หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 52 เผยความจริง
ช่างในจวนคุณชายล้วนถูกส่งไปสร้างจวนผู้สำเร็จราชการ ส่วนหลังคานั้น อิ่งสือซันรับหน้าที่ขึ้นไปซ่อมแซม
เยี่ยนอ๋องมองไปยังเยี่ยนเสี่ยวซื่อในอ้อมอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองเขาด้วยใบหน้าบ้องแบ๊ว
เยี่ยนอ๋องสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดอย่างจริงใจว่า “บนหลังคาไม่มีอะไรให้เล่น เยียนเอ๋อร์อย่าไปเล่นบนหลังคาอีกรู้ไหม”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อกะพริบตาปริบๆ ราวกับกำลังบอกว่าเข้าใจแล้ว
เยี่ยนอ๋องอุ้มหลานสาวของตนใส่กลับลงไปในตะกร้า เขายังไม่ทันได้ปล่อยมือ ก็ได้ยินเสียงดังกัมปนาทขึ้นอีกครั้ง
เรือนเพาะชำดอกไม้ของลุงวั่นถล่มลงมา
ลุงวั่นกำลังเลือกพันธุ์ไม้อยู่นอกเรือนเพาะชำ พลางครุ่นคิดว่าปีนี้ควรปลูกอะไรในกระโจมอุ่นของเขาดี ทันใดนั้นเรือนเพาะชำก็พังครืนลงมา รอบกายของลุงวั่นอบอวลไปด้วยฝุ่น เขาพ่นฝุ่นออกมาจากปากเบาๆ…
เยี่ยนอ๋องมองไปยังเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองมองเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ราวกับกำลังบอกว่า นั่นไม่ใช่หลังคาสักหน่อย
เยี่ยนอ๋อง “…”
……
ในตอนที่คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์มายังจวนคุณชาย อิ่งลิ่วก็กำลังหาเบาะแสในเรือนที่ชุยเฒ่าเคยพักอยู่ ยอดฝีมือทั่วไปล้วนมีวิธีปกปิดร่องรอยของตน แต่ก็ยากที่จะตบตาอิ่งลิ่วได้
อิ่งลิ่วสามารถระบุตัวตนของคนเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว…องครักษ์ของเยี่ยนไหวจิ่ง
ดูแล้วเยี่ยนไหวจิ่งคงจะรู้เรื่องยาถอนพิษของเยี่ยนจิ่วเฉา ที่พวกเขาคิดจะจับชุยเฒ่าก็เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เยี่ยนจิ่วเฉาได้ยาถอนพิษ กระนั้นแล้วก็ยังจับชุยเฒ่าไม่ได้ ไม่นานเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่เข้าราชสำนักอีก เยี่ยนไหวจิ่งจึงเดาว่าพวกเขาได้ยามาแล้ว เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเก็บตัวเพื่อถอนพิษ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมเข้าใจได้ว่าเหตุใดจวินฉางอันจึงลอบเข้ามาในจวนคุณชายตอนกลางดึก
ร่องรอยหลายอย่างแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าจวินฉางอันและเยี่ยนไหวจิ่งไม่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวต้าเป่าและเยี่ยนเสี่ยวซื่อ แต่ว่าจวินฉางอันบุกเข้ามา หลอกล่อให้อิ่งสือซันออกไป ทำให้มีคนจากเผ่าศักดิ์สิทธิ์เล็ดลอดเข้าไปยังเรือนของราชาศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ความแค้นในครั้งนี้ อิ่งสือซันจะต้องคิดบัญชีกับจวินฉางอัน
“เจ้าคิดว่า…พวกเราจำเป็นต้องบอกเรื่องของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์กับเยี่ยนไหวจิ่งไหม” อิ่งลิ่วถาม
อิ่งสือซันชะงักไปครู่หนึ่ง “แน่นอนว่าควรบอก เขาเป็นคนสร้างความวุ่นวายนี้ขึ้นมา เขาก็ต้องเก็บกวาดเอง”
“เขาเก็บกวาดไหวหรือ?” อิ่งลิ่วเบ้ปาก ไม่ใช่ว่าเขาดูแคลนเยี่ยนไหวจิ่ง แต่เจ้านั่นทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ เก่งแต่สร้างหายนะ แม้แต่พระชายารัชทายาทยังเก่งกว่าเขาเสียอีก!
อิ่งสือซันแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก “ไม่มีทางไหว แต่เพิ่มปัญหาเรื่องคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไปให้เขาสักหน่อยคงไม่เป็นไร นอกจากนั้นแล้วเขาเองก็กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ ไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาอยู่อย่างสุขสบาย”
ไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่โยนให้จวนคุณชายกำจัดศัตรูเสียเสร็จสรรพ เขาเพียงนั่งๆ นอนๆ อย่างสบายใจในตำแหน่งรัชทายาท? ใต้หล้ามีเรื่องง่ายดายเช่นนี้ที่ไหนกัน?
อันที่จริงไม่ใช่อิ่งสือซันเพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ เยี่ยนอ๋องก็คิดเหมือนกัน เขาไม่คาดหวังกับเยี่ยนไหวจิ่ง แต่ก็ไม่อาจดูเบาเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูกลุ่มเดียวกัน ในฐานะที่เป็นองค์ชายแห่งต้าโจว เยี่ยนไหวจิ่งย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต้าโจว
ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน อิ่งสือซันเดินทางไปยังจวนรัชทายาท เยี่ยนไหวจิ่งไม่อยู่ พระชายารัชทายาทกำลังพักผ่อน เขาไม่ได้เข้าไปทางประตูหลัง ทว่าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการเดินเข้าประตูหลัก เพราะเขาใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพงเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย เพียงแต่น่าเสียดายที่องครักษ์จวนคุณชายล้วนแต่ไม่มีผู้ใดรับรู้การมาถึงของเขา
เขาเข้าไปยังเรือนของจวินฉางอัน
จวินฉางอันกำลังฝึกกระบี่ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว เขาก็หันหลังไปทันที และเห็นอิ่งสือซันเข้ามาอยู่ในระยะที่สามารถสังหารเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
จวินฉางอันประหลาดใจกับวรยุทธ์อันแข็งแกร่งของอิ่งสือซัน เขาตั้งสติ เก็บกระบี่ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามาทำอะไร มาเอาชีวิตข้ารึ”
“เอาชีวิตเจ้า? หากเป็นเช่นนั้นข้าจำเป็นต้องรอให้เจ้าหันมาด้วยหรือ?” อิ่งสือซันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จวินฉางอันรู้สึกเหมือนถูกตอกหน้า เจ้าบอกว่าวรยุทธ์เจ้าเลิศล้ำก็พอแล้ว ไปฝึกทักษะประชดประชันมาจากไหนกัน ทำไม อยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉามากเกินไปจนกลายเป็นคนปากคอเราะร้ายไปแล้วหรือ?
“เช่นนั้นเจ้ามาทำไม” จวินฉางอันถาม
อิ่งสือซันโยนภาพเขียนม้วนหนึ่งลงบนโต๊ะหินเบื้องหน้าจวินฉางอัน “รู้จักคนคนนี้หรือไม่?”
จวินฉางอันคลี่ม้วนภาพเขียน หัวคิ้วของเขาขมวดแน่น “เขาเป็นที่ปรึกษาของจวนรัชทายาท เจ้ามีภาพเขาได้
อย่างไร”
อิ่งลิ่วตอบว่า “เขาเป็นคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เขามาใกล้ชิดกับจวนรัชทายาท มิได้มีเจตนาดี”
จวินฉางอันนึกสงสัยชายสวมผ้าคลุมคนนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อได้ยินอิ่งสือซันบอกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาดี จวินฉางอันจึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลก แต่อิ่งสือซันพูดประโยคด้านหน้าว่าอย่างไรนะ คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์?
เผ่าศักดิ์สิทธิ์…นั่นไม่ใช่…
สิ่งที่จวินฉางอันรู้เกี่ยวกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์นั้นมาจากเรื่องเล่าในยุทธภพ แต่ข่าวลือเหล่านี้ก็มาจากเรื่องยาถอนพิษของพิษไป๋หลี่เซียง ว่ากันว่าตัวยาถอนพิษไป๋หลี่เซียงนั้นมีทั้งหมดสี่ชนิด ได้แก่เห็ดหลินจือแดง คางคกหิมะ เลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์และน้ำตาราชาพ่อมด สองชนิดแรกว่ากันว่ามีอยู่ในหนานจ้าว แต่สองอย่างหลัง…ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหาได้พบ เพราะไม่ว่าจะเป็นเผ่าศักดิ์สิทธิ์หรือเผ่าพ่อมด ล้วนแต่หายสาบสูญไปนานแล้ว ตราบจนทุกวันนี้ คนไม่น้อยเชื่อว่าเผ่าศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพ่อมดล้วนไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว พวกเขาก็เหมือนกับนิทานปรัมปราที่คนรุ่นก่อนแต่งขึ้นมา
ครานี้ เยี่ยนจิ่วเฉาได้ตัวยามาแล้ว จวินฉางอันและเยี่ยนไหวจิ่งก็ยังไม่คิดว่าเผ่าศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพ่อมดนั้นเป็นเรื่องจริง เมื่อลองใคร่ครวญดูแล้ว ก็คิดว่าเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์และน้ำตาราชาพ่อมดคงเป็นของอย่างอื่นกระมัง?
เพราะฉะนั้น เมื่ออิ่งสือซันบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ จวินฉางอันจึงไม่เชื่อ!
อันที่จริง ถ้าหากเป็นเมื่อปีก่อน อิ่งสือซันก็คงไม่เชื่อเช่นกัน ทว่าปีนี้ พวกเขาเดินทางจากหนานจ้าวไปยังเผ่าปีศาจ จากเผ่าปีศาจไปยังหมิงตู เดินทางผ่านดินแดนต่างๆ ข้ามน้ำข้ามทะเล จนสุดท้ายก็ไปถึงเผ่าพ่อมด พวกเขาประสบพบเจอเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตนเอง หากบอกว่าไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้คลุกคลีกับคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แต่มารดาของโจวจิ่นเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ นางได้ทิ้งตำนานและร่องรอยเอาไว้ ดังนั้นอิ่งสือซันจึงปราศจากข้อกังขาในการมีอยู่ของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์
“ข้ามาบอกเจ้าเพียงเท่านี้ ส่วนเจ้าจะเชื่อหรือไม่นั้นก็สุดแล้วแต่เจ้า” อิ่งสือซันพูดจบ ก็หันหลังกลับไป
“ช้าก่อน” จวินฉางอันเรียกเขาไว้ “เจ้าบอกว่า…เขาเป็นคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นเขาเข้ามาข้องเกี่ยวกับจวนรัชทายาททำไมกัน ทำเช่นนี้ได้ประโยชน์อันใด”
อิ่งสือซันไม่ได้เล่ารายละเอียดของไข่มุกวิญญาณ เขาตอบเพียงว่า “สมบัติล้ำค่าของพวกเขามาอยู่ในต้าโจว นอกจากนั้นแล้ว ใต้แผ่นดินต้าโจวยังมีทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาต้องการ ส่วนดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืออะไรนั้น จะอธิบายว่าเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็คงได้ ภายภาคหน้าพวกเขาอาจอพยพมาอยู่ที่นี่”
คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์จะย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง แล้วคนเมืองหลวงจะทำอย่างไรเล่า จวินฉางอันขมวดคิ้วแน่น
อิ่งสือซันพูดต่อว่า “ในสายตาของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ พวกเราก็เป็นเพียงกากเดน ไม่มีคุณสมบัติจะเทียบเคียงกับพวกเขา ดังนั้นเมื่อพวกเขาย้ายเข้ามา เมืองหลวงก็จะไม่มีที่ให้ราษฎรอยู่อีกต่อไป”
สิ่งที่ควรบอก อิ่งสือซันล้วนบอกไปแล้ว หากจวินฉางอันไม่เชื่อ เขาก็จนปัญญา
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่คิดจะบอกเยี่ยนไหวจิ่ง แต่เยี่ยนไหวจิ่งดื้อรั้นยิ่งกว่าจวินฉางอันเสียอีก เขายิ่งไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้
ที่จริงจวินฉางอันยังคิดว่าเรื่องนี้ยากที่จะเชื่อ จนช่วงบ่าย เขาจึงไปพบกับหานจิ้งซูซึ่งออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้
“พระชายารัชทายาท” จวินฉางอันคำนับ
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ มารอรัชทายาทหรือ?” ที่นี่อยู่ใกล้กับเรือนของรัชทายาท และใกล้กับเรือนของนาง แต่หานจิ้งซูไม่คิดว่าจวินฉางอันมารอตน
จวินฉางอันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเล่าเรื่องที่อิ่งสือซันมาที่นี่ให้หานจิ้งซูฟัง
เดิมทีคิดว่าหานจิ้งซูจะตกใจ ไหนเลยจะรู้ว่านางกลับมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็น “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
จวินฉางอันชะงักไป “หมายความว่าอย่างไร”
“ข้ารู้แล้ว สิ่งที่เขาตามหาก็คือไข่มุกวิญญาณ” คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ สมบัติล้ำค่า เมื่อนำทั้งสองมารวมกันแล้ว ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นของสิ่งนี้
“พระชายารัชทายาทรู้ได้อย่างไร” จวินฉางอันรู้สึกแปลกใจ
หานจิ้งซูถอนหายใจ ตอบว่า “ข้าบอกความจริงกับเจ้าเลยแล้วกัน คนที่ลอบทำร้ายข้าในวันนั้นก็คือเลี่ยเฟิง ลูกน้องของใต้เท้าเผ่าศักดิ์สิทธิ์คนนั้น ข้าเข้าไปตอนที่พวกเขากำลังสนทนากัน และได้ยินว่าพวกเขากำลังตามหาไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังตามหาอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว คงจะเป็นทางเข้าใต้ดินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระมัง?”
ทางเข้าอยู่ใต้ดิน หากจะขุดก็ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ มิน่าเล่าเลี่ยเฟิงถึงบอกว่ายากที่จะลงมือ
จวินฉางอันขมวดคิ้ว “เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงปล่อยหนอนพิษใส่ท่านเพื่อฆ่าปิดปาก? ท่านไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆ แต่ทำไปเพื่อไม่ให้ถูกพวกเขาตามล่าหรือ?”
“ถูกต้อง” หานจิ้งซูพยักหน้า
นัยน์ตาของจวินฉางอันเป็นประกายวาบ
เขาคิดมาแต่แรกแล้วว่าเจ้านั่นต้องมิใช่คนดีอะไร เห็นทีเขาคาดคะเนได้ถูกต้องแล้ว แม้แต่สตรีผอมบางไร้แม้แต่แรงเชือดไก่ยังไม่ปล่อยไป ต่ำช้าไม่อาจเทียบได้แม้แต่เดรัจฉาน!
หานจิ้งซูมองจวินฉางอันแล้วบอกว่า “ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ข้าก็จะไปหาท่านพ่อ ให้ท่านพ่อบอกกับองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทคงเชื่อคำพูดของพ่อข้าบ้าง”
จวินฉางอันตอบ “ขอรับ”
หานจิ้งซูรุดไปยังจวนอัครมหาเสนาบดี ในคืนเดียวกันนั้นเอง ในเมืองหลวงก็มีใบปลิวแปะประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง มอบรางวัลนำจับให้ผู้ที่จับคนร้ายซึ่งลอบวางยาพิษพระชายารัชทายาท ในใบประกาศนั้นมีภาพของบุรุษสวมผ้าคลุมและสตรีพิษคนหนึ่ง
………………..