หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 54 เครื่องจักรสังหาร เยี่ยนเสี่ยวซื่อ!
ทุกวันนี้เผ่าศักดิ์สิทธิ์มีราชาศักดิ์สิทธิ์อยู่สี่คน ก่อนหน้านี้มีห้าคน ทว่าหนึ่งในนั้นทรยศต่อเผ่า ไปตกหลุมรักราชาพ่อมดเข้า หลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับไปยังเผ่าอีก ได้ยินว่าถูกสังหารที่เผ่าพ่อมด พวกเขาไม่ได้ไปเก็บศพนาง และไม่ได้ตามล้างแค้นให้นาง ก็แค่คนทรยศคนหนึ่ง ไม่มีค่าพอให้พวกเขาต้องแก้แค้นแทน
บัดนี้ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาทิศเดินทางมายังเมืองหลวง เขามาถึงเมืองหลวงเมื่อคืน เดิมทีคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่น ไม่คาดคิดเลยว่าจะพบกับยอดฝีมือแห่งเผ่าศักดิ์สิทธิ์จะถูกครึ่งหน่วยกล้าตายของต้าโจวคนหนึ่งตามล่า คนของเขาก็คล้ายกับถูกจัดการไปแล้ว
หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง เขาคงไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ยอดฝีมือของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ปราชัยแก่คนต้าโจว? หากเรื่องนี้แพร่งพรายไปถึงเผ่า คนในเผ่าคงหัวเราะจนฟันร่วง
แน่นอนว่าเขาไม่อาจกล่าวโทษผู้พิทักษ์คนนี้ทั้งหมด
แม้ว่าครึ่งหน่วยกล้าตายคนนั้นจะเก่งกาจ แต่หากจะบอกว่าเขาทำให้ผู้พิทักษ์ของเผ่าศักดิ์สิทธิ์บาดเจ็บก็คงเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้มีเพียงสัตว์พิษตัวน้อยตัวนั้น
ถ้าเขามองไม่ผิด เจ้าเปี๊ยกนั่นคล้ายกับว่าจะมีร่างของจักรพรรดิสัตว์พิษ น่าสนใจจริงๆ
แต่ไหนแต่ไรมา ราชันสัตว์พิษนับเป็นยาบำรุงของยอดฝีมือเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ราชันสัตว์พิษที่ระดับพลังสูงเช่นนี้ ก็จะยิ่งเพิ่มพลังให้กับคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์
ดูแล้ว เขามาต้าโจวในครั้งนี้เห็นจะมีแต่ได้กับได้ ไม่เพียงนำไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กลับไป แต่ยังได้หนอนพิษระดับพลังสูงตัวหนึ่งอีกด้วย
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่า ไม่มีผู้ใดครอบครองเป็นของตน แต่เขาสามารถครอบครองหนอนพิษตัวนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาตัดสินใจได้แล้ว ก็ตรงไปยังจวนผู้สำเร็จราชการในคืนนั้น
ในเมื่อตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว แทนที่จะนั่งรอความตาย ทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้ออกมาเผชิญหน้าดีกว่าหรือ ไม่ได้บอกหรอกหรือว่าในจวนคุณชายมีทั้งเยี่ยนอ๋องและผู้สำเร็จราชการ? ขอเพียงควบคุมจวนคุณชายได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะรับมือกับการถูกตรวจค้นไม่ไหว
และเมื่อถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่จวนรัชทายาทเลย จะให้คุมอำนาจทั้งเมืองหลวงก็ยังได้!
ชายสวมผ้าคลุมยังคงไม่วางใจ “จวนคุณชายมีแต่เรื่องประหลาดขอรับ คนหนึ่งเป็นครึ่งหน่วยกล้าตายที่ฝีมือร้ายกาจ มีหนอนพิษซึ่งไร้ที่มาที่ไปแน่ชัดอีกตัวหนึ่ง แล้วก็ยังมีราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอายุเพียงสามขวบ ข้ากังวลว่าพวกเขาไม่อาจต่อกรได้โดยง่าย ไม่แน่ว่าอาจมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ราชาศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะรอให้กำลังเสริมของเผ่าศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาสมทบหรือไม่ขอรับ? เรือนแห่งนี้ลึกลับ ทหารต้าโจวไม่มีทางหาพบในระยะเวลาอันสั้น…”
ทันทีที่เขาพูดจบ ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาก็มองเขาอย่างดูแคลน “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนกับเจ้าอย่างนั้นรึ? แค่จักรพรรดิสัตว์พิษตัวเดียว ทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ขนาดนี้เชียวหรือ? ผู้พิทักษ์สมัยนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!”
ชายสวมผ้าคลุมคิดในใจว่า โทษข้าได้หรือ? ผู้พิทักษ์สมัยก่อนใช้ไข่มุกวิญญาณเพิ่มพลัง แต่พวกข้ามีแต่ต้องกระเสือกกระสนด้วยตนเอง พลังย่อมเทียบรุ่นก่อนๆ ไม่ได้อยู่แล้ว
แต่หากบอกว่าพลังของเขาด้อยกว่าเจ้าหนอนพิษนั่น เขาไม่ยอมเด็ดขาด
จักรพรรดิสัตว์พิษร้ายกาจก็จริง แต่หนอนพิษวัยเยาว์มีสิ่งใดน่ากลัวกัน? หากสู้กันตัวต่อตัว สัตว์พิษตัวน้อยย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกฝ่ายก็เข้าใจจุดนี้ดี จึงซ่อนหนอนพิษตัวนั้นไว้ เพื่อให้ลอบโจมตีเขาแทน
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาเหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “เอาละ เจ้าอย่าได้หดหู่ใจไป รอให้ข้าได้ไข่มุกวิญญาณมาก่อน ก็จะช่วยฟื้นฟูพลังให้เจ้าอย่างเต็มที่ เจ้ายังมีโอกาสได้เพิ่มระดับพลัง”
พลังของไข่มุกวิญญาณนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คนในเผ่าจะจินตนาการได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ไข่มุกเพียงลูกเดียวจะปกปักรักษาคนทั้งเผ่าได้อย่างไร?
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาสำแดงวิชาตัวเบาและจากไป
เขาไม่ได้พาใครไปด้วย เพราะไม่มีความจำเป็น
เขามิได้ลอบเข้าไป หากแต่เหาะลงไปยังจวนคุณชายอย่างหยิ่งทระนง
ตอนนี้ต้าเป่ายังไม่รู้ว่าตนเองถูกคนปองร้าย ท่านแม่หลับไปแล้ว เขาจึงป้อนนมให้น้อง เขา…เขาถูกบังคับ!
เขาไม่อยากปลุกให้ท่านแม่ตื่น เขาเป็นเด็กดี เอาใจใส่ผู้อื่น!
น้องเล็กต่างหากที่ดื้อ!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อดื่มนมอย่างรวดเร็ว สายตาเหลือบมองพี่ชายเป็นระยะ ราวกับพยายามจดจำใบหน้าของพี่ชาย
ต้าเป่ายกมือขึ้นมาด้วยความปวดร้าว แล้วปิดตาน้องสาว
อย่ามองนะ
เจ้าต้องมองตอนที่พี่ต้าเป่าแข็งแกร่งเกรียงไกรเท่านั้น!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อดื่มนมจนอิ่ม แล้วหลับสบายในอ้อมกอดของพี่ชาย
ด้านนอก เสี่ยวเป่าซึ่งแอบมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็โมโหจนยกมือเท้าเอวกระทืบเท้า
น่าโมโหจริงๆ!
ทำไมน้องเล็กกินแต่นมที่ต้าเป่าป้อนละ เขาป้อนก็ไม่ได้? นมที่เขาป้อนไม่อร่อยหรืออย่างไร?
เสี่ยวเป่าจับขวดนมด้วยสองมือ แล้วดื่มเข้าไปเต็มปากเต็มคำ!
เสี่ยวเป่าไม่ได้บอกความลับนี้กับเอ้อร์เป่า เพราะเขากังวลว่าหากเอ้อร์เป่ารู้เข้า ก็จะมีคนที่มาแย่งน้องไปจากเขาเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แต่สิ่งที่เสี่ยวเป่าไม่รู้ก็คือ ตัวเขาไม่อาย แต่เอ้อร์เป่าอาย เอ้อร์เป่าไม่ได้อยากไปเป็นแม่นมให้น้องเล็กสักหน่อย!
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ความลับของต้าเป่าจึงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
บางครั้งต้าเป่าก็ปลอบตนเองว่า น้องสาวยังตัวเล็กแค่นี้ เมื่อโตขึ้นคงจำเรื่องที่ตนป้อนนมให้ไม่ได้กระมัง?
และเพื่อที่จะยืนยันในสมมติฐานของตน ต้าเป่ายังเขียนถามท่านแม่ว่า ‘ท่านแม่ ท่านจำได้ไหมว่าตอนที่ท่านเพิ่ง
เกิด ท่านชอบกินนมของใครมากที่สุด’
ในตอนนั้นท่านแม่ตอบ “ใครจะจำเรื่องตอนที่เพิ่งเกิดได้เล่า แม่ยังจำเรื่องตอนอายุเจ็ดขวบไม่ได้เลย!”
เช่นนั้นก็หมายความว่าไม่เพียงน้องเล็กจะจำไม่ได้แล้ว ตนเองก็จะจำประสบการณ์ที่น่าอับอายช่วงนี้ไม่ได้ด้วย
เรื่องนี้ทำให้ต้าเป่ารู้สึกสบายใจขึ้นมา และทำให้เขาไม่รู้สึกอิดออดที่จะป้อนนมน้องเล็กแล้ว อย่างไรเสียทุกครั้งที่เห็นน้องหิว เขาก็จะรู้สึกปวดใจ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังคงดื่มนมต่อไป สายตาเป็นประกายจ้องมองไปยังต้าเป่า
ใต้หล้ามีพี่ชายตั้งมากมาย แต่พี่ชายคนเดียวที่ป้อนนมให้นางก็คือคนนี้ นางจะจดจำพี่ชายไปตลอดชีวิต!
“ฮัดชิ่ว!”
ทันใดนั้นต้าเป่าก็จามออกมาเสียงดัง…
ตกดึก ทุกคนล้วนเข้าสู่ห้วงนิทรา
อยู่ๆ อิ่งสือซันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายซึ่งทั้งแปลกประหลาดและคุ้นเคย คุ้นเคยก็เพราะกลิ่นอายนี้เหมือนกับคุณ
หนูเล็กมาก ส่วนที่บอกว่าแปลกประหลาดก็เพราะในกลิ่นอายนี้มีจิตสังหารเจือปนอยู่ด้วย
ยามที่คุณหนูเบื่อๆ ก็จะขึ้นไปรื้อนั่นทำลายนี่ แต่พลังของนางก็มิได้ระคนจิตสังหาร นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ยังควบคุมพลังและร่างกายของตนไม่ได้ด้วยซ้ำไป
จิตสังหารนี้ เห็นได้ชัดว่าจะมาฆ่าคน!
“อิ่งลิ่ว!” อิ่งสือซันเรียกอิ่งลิ่วซึ่งหลับไปทั้งที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่ จากนั้นก็หยิบกระบี่ขึ้นมาแล้วรุดออกไป
อิ่งลิ่วลืมตาตื่นขึ้น ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังซึ่งพุ่งมาจากเส้นขอบฟ้า เขาสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของตนกำลังสั่นระรัว
น่ากลัวเหลือเกิน!
เขารีบออกไป และพบว่าหน่วยกล้าตายและองครักษ์ทั้งหมดของจวนคุณชาย กำลังล้อมเรือนของเยี่ยนอ๋อง และเรือนของอวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาไว้
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาเข้ามาในจวนคุณชายแล้ว
เขามิได้ตามหาเรือนของอวี๋หวั่นโดยตรง ขอเพียงสัมผัสได้ถึงราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อย เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ใด
เขาตรงเข้าไปยังเรือนหลัก
เมื่ออิ่งสือซันเห็นเงาของเขา ก็เข้ามายืนขวางอย่างไม่ขลาดกลัว
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาจำอิ่งสือซันได้ทันที ไม่ใช่เพียงเพราะอิ่งสือซันเป็นครึ่งหน่วยกล้าตายที่แข็งแกร่ง แต่ยังเป็น
เพราะอิ่งสือซันยังหนุ่มแน่น เป็นเพียงครึ่งหน่วยกล้าตายแต่มีพลังถึงระดับนี้ ทำให้อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังอายุน้อยต่อให้ถูกส่งไปฝึกในค่ายหน่วยกล้าตายตั้งแต่เกิด ก็คงอายุประมาณยี่สิบปี หลายปีมานี้สามารถเพิ่มระดับพลังจากครึ่งหน่วยกล้าตาย…ไปถึงซิวหลัวระดับสูงสุดเชียวหรือ?
อนาคตของเด็กหนุ่มคนนี้ไร้ขีดจำกัด!
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาอดรู้สึกชื่นชมเขาไม่ได้
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ยอมรับข้าเป็นเจ้านาย ตั้งแต่นี้เจ้ามาทำงานให้ข้า” ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาทะยานขึ้นกลางอากาศ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” อิ่งสือซันฟันกระบี่ลงไป
ครั้งนี้เขาใช้พลังไปถึงเก้าส่วน เขาตระหนักดีถึงพลังที่มี หากไม่ใช้กลยุทธ์ใด เขาอาจต่อกรกับชายสวมผ้าคลุมได้ แต่ไม่มีทางต่อกรกับราชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้
เขาอาจทำได้ แต่นั่นก็อาจต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี ต่อให้ตาย เขาก็จะไม่เสียใจ!
ราชาศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ
เขายอมรับว่าพลังของเด็กหนุ่มคนนี้ทำให้เขาประทับใจ แต่ก็ยังมิวายเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กๆ ที่กล้ายกกระบี่สู้กับเขา ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย
ราชาศักดิ์สิทธิ์มิได้มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น่อย เขาเพียงปลดปล่อยพลังออกมา กระบี่ของอิ่งสือซันก็ถูกกดค้างอยู่กับที่แล้ว
อิ่งสือซันรู้สึกว่าอาวุธของตนสูญเสียการควบคุม ตามมาด้วยร่างกายของเขาซึ่งไม่อาจเคลื่อนไหวได้!
ไม่นาน เขาก็แทบหายใจไม่ออก ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมม่วง
“สือซัน!” อิ่งลิ่วหน้าซีดเผือด เขาปลดอาวุธลับทุกชิ้นและพุ่งเข้าโจมตีราชาศักดิ์สิทธิ์
ทว่าอาวุธเหล่านั้นยังไม่ทันได้แตะต้องแม้แต่ชายเสื้อของราชาศักดิ์สิทธิ์ ก็แหลกสลายเป็นผุยผงไปเสียแล้ว
อิ่งสือซันตกใจจนอ้าปากค้าง!
ทว่าความน่าตกใจยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะเศษผงของอาวุธลับเมื่อครู่มารวมกันอีกครั้ง กลายเป็นอาวุธ
วาววับ จากนั้นก็พุ่งใส่อิ่งลิ่ว รวมไปถึงหน่วยกล้าตายและเหล่าองครักษ์ในทันที!
หนึ่งร้อยแปดคน อาวุธลับหนึ่งร้อยแปดชิ้น ไม่มีขาดไม่มีเกิน
กองกำลังอารักขาทั้งหมดของจวนคุณชายถูกจัดการภายในครั้งเดียว และนี่คือพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์
เส้นเลือดของอิ่งสือซันเต้นตุบๆ จนแทบระเบิด อิ่งลิ่ว!
เขาเปล่งเสียงไม่ออก ไม่อาจวิ่งเข้าไปหาอิ่งลิ่ว เขาเป็นผู้ที่เคยต่อสู้กับหลัวช่าวิญญาณ แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้านั้นน่ากลัวกว่าหลัวช่าวิญญาณมาก!
ที่ต่างกันก็คือ หลัวช่าวิญญาณสามารถควบคุมวิญญาณ หรืออาจรวมเข้าเป็นคนเดียวกับเขา ไม่มีทางรู้เลยว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ นอกจากหลัวช่าวิญญาณแล้ว คนอื่นใดในใต้หล้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
ทุกคนล้วนแต่ถูกพลังกดไว้กับที่ วินาทีที่อาวุธลับกำลังจะพุ่งเข้าปลิดขั้วหัวใจพวกเขานั้นเอง อาวุธลับเหล่านั้นก็หยุดลง และอยู่ห่างจากหน้าอกของพวกเขาเพียงครึ่งชุ่นเท่านั้น
ทุกคนมองไปยังอาวุธซึ่งหยุดอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้น อาวุธทั้งหนึ่งร้อยแปดชิ้นก็แหลกสลายไปกับตา
ราชาศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว
เกิดอะไรขึ้น
พลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งแผ่เข้ามากดพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาไว้ พลังทั้งสองปะทะกัน จนอากาศโดยรอบดูคล้ายกับจะแตกออกจากกัน พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อิ่งสือซันสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนเบาลง เขาหายใจออก จากนั้นก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศ
“สือซัน!” อิ่งลิ่วพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้
พลังนั้นมิได้หยุดลงเท่านี้ มันยังอาละวาดต่อไป ทุบพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาจนแหลกสลาย ราวกับทำลายหลังคาเรือนอย่างไรอย่างนั้น สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ หลังคาบ้านตนว่าสนุกแล้ว อันนี้สนุกยิ่งกว่า!
“นี่มัน…” ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาถึงกับพูดไม่ออก พลังที่เขาสัมผัสได้ต้องมาจากราชาศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่งเป็นแน่ แต่พลังนี้ออกจะน่ากลัวไปสักหน่อยกระมัง ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ก็ทำลายพลังของเขาจนแหลกลาญ
ยอดฝีมือเผ่าศักดิ์สิทธิ์มาแล้วหรือ?
หรือว่า จะเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์สามขวบคนนั้น?
เป็นไปไม่ได้!
เด็กสามขวบ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเพียงราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับแรกเริ่ม แต่ตนเองอยู่ในระดับกลางตั้งนานแล้ว จะมาถูกเด็กคนหนึ่งกำราบได้อย่างไรกัน?
“เหอะ เมื่อครู่ข้าใช้พลังเพียงหนึ่งส่วน! เห็นแก่ที่พวกเจ้ายังพอมีประโยชน์ให้ข้าใช้ได้ ข้าไม่อยากทำลายจวนคุณชายของพวกเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้ายังคงดื้อดึง ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังเพิ่มขึ้น
ระดับพลังของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่อาจคาดเดาได้
อิ่งสือซันมีพรสวรรค์แต่กำเนิด เขาสัมผัสพลังได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น ในตอนนั้นเอง เขาก็มองออกว่าพลังของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นไม่หยุด
แย่แล้ว
พลังสี่ส่วน!
ราชาศักดิ์สิทธิ์วัยผู้ใหญ่คนหนึ่งสามารถปล่อยพลังออกมาได้ถึงสี่ส่วนก็นับว่าน่าสะพรึงกลัวมากแล้ว
ไม่นาน พลังก็เพิ่มขึ้นเป็นห้าส่วน!
อิ่งสือซันหน้าถอดสี เจ้านี่คิดจะ…ทำลายจวนคุณชายอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาเพิ่มสูงขึ้น ราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยก็ปราศจากการเคลื่อนไหว
“เหอะ เจ้านั่นกลัวเสียแล้วหรือ?” ในเมื่อกลัวแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มพลังให้มากกว่านี้ อย่างไรเสียเมื่อใช้พลังมากเกินไป เขาย่อมสูญเสียพลังภายในไป
ในตอนที่ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาตัดสินใจว่าจะใช้พลังห้าส่วนทำลายจวนคุณชายให้สิ้น พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจนมีระดับใกล้เคียงกับพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพา!
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพากัดฟัน จากนั้นก็เพิ่มพลังของตนเองอีก
เขาคิดว่านี่คือขีดจำกัดของพลังของเจ้าเปี๊ยกนั่น
เป็นดังคาด ราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยไร้ความเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง
ราชาศักดิ์สิทธิ์คิดจะลงมือแล้วจริงๆ แต่พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยก็พุ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน
“หืม…” ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาแปลกใจ อะไรกัน เมื่อข้าหยุด เจ้ากลับเพิ่มพลัง จะบีบให้ข้าใช้พลังทั้งหมดกระมัง?
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาลองอยู่หลายครั้ง และเป็นเช่นนั้นจริง ทุกครั้งที่เขาหยุด อีกฝ่ายก็จะเพิ่มพลัง สุดท้ายแล้ว เขาก็ใช้พลังทั้งหมดไป นี่ไม่ต่างอะไรจากหลัวช่าวิญญาณซึ่งระเบิดตนเอง
“พวกเจ้าบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้!”
เขาไม่ได้อยากทำลายเมืองหลวง แต่ว่า…
เปรี๊ยะ
ตู้ม
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาลงมือ เขาจินตนาการไว้ว่าจะเกิดเสียงดังกัมปนาท ทว่าความจริงแล้วกลับเป็นเสียงดังอึงมี่ ราวกับประทัดระเบิด แต่กำลังระเบิดอยู่ในฝาหม้อหนาอย่างไรอย่างนั้น
ประทัดก็คือพลังทั้งหมดของเขา ส่วนฝาหม้อก็คือพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อย
เขา…ราชาศักดิ์สิทธิ์วัยผู้ใหญ่ระเบิดพลังตนเอง แต่กลับถูกพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวกระจิดริดครอบไว้อย่างนั้นรึ?!
พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยไหลเวียนในอากาศ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาจึงรู้สึกว่าพลังเหล่านี้มีท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์เขา ราวกับกำลังบอกเขาว่า
‘หึ อ่อนหัด!’
…………………………..