หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 51 เสี่ยวเป่าแย่งความโปรดปราน ก่อกวนเยี่ยนเสี่ยวซื่อ!
ไม่เอา ไม่เอา!
เขาไม่อยากเป็นแม่นมน้อยต้าเป่า!
ต้าเป่าหันหลังขวับ!
“อูว้า——” เยี่ยนเสี่ยวซื่อยื่นมือเล็กไปทางต้าเป่า
สาวใช้คลี่ยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนคุณหนูเล็กจะชอบคุณชายน้อยต้าเป่านะเจ้าคะ คุณชายน้อยต้าเป่าเข้าไปกล่อมคุณหนูเล็กสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ต้าเป่าปฏิเสธเสียงแข็งในใจ!
สาวใช้จูงมือเล็กของต้าเป่ามาหาแม่นม
แม่นมยิ้ม “คุณชายน้อยต้าเป่า นี่เจ้าค่ะ”
แน่นอน นางไม่มั่นใจนักว่าเด็กสามขวบจะสามารถอุ้มน้องสาวของตนได้ แม้นางจะวางเยี่ยนเสี่ยวซื่อลงในอ้อมแขนของต้าเป่าแล้ว แต่นางก็ยังคงใช้มือของนางจับไว้ด้วย ทำให้นางเห็นเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่ปฏิเสธดื่มนมหัวชนฝา หันไปซุกอ้อมแขนต้าเป่า และดูดหน้าอกเล็กของเขา
แม่นม “……”
สาวใช้ “…”
ต้าเป่า “…”
เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่า “…”
แน่นอนต้าเป่าแสดงท่าทีราวกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากส่งน้องสาวให้แม่นมก็วิ่งหนีไป!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อน้อยเนื้อต่ำใจ แม้จะไม่ร้องไห้งอแง แต่ร่างเล็กที่สะอื้นเบาๆ ก็บีบคั้นหัวใจของคนทั้งห้อง
แม่นมป้อนอยู่หลายครั้ง แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ไม่กิน
แม่นมก็ช่วยไม่ได้
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ร้องไห้เหมือนเด็กทั่วไป แม่นมจึงไม่แน่ใจว่านางหิวจริงหรือไม่ บางทีนางอาจไม่ได้อยากดื่มเป็นพิเศษ? หากอยากดื่มจริงๆ ไหนเลยจะอดทนไม่ร้องไห้ได้?
แม่นมคิดว่า เด็กเล็กเช่นนี้ดื่มนม ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ที่กินอาหารตามเวลามีสัดส่วนชัดเจน นางหิวเมื่อไรก็กิน ส่วนการดื่มครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานเพียงใดก็ไม่แน่นอน บางทีเมื่อครู่อาจจะดื่มนมของฮูหยินน้อยจนอิ่มแล้ว?
เมื่อคิดเช่นนี้ แม่นมก็พาเยี่ยนเสี่ยวซื่อกลับไปที่เปล และตัดสินใจว่าอีกสักพักจะมาป้อนนมให้นางอีกครั้ง หรือรอให้นางร้อง ตนค่อยกลับมาป้อน
“น้องสาวๆ” เสี่ยวเป่ายืนเขย่งเท้าหยอกล้อน้องสาวด้วยกริชไม้อันใหม่ของเขา
เอ้อร์เป่าเองก็หยอกล้อนางด้วยดาบไม้แกะสลักใหม่ของเขา
สตรีคนใดจะชอบกริชชอบดาบ?
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่สนใจพวกเขา
“น้องสาวไม่ชอบกริชของเจ้า” เอ้อร์เป่ากล่าว
“น้องสาวไม่ชอบดาบของเจ้าต่างหาก!” เสี่ยวเป่าพูดอย่างโกรธเคือง
“กริชของเจ้านั่นแหละ!”
“ดาบของเจ้า!”
ไข่ดำน้อยสองตัวทะเลาะกันเสียงเอะอะ สาวใช้จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย พาคุณชายน้อยทั้งสองออกไป
เหลือเพียงแม่นมอยู่ในห้อง แม่นมพับเสื้อผ้าอยู่ในห้องกั้นเล็ก แต่พับเสื้อผ้าไปพลางก็ไม่ลืมที่จะมองเปลไปพลาง
ทันใดนั้นต้าเป่าก็พุ่งเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเป็นต้าเป่า แม่นมก็ไม่ได้พูดอะไร คลี่ยิ้มแล้วพับเสื้อผ้าต่อไป
ต้าเป่าเดินไปข้างเปล หันหลังให้แม่นม มองดูน้องสาวของเขา
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวซื่อเห็นเขา ปากน้อยๆ ก็มุ่ยลงอย่างน้อยอกน้อยใจ
ในใต้หล้าจะมีพี่ชายคนใดทนดูน้องสาวน้อยใจได้ลง?
โดยเฉพาะน้องสาวผู้งดงามเช่นนี้!
ต้าเป่าหันกลับมามองแม่นม เห็นว่านางกำลังพับเสื้อผ้า ไม่ได้มองมาทางนี้ จึงหยิบขวดนมเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ด้านหน้าออกมาเงียบๆ และเอื้อมมือไปป้อนน้องสาว
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ดื่ม
รีบกินสิ!
ต้าเป่าเอ่ยในใจ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองเขาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
ข้าไม่ยอมอ่อนให้หรอก!
ข้าไม่ใช่แม่นมตัวน้อยต้าเป่า!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังคงมองเขาอย่างเศร้าสร้อย
ข้า ข้า… ข้าไม่ใช่จริงๆ!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อร้องไห้เบาๆ
ต้าเป่ากัดฟันกำหมัดเล็กๆ ของเขาแน่น
…ครั้งสุดท้ายนะ! เจ้าอย่าได้เหิมเกริมเกินไป!
ต้าเป่าปีนขึ้นไปบนเปล
เปลนี้สามารถปรับให้นิ่งอยู่กับที่ได้ เมื่อเยี่ยนเสี่ยวซื่อร้องไห้งอแงจึงปรับเปลี่ยนกลไกให้แกว่งไกว แต่ดูเหมือนเยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ชอบให้ไกวเปล มันจึงอยู่ในสภาพนิ่งกับที่มาตลอด
ต้าเป่าหาตำแหน่งที่สบายภายในเปล นั่งขัดสมาธิ อุ้มน้องสาวขึ้นมาบนตัก มือข้างหนึ่งอุ้มน้องสาว อีกข้างหนึ่งก็หยิบขวดนมเล็กสอดไว้ข้างแขนตน ซึ่งยังคงเผยให้เห็นจุกนมเล็กๆ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อซุกอ้อมแขนของเขาและเริ่มดื่มกินอย่างมีความสุข!
ว่ากันว่าหลังจากเสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เป่าถูกสาวใช้เกลี้ยกล่อมให้ออกไป เอ้อร์เป่าก็หงุดหงิดไม่สนใจเขาแล้วไปตามหาต้าเป่า ส่วนเสี่ยวเป่าแอบกลับไปหาน้องสาว นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับฉากที่น่าตกตะลึง!
โห!
น้องสาวให้ต้าเป่ากอดนางด้วย!
น้องสาวกินอย่างเอร็ดอร่อยเลย!
เขาเองก็อยากป้อนน้องสาวเหมือนกัน!
เสี่ยวเป่าไม่ห่วงภาพลักษณ์ เขาไม่รู้สึกละอายใจ หลังจากต้าเป่าวางน้องสาวกลับลงในเปล เขาก็แอบย่องเข้ามา และปีนขึ้นเปล เลียนแบบท่าทางของต้าเป่า เขาอุ้มน้องสาวมาที่ตัก สอดขวดนมไว้ในอ้อมแขน โผล่จุกนมเล็กๆ ออกมาป้อนน้องสาว
แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อกลับไม่กินแม้แต่น้อย
“เอ๋? เหตุใดไม่กินละ?” เสี่ยวเป่าถาม
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองเขาอย่างเย็นชา
สายตาเล็กๆ ที่มองอย่างขยะแขยงนั้น ราวกับจะบอกว่าไม่ใหญ่เท่าต้าเป่า มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่มีนม!
เสี่ยวเป่าถูกศรหมื่นดอกทิ่มแทงหัวใจ “…”
…
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนอ๋องที่สอบปากคำเชลยมาเกือบทั้งคืน ในที่สุดก็ได้สิ่งที่ตนต้องการ ยอดฝีมือเผ่าศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้ล้วนถูกฝึกมาอย่างเข้มงวด แม้แต่หนอนพิษก็ยังไม่อาจเปิดปากให้พวกเขาพูดได้ง่ายๆ ทว่าเยี่ยนอ๋องกลับทำได้สำเร็จ
เมื่อเยี่ยนอ๋องเดินออกจากห้องลับ เชลยก็ทรุดเข่าลงกับพื้น ร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่น ราวกับสำนึกในความผิดบาปที่ตนได้กระทำในครึ่งแรกของชีวิต
อิ่งลิ่วอึ้งไปเล็กน้อย ท่านอ๋องทำได้อย่างไร? เวลาเพียงครึ่งค่อนคืน ยอดฝีมือเผ่าศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ก็วางมีดแล่เนื้อกลับตัวกลับใจ?
“ท่านอ๋อง ยอดฝีมือนี่….”
อิ่งลิ่วอยากถามว่า ในเมื่อเขากลับใจแล้ว เช่นนั้นจะปล่อยไปหรือเก็บไว้ใช้งาน? ก็ได้ยินเยี่ยนอ๋องเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฆ่ามัน”
อิ่งลิ่ว “…”
มุมปากของอิ่งลิ่วกระตุก ความดุร้ายของคุณชายมาจากใคร ในที่สุดเขาก็พบคำตอบแล้ว
ยอดฝีมือผู้นั้นถูกอิ่งสือซันจัดการ จากนั้นอิ่งสือซันก็กลับไปรายงานเยี่ยนอ๋องที่ห้องตำรา อิ่งลิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วย
“ท่านอ๋อง อีกฝ่ายเป็นใครหรือขอรับ?” อิ่งสือซันถาม
“เผ่าศักดิ์สิทธิ์” เยี่ยนอ๋องกล่าว
คำตอบนี้ตรงกับที่ทั้งสองคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดเผ่าศักดิ์สิทธิ์ถึงมาที่ต้าโจว ทั้งยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับจวนคุณชาย? มีความแค้นใดต่อกัน? ถึงต้องพาเด็กสองคนไปจากจวนคุณชาย?
นี่ดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เผ่าใหญ่ซึ่งหลบซ่อนอยู่จะทำได้
“มิใช่เพื่อล้างแค้น ทว่าตามหาไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์” เยี่ยนอ๋องกล่าว
“ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คืออะไรหรือขอรับ?” อิ่งลิ่วถาม ทั้งเขาและอิ่งสือซันต่างก็ไม่เคยรู้จักสิ่งนี้มาก่อน ทว่าแม้ไม่เข้าใจนักแต่กลับรู้สึกว่าน่าสนใจไม่น้อย
เยี่ยนอ๋องเอ่ยช้าๆ “ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้ ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีไอปราณมหาศาลของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ สามารถเพิ่มพลังให้คนในเผ่า ว่ากันว่ายังสามารถช่วยให้ถือกำเนิดสายเลือดที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย”
“วิเศษเพียงนี้เชียวหรือ?” อิ่งลิ่วตาโต
เยี่ยนอ๋องเหลือบมองไปยังทิศห้องของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ “ทีแรกข้าก็ไม่เชื่อ ทว่าถึงยามนี้ รู้สึกว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง”
ทั้งสองไม่เข้าใจความหมายของเยี่ยนอ๋อง อิ่งสือซันถามด้วยความประหลาดใจ “ทว่าเรื่องนี้ เกี่ยวกับการบุกรุกจวนคุณชายกลางดึกของเผ่าศักดิ์สิทธิ์อย่างไรขอรับ? หรือพวกเขาสงสัยว่าเราขโมยสมบัติพวกเขาไป?”
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ว่ากันว่าเมื่อหลายปีก่อน เผ่าศักดิ์สิทธิ์มียอดฝีมือไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามผู้หนึ่งเข้ามาขโมยไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ยอดฝีมือผู้นั้นเป็นใคร ข้าก็ไม่รู้ ทว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้องอยู่ในจวนคุณชายแน่”
“หา?” ทั้งสองตะลึงงัน
เยี่ยนอ๋องหยิบลูกปัดออกจากอ้อมแขนของเขา “นี่คือสิ่งที่ต้าเป่ามอบให้ข้า”
ในคืนที่ต้าเป่าถูกจับตัวไป เขาซ่อนลูกปัดไว้ในผ้าห่อตัวของน้องสาว เป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดองครักษ์ทั้งสองค้นหาทั้งเสื้อผ้าและปากของเขา แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย
เมื่อต้าเป่ากลับมา เขาก็มอบลูกปัดให้เยี่ยนอ๋อง
“แต่ที่พวกเขามาเมืองหลวง ไม่เพียงแต่นำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กลับไปเท่านั้น ทรัพยากรที่อยู่อาศัยของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ในยามนี้ก็ถูกใช้จนหมด ปราณศักดิ์สิทธิ์ขาดแคลน ไม่เหมาะแก่การอยู่รอดของชนเผ่า ว่ากันว่ายังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ ทางเข้าอยู่ใต้ดินในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับอีกเรื่องหนึ่งด้วย”
ทั้งสองมองเยี่ยนอ๋องด้วยความประหลาดใจ
เยี่ยนอ๋องชะงักและเอ่ยว่า “เซียวเจิ้นถิงมิได้บอกหรือว่า มีผู้ช่วยผู้เก่งกาจมาอยู่ที่จวนรัชทายาทสองสามคน?”
“คงมิใช่…คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์กระมัง?” อิ่งลิ่วเอ่ย
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า “เป็นพวกเขา เพราะทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเมืองหลวง แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใด อีกอย่างพวกเขาก็ไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ เพราะกลัวถูกต้าโจวสังหาร”
ทางเข้าอยู่ในเมืองหลวง เช่นนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ใกล้ๆ หากคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ต้องการครอบครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ต้าโจวต้องไม่ยอมแน่ อย่างไรก็เป็นที่ตั้งของต้าโจว หากเผ่าศักดิ์สิทธิ์บอกว่าจะยึดครองก็ยึดครองได้ เช่นนั้นราชวงศ์ต้าโจวจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เผ่าศักดิ์สิทธิ์ต้องการหาใช่เมืองเล็กๆ ทว่าเป็นเมืองหลวงแห่งต้าโจว จะมีฮ่องเต้องค์ใดทนได้?
อิ่งสือซันขมวดคิ้ว “พวกเขาจึงคิดหาวิธีช่วยเหลือเยี่ยนไหวจิ่ง ก่อนอื่นช่วยให้เยี่ยนไหวจิ่งขึ้นครองบัลลังก์ กุมอำนาจต้าโจวไว้ในมือ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถทำทุกอย่างในเมืองหลวงได้ตามต้องการ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเยี่ยนไหวจิ่งจะรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ย่อมต้องไม่รู้แน่”
แม้นิสัยบางมุมของเยี่ยนไหวจิ่งไม่อาจยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่มีทางยอมเป็นหุ่นเชิดของใคร
“เช่นนั้น ครั้งก่อนพวกเราพบเซียงเหลียน หนอนพิษในมือนางคงมาจากเผ่าศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้” คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวชาญกู่ สตรีศักดิ์สิทธิ์หมิงตูยามนั้นก็มีหนอนพิษในมือไม่น้อย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ จู่ๆ อิ่งสือซันก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง “ไม่กี่วันก่อน นางหาน พระชายารัชทายาทถูกใช้กู่ เกรงว่าจะเป็นฝีมือคนกลุ่มนี้ แจ้งกับภายนอกว่ามีมือสังหารต้องการทำร้ายรัชทายาท ทว่าไม่ระวังทำให้พระชายารัชทายาทได้รับบาดเจ็บ แต่เยี่ยนไหวจิ่งมีประโยชน์กับพวกเขา พวกเขาย่อมไม่มีเหตุผลจะทำร้ายเยี่ยนไหวจิ่ง”
เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างเฉยเมย “สิ่งเดียวที่เป็นไปได้ คือพระชายารัชทายาทรู้ความลับของพวกเขา พวกเขาจึงต้องการฆ่าปิดปากนาง”
จู่ๆ อิ่งสือซันก็หัวเราะเยาะ “ดูแล้ว พระชายารัชทายาทพึ่งพาได้มากกว่าเยี่ยนไหวจิ่งไม่น้อยทีเดียว…” ไม่ว่าจะล่วงรู้โดยเจตนาหรือบังเอิญ ก็ล้วนพึ่งพาได้มากกว่าเยี่ยนไหวจิ่ง
“ฮืม…” อิ่งลิ่วเกาหัว “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปอยู่ในมือต้าเป่าได้อย่างไร?”
เยี่ยนอ๋องบีบลูกปัดในมือ “เรื่องนี้ เกรงว่าคงต้องไปถามอาหวั่นแล้วละ”
ต้าเป่าไม่รู้ที่มาที่ไป เขาเพียงแค่เก็บมาจากพื้น แต่เชลยผู้นั้นสารภาพทั้งหมดว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของพระชายาผู้สำเร็จราชการ เพื่อนำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กลับไป จึงลักพาตัวเยี่ยนเสี่ยวซื่อ และจับพลัดจับผลูพาต้าเป่าไปด้วย
สิ่งที่เชลยผู้นี้รู้มีขีดจำกัด เยี่ยนอ๋องไม่ได้ข้อมูลที่มาของยอดฝีมือในยามนั้น แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางให้เขาค้นหาความจริง
เขาหยิบไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปหาอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นอยู่ในห้องพักฟื้น เดิมทีกังวลเรื่องเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่แล้ว เยี่ยนอ๋องไม่อยากให้เธอกังวลเรื่องอื่นอีก จึงไม่บอกเธอถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
“จริงสิ อาหวั่น นี่เป็นลูกปัดของเจ้าหรือ?” เยี่ยนอ๋องถาม
“เจ้าค่ะ” ยามที่บุตรียังอยู่ในครรภ์ อวี๋หวั่นพบว่านางชื่นชอบลูกปัดนี้ เมื่อใดที่ลูกปัดเรืองแสง นางจะดิ้นไปมาในท้องของเธอ หลังจากนางเกิดมา จึงให้ลูกปัดนี้กับนาง
เด็กแรกเกิดจะถูกพันด้วยผ้าห่อตัว หยิบสิ่งของเข้าปากไม่ได้ อวี๋หวั่นจึงไม่กังวลว่านางจะกลืนมันลงท้องไป
“เหตุใดจู่ๆ ท่านพ่อก็ถามเกี่ยวกับลูกปัดนี้ มีสิ่งใดผิดปกติหรือเจ้าคะ?” แม้ว่าลูกปัดนี้จะแปลกมาก เมื่อใดที่สัมผัสเลือด มันจะเรืองแสงทันที แต่นอกเหนือจากนั้น อวี๋หวั่นก็ไม่คิดว่ามันต่างอะไรกับไข่มุกราตรีทั่วไป
เยี่ยนอ๋องคลี่ยิ้ม “ไม่ได้ผิดปกติอะไรหรอก คิดว่ามันสวยดี เจ้าซื้อจากที่ใดรึ? ข้าจะไปซื้ออีกอัน มาทำกำไลให้เยียนเอ๋อร์”
เยียนเอ๋อร์เป็นชื่อที่เยี่ยนอ๋องตั้งให้นาง แต่ทุกครั้งที่อวี๋หวั่นเรียกนางเช่นนั้น นางจะไม่สนใจ อวี๋หวั่นสงสัยยิ่งนักว่าบุตรสาวจะไม่ชอบชื่อนี้
อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างเสียดาย “เกรงว่าจะหาซื้อไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่มอบให้ข้ายามที่ข้าแต่งงาน”
“แม่ของเจ้าให้เจ้าหรือ?” เยี่ยนอ๋องประหลาดใจ
อวี๋หวั่นพยักหน้า “อื้ม! แล้วก็น่าจะเป็นสิ่งที่ท่านยายของข้ามอบให้ท่านแม่ข้าอีกที! ตกทอดมาหลายสิบปีแล้ว ยากจะหาซื้อชิ้นที่เหมือนกันทุกอย่างได้!”
มุมปากของเยี่ยนอ๋องกระตุก สิ่งที่อวิ๋นเฟยมอบให้นางเจียงเกรงว่าจะไม่ใช่สิ่งนี้…
ทว่า เขาพบยอดฝีมือที่สร้างความวุ่นวายให้เผ่าศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นแล้ว
หากไม่ใช่นางเจียงก็คงไม่มีใครแล้ว
แต่เยี่ยนอ๋องสงสัยอย่างยิ่งว่านางเจียงจะไม่รู้ถึงพลังของลูกปัดนี้ นางเพียงเห็นว่ามันสวยก็เลยขโมยมา…
เยี่ยนอ๋องกุมขมับ
จู่ๆ เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร!
หลังเดินออกมาไกลจากอวี๋หวั่น เยี่ยนอ๋องก็สูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามทีจึงสงบอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงลงได้
เขาปลอบใจตัวเองว่า แม้บ้านสะใภ้จะชอบสร้างปัญหาก็ไม่เป็นไร อาหวั่นเป็นคนดี ไม่รู้วรยุทธ์ ต่อให้ก่อเรื่องก็ไม่ได้สักเท่าไร ส่วนหลานสาวสุดที่รักของเขา แม้นางจะเกิดมาเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์น้อย แต่เขาจะตั้งใจสั่งสอน ปลูกฝังคุณธรรมความอ่อนโยนให้นางตั้งแต่เล็ก นางต้องเติบโตเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมที่สุดในใต้หล้าแน่
เยี่ยนอ๋องมาที่ห้องของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อตื่นแล้ว นางเล่นอยู่ในเปลคนเดียว และดูเหมือนเล่นอย่างสนุกสนานทีเดียว
เยี่ยนอ๋องเดินเข้ามาและอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนเบาๆ “เล่นอะไรอยู่? สนุกขนาดนี้เลยหรือ?”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อกะพริบตามองเขา
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เยียนเอ๋อร์ของเราเป็นเด็กดีเช่นนี้ ไม่เคยร้องไห้งอแง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสาวน้อยผู้สงบนิ่งเชื่อฟัง โตขึ้นต้องไม่สร้างปัญหาให้ปู่แน่ ใช่หรือไม่?”
ทันทีที่สิ้นเสียงก็เกิดเสียงดังสนั่น หลังคาห้องของเยี่ยนอ๋องถูกพลังแห่งราชาศักดิ์สิทธิ์ของ ‘สาวน้อยผู้สงบนิ่งเชื่อฟัง’ ถล่ม!
เยี่ยนอ๋อง “…”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “…”
………………………