลับไม่เป็นสิ่งใดแล้ว หากต่อไปเจ้าไม่เชื่อฟังแม่ แม่จะตีเจ้า!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “…”
อวี๋หวั่นกอดบุตรสาวตัวน้อยพูดคุยกันไปสักพัก สองมารดาบุตรก็ง่วงนอน
เมื่อเห็นเปลือกตาสองแม่ลูกเริ่มปิดปรือเป็นจังหวะสอดประสาน ผิงเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาอย่างอดกลั้น
นางค่อยๆ เดินเข้าไปเหยียดมือหาเยี่ยนเสี่ยวซื่อ “ฮูหยินน้อย ท่านเหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะอุ้มคุณหนูเล็กไปก่อน แล้วอีกเดี๋ยวค่อยอุ้มกลับมา”
เพื่อให้อวี๋หวั่นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในตอนกลางคืน เยี่ยนเสี่ยวซื่อจะมีแม่นมคอยดูแล แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ได้นอนกับแม่นม หลังจากนางกินอิ่มแล้วก็จะกลับไปที่ห้องของอวี๋หวั่นและนอนในเปลของนางเอง
“อื้ม” อวี๋หวั่นตอบอย่างสะลึมสะลือ ส่งทารกหญิงให้ผิงเอ๋อร์
เยี่ยนเสี่ยวซื่อลืมตาอย่างเกียจคร้านเหลือบมองผิงเอ๋อร์ ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง
ผิงเอ๋อร์รู้สึกขบขัน ท่าทางคุณหนูเล็กเมื่อครู่คล้ายกับไม่วางใจคนที่จะอุ้มนางออกไป ต้องดูว่าเป็นคนรู้จักหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นนางถึงหลับลงอีกครั้งอย่างสบายใจ
ตนคงคิดมากไปกระมัง เด็กแรกเกิดจะมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร?
ผิงเอ๋อร์พาทารกหญิงไปหาแม่นม
แม่นมถูกลุงวั่นคัดเลือกเข้ามาด้วยตนเอง ภูมิหลังทางครอบครัวใสสะอาด ร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดี นางอายุมากกว่าอวี๋หวั่นสองเดือน และมีบุตรีหนึ่งคนเช่นกัน มีน้ำนมมากจนดื่มไม่หมด คุณหนูเล็กดื่มนมของนางแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น ในระหว่างวันก็ยังคงดื่มนมของอวี๋หวั่น นางให้นมเด็กสองคนได้โดยไม่มีความกดดันใดๆ
ตอนแรกลุงวั่นให้นางพาบุตรมาอยู่ด้วย ความจริงก็เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย คุณหนูเล็กกินอย่างไร บุตรของนางก็กินอย่างนั้น เช่นนี้จึงจะไม่เกิดการคิดไม่ซื่อ
จริงๆ เวลานี้ก็ยังไม่ดึกนัก เยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่ในห้องแม่นมหนึ่งชั่วยาม ดื่มนมไปอีกมื้อ ก่อนจะถูกผิงเอ๋อร์อุ้มกลับไปที่ห้องของอวี๋หวั่น
ผิงเอ๋อร์ออกมาจากห้องและทำมือส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ในจวนเงียบลง “ฮูหยินน้อยกับคุณหนูเล็กหลับไปแล้ว พวกเราเงียบๆ หน่อย”
อยู่ที่นี่หนึ่งเดือน ผิงเอ๋อร์ได้เรียนรู้สำเนียงม้วนลิ้นของเมืองหลวง แต่เวลาพูดก็ยังอึดอัดอยู่บ้าง
ทุกคนล้วนเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เรือนที่คึกคักก่อนหน้าเงียบลงในชั่วพริบตา เห็นๆ ว่ามีคนกำลังทำงานแต่กลับไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขากำลังเล่นละครใบ้
เวลานี้มีเงาสูงใหญ่ร่างหนึ่งลอบเข้าจวนคุณชายมาอย่างเงียบๆ
คนผู้นี้วรยุทธ์สูงส่ง วิชาตัวเบายิ่งโดดเด่นหาใดเปรียบ เขาเลือกมุมที่อับคนที่สุดในจวนคุณชาย ตามหลักแล้วไม่มีทางที่องครักษ์ในจวนจะสังเกตเห็น แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเพียงแค่เท้าสัมผัสพื้น เงาดำอีกร่างกลับเหาะลงมาตรงหน้า
จวินฉางอันสงสัย
นี่มันเรื่องอะไรกัน? มุมอับเช่นนี้ยังมีองครักษ์เฝ้ายามอีกหรือ?
เมื่อเห็นลักษณะของคนที่มาได้ชัดเจน ความสงสัยในใจกลับยิ่งมากขึ้น
อิ่งสือซัน?
อิ่งสือซันถือดาบยาวเหาะลงมาด้านหน้าจวินฉางอัน
จวินฉางอันมั่นใจมากว่าตนใช้กำลังภายในสำรวจรอบทิศก่อนจะข้ามกำแพงมา อย่างน้อยในระยะยี่สิบจั้งก็ไม่มียอดฝีมือ หรือก็หมายความว่าอิ่งสือซันพุ่งมาจากจุดที่ไกลออกไปอย่างน้อยยี่สิบจั้ง
จวินฉางอันไม่คิดว่าอิ่งสือซันบังเอิญผ่านมาแถวนี้ หรือคาดเดาสิ่งที่เขาจะทำได้ล่วงหน้า ทว่าเขาข้ามกำแพงจึงเกิดไอปราณเคลื่อนไหว ทำให้อิ่งสือซันรับรู้มุ่งหน้ามาทางนี้
แต่นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง?
คนผู้นี้ผ่านสิ่งใดมากันแน่? เหตุใดมีวิชาตัวเบาที่น่ากลัวเช่นนี้?
ในฐานะนักดาบยอดฝีมือ วิชาดาบของจวินฉางอันเหนือกว่าอิ่งสือซันก็จริง ทว่ายามนี้จวินฉางอันกลับไม่มั่นใจเช่นนั้นเสียแล้ว
เทียบกับปีก่อน ไอปราณของอิ่งสือซันเปลี่ยนไปมาก เขาไม่อยากเชื่อว่าคนตรงหน้าเขา…คือครึ่งหน่วยกล้าตายผู้นั้นจริงๆ
“เจ้า…” จวินฉางอันอ้าปากอำๆ อึ้งๆ ถูกคนจับได้ บอกว่าไม่อับอายก็คงจะโกหก หากสู้กัน…เขารู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ไม่อาจสู้ได้
จวินฉางอันกระแอม “หากข้าบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อดื่มกับเจ้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
ดาบยาวของอิ่งสือซันฟาดฟันไปที่จวินฉางอันอย่างดุเดือด
จวินฉางอันตระหนกตกใจ “เฮ้ๆๆ! เจ้าไม่พูดไม่จาก็จะฆ่าคนแล้วรึ?”
อิ่งสือซันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้บุกรุกจวนคุณชายต้องสังหารไร้ความปรานี!”
เยี่ยนไหวจิ่งเห็นจวนคุณชายเป็นดั่งหนามยอกอกมาตลอด หากจะส่งคนมาสืบข่าวก็ไม่แปลก ทว่าสิ่งที่แม้แต่จวินฉางอันก็คาดไม่ถึง นั่นคือจวนรัชทายาท นอกจากเขาแล้ว ยังมียอดฝีมือมาอีกสามคน
และเพราะเขาได้ดึงดูดพลังต่อสู้ทั้งหมดของอิ่งสือซันไว้แล้ว จึงทำให้สามคนนั้นกระโดดเข้าจวนไปได้อย่างง่ายดาย
ผู้พิทักษ์ดาบเงินทั้งสามมีแผนที่จวนคุณชายอยู่ในมือ แผนที่นี้ไม่ใช่ความลับ เพราะอย่างไรจวนคุณชายก็ถูกสร้างมานานหลายปีแล้ว มีผู้คนแวะเวียนมาตั้งไม่รู้เท่าใด
ผู้พิทักษ์ดาบเงินชี้เรือนหลังหนึ่งบนแผนที่ ซึ่งเป็นเรือนหลักที่พระชายาผู้สำเร็จราชการอาศัยอยู่ แต่พื้นที่ในเรือนนี้มีความพิเศษอยู่เล็กน้อย ทางที่รวดเร็วที่สุดคือเดินผ่านเรือนของเยี่ยนอ๋อง
เรือนทั้งสองเชื่อมต่อกันโดยมีทางเดินคั่นกลาง
อิ่งลิ่วไปตรวจสอบเรื่องหัวขโมยที่เรือนของชุยเฒ่า เดิมทีมีอิ่งสือซันเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ทว่าอิ่งสือซันไปสู้กับจวินฉางอันแล้ว ที่นี่จึงเหลือเพียงหน่วยกล้าตายและทหารองครักษ์จวนคุณชายเท่านั้น
ทหารองครักษ์เหล่านี้มีมากพอจะจัดการกับยอดฝีมือแห่งเมืองหลวง ทว่าในสายตาผู้พิทักษ์ดาบเงินแห่งเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขายังห่างไกลอีกมาก
ทั้งสามหลบเลี่ยงมาได้อย่างง่ายดาย และลอบเข้าเรือนของเยี่ยนอ๋อง
เยี่ยนอ๋องกำลังทบทวนฎีกาที่ถูกส่งมาจากท้องพระโรงในห้องตำรา ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีผู้ใดลอบเข้ามา แต่ทว่าเขายกมือขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ คล้ายกับเห็นบางอย่างแวบผ่านหน้าต่างไป
“เข้ามานี่หน่อย” เขาเรียก
เด็กรับใช้ผลักประตูเข้ามา “ท่านอ๋อง ท่านมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือขอรับ?”
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เจ้าไปดูนอกหน้าต่างซิ มีใครอยู่หรือไม่?”
“ขอรับ” เด็กรับใช้เดินอ้อมไปนอกหน้าต่าง มองรอบๆ แล้วกลับมารายงาน “เรียนท่านอ๋อง ไม่เห็นใครเลยขอรับ”
ผู้พิทักษ์ดาบเงินทั้งสามกลั้นหายใจ ซ่อนตัวอยู่บนหลังคา
พวกเขาเองยังตกตะลึง บุรุษไม่มีวรยุทธ์กลับมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมเช่นนี้ กระทั่งองครักษ์หรือหน่วยกล้าตายในจวนก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติ
ทั้งสามมองหน้ากัน แสดงออกว่าพวกตนต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้เสียแล้ว
“คุณหนูเล็กเป็นอย่างไรแล้ว?” เยี่ยนอ๋องถาม
เด็กรับใช้ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่บ่าวไปถามมา นางเพิ่งดื่มนมไปอีกมื้อแล้วก็หลับไปขอรับ”
“อื้ม” เยี่ยนอ๋องพยักหน้าและจัดการราชกิจต่อไป
ทั้งสามกำลังจะเหาะไปที่เรือนของอวี๋หวั่น แต่เยี่ยนอ๋องก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เถี่ยตั้นน้อยกับพวกต้าเป่าเข้านอนกันหรือยัง?”
ทั้งสามสูดหายใจเฮือก เจ้ายังไม่จบอีกหรือ?
“บ่าวจะไปดูให้ขอรับ” เด็กรับใช้เดินออกไปอีกครั้ง และกลับไปหาเยี่ยนอ๋องด้วยรอยยิ้ม “ยังขอรับ กำลังอาบน้ำ อีกเดี๋ยวก็คงเข้านอนแล้ว ท่านอ๋องอยากพบพวกเขาหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่เป็นไร ให้พวกเขานอนกันเถอะ” เยี่ยนอ๋องกล่าว
ในที่สุดเยี่ยนอ๋องก็ไม่ขอให้เด็กรับใช้ไปดูผู้ใดอีก
ทั้งสามพยักหน้าเบาๆ เหาะมุ่งหน้าไปที่เรือนของอวี๋หวั่น
เมื่อเทียบกับแสงโคมไฟที่สว่างจ้าในเรือนของเยี่ยนอ๋อง ข้ารับใช้ส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ไปพักผ่อนกันหมดแล้ว ในที่สุดทั้งสามก็พบห้องของอวี๋หวั่นและลอบเข้าไปเงียบๆ
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยไอปราณที่ทรงพลังออกมาก็ต่อเมื่อมีการสังเวยเท่านั้น หากไม่ทำการสังเวย ก็ไม่ต่างอะไรจากไข่มุกธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจสัมผัสได้ว่ามันอยู่ที่ใด ทำได้เพียงค้นหาเท่านั้น
การตามหาลูกปัดเล็กๆ ในห้องที่กว้างใหญ่เช่นนี้ไม่ง่ายดายนัก
แต่โชคดีที่ในห้องก็ไม่มียอดฝีมือ พวกเขาจะค้นหานานเท่าไรก็ได้
อวี๋หวั่นนอนหลับสนิท
เช่นเดียวกับเยี่ยนเสี่ยวซื่อ อย่างไรนางก็เป็นทารกแรกเกิด เป็นไปตามสัญชาตญาณ
สัตว์พิษตัวน้อยก็หลับไปแล้วเช่นกัน
คนเดียวที่ยังตื่นอยู่คือน้องชายที่สัตว์พิษตัวน้อยเพิ่งรับมา – ราชันพันสัตว์พิษ
ราชันพันสัตว์พิษเห็นว่ามีหัวขโมยเข้ามาในจวน ปฏิกิริยาแรกคือออกไปต่อสู้ ปฏิกิริยาที่สองคือมันไม่อาจสู้ได้ แต่มันก็ไม่กล้าปลุกสัตว์พิษตัวน้อย สัตว์พิษตัวน้อยไม่ชอบโดนปลุก นอกจากอวี๋หวั่น หากผู้ใดปลุกมันก็จะถูกมันอาละวาดทุบตี
ราชันพันสัตว์พิษทำได้เพียงเฝ้าดูทั้งสามรื้อค้นภายในห้อง
แต่ทั้งสามก็หาไม่พบ!
“เหตุใดถึงไม่มี? หรือว่าจะไม่ได้อยู่ในห้องนี้?” ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนหนึ่งถาม
หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินเอ่ย “เป็นไปไม่ได้ สมบัติสำคัญเช่นนั้นต้องเก็บไว้ข้างกายเป็นแน่ หาต่อไป”
“พี่ใหญ่! มาดูนี่สิ!” ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามหยุดยืนอยู่หน้าเปล
ผู้พิทักษ์ดาบเงินสองคนจึงเดินเข้าไป
ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามทำหน้าราวกับค้นพบครั้งใหญ่ อีกสองคนจึงดีใจ หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินเอ่ยว่า “มีอะไรรึ? เจ้าพบสิ่งใด?”
ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามชี้ไปที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งกำลังนอนหลับ “ข้าพบ…ทารกที่งดงามยิ่งนัก!”
หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินตบหัวเขาป้าบหนึ่ง!
ใช่เวลาพูดเรื่องนี้รึ? ตามหาของดีๆ ได้หรือไม่?
“นี่ๆๆ พี่ใหญ่ น้องสาม พวกเจ้าดูสิ!” ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สองชี้ไปที่กำมือน้อยๆ ของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ “ดูเหมือนนางจะกำบางอย่างไว้ในมือนะ”
ทั้งสองก้มลงมองอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่กระมัง? ถึงแม้จะกำแน่นมาก แต่มือของนางก็เล็กเกินไป และเผยร่องรอยอยู่บ้าง
“จะใช่ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?” ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามถาม
เด็กคนนี้นอนอยู่ในห้องพระชายาผู้สำเร็จราชการ ใบหน้างดงาม สวมเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา จะต้องเป็นบุตรของพระชายาผู้สำเร็จราชการแน่ พระชายาผู้สำเร็จราชการอาจมอบไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้บุตรีของนาง ทุกอย่างสมเหตุสมผล!
“ก็เป็นไปได้” หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินกล่าว
ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามเก็บกริชของตน แล้วกางกำมือเล็กๆ ของเยี่ยนเสี่ยวซื่ออย่างระมัดระวัง
และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เขาขยับมันไม่ได้เลย! ! !
“เกิดอะไรขึ้น? รีบนำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาสิ!” หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินเร่งเร้า
“ข้า…” ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามพูดไม่ออก ไม่ใช่เขาไม่อยากเอาออกมา แต่เอาออกมาไม่ได้ต่างหาก นิ้วมือของเด็กผู้นี้ดูขาวนุ่มเนียนละเอียด ทว่ายามง้างออกกลับแข็งดั่งเหล็กกล้า ทำอย่างไรก็ง้างไม่ออก!
หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินเอ็ดด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็แค่เด็กคนหนึ่ง เจ้าจะใจอ่อนไปไย? อย่าลืมสิ นางเป็นลูกหลานของศัตรูเรา! เจ้าจะใจอ่อนกับผู้ใดก็ได้ แต่ไม่ใช่นาง!”
“ข้า…” ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สามกัดฟัน นี่ข้าใจอ่อนหรือ? ถ้าเจ้าทำได้ เจ้าก็มาทำสิ!
เขาผละมือออก!
“ไม่ได้เรื่อง!” หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินจ้องมองเขา เอ่ยกับน้องรองที่อยู่ข้างๆ “เจ้าไปนำมา”
เขาเป็นพี่ใหญ่ หากจะให้ใช้แรงของเขาง้างมือทารกก็ลดตัวเกินไป เรื่องเช่นนี้ล้วนต้องเป็นหน้าที่น้องชาย
อันที่จริงทั้งสามล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นน้องรอง น้องเล็กกับกำปั้นของทารก หากแพร่ออกไปคงเป็นที่หัวเราะเยาะ แต่หากเขาจะถูกหัวเราะเยาะ มิสู้ให้สองตัวนี้ถูกหัวเราะเยาะยังดีเสียกว่า
ผลคือ ผู้พิทักษ์ดาบเงินคนที่สองเองก็ง้างไม่ออก
ทีแรกเขาก็คิดว่าน้องสามใจอ่อน กลัวจะทำร้ายทารก ทว่าเขาไม่ได้ใจอ่อน เขาออกแรงทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไหนเลย…กลับง้างไม่ออก!
ช่างแปลกยิ่งนัก
พวกเขาผิดปรกติ หรือเด็กผู้นี้ผิดปรกติกันแน่?
“พวกเจ้านี่ไม่ได้เรื่องเลย! หลีกไป!” หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินแหวกทั้งสองออกไป ลงมือด้วยตนเอง!
เขาเหยียดอุ้งเท้าหมีใหญ่ของตน บีบกำปั้นของเด็กน้อย กำปั้นเล็กๆ ของนางยังใหญ่ไม่เท่านิ้วหัวแม่มือของเขาด้วยซ้ำ “หึ กำปั้นเล็กๆ เช่นนี้ พวกเจ้าสองคนก็ยังง้างไม่ออก”
ทั้งสอง : เจ้าทำได้ก็ลองดู!
“เฮ้ย!” หัวหน้าผู้พิทักษ์ดาบเงินใช้มือง้างออกเบาๆ
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ
สองคน : ฮ่าๆๆ…
แม้จะกางไม่ออก แต่ทั้งสามก็มั่นใจได้หนึ่งสิ่ง นั่นต้องเป็นไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แน่นอน พลังของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ปกปักคุ้มครองทารกผู้นี้ ไม่เช่นนั้นจะอธิบายได้อย่างไรว่า เหตุใดแม้แต่กำปั้นเล็กๆ ของทารก ยอดฝีมือราชาซิวหลัวระดับสูงอย่างพวกเขาทั้งสามก็ยังกางไม่ออก?
นางไม่มีทางเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์น้อย
ล้อเล่นอะไร?
จะมีผู้ใดเกิดมาเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์? ไม่มีหรอก! มีแต่คนนอกเผ่าที่โง่เขลาเบาปัญญาเท่านั้นที่จะเชื่อข่าวลือนี้
อย่างไรก็ต้องนำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปให้ได้ ในเมื่อกางมือนางไม่ได้ เช่นนั้นพาตัวนางไปเสียก็สิ้นเรื่อง!
ทั้งสามหาตะกร้ามาใส่เยี่ยนเสี่ยวซื่อ ก่อนจะพาออกจากจวนคุณชาย
……………………