หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 59 ปัจฉิมบท (1-2)
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหลับตาลง สัมผัสความเคลื่อนไหวในจวนคุณชาย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไข่มุกวิญญาณ แต่กลับไร้ซึ่งกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์ จึงคาดเดาว่าไข่มุกวิญญาณกลบกลิ่นอายข้องราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยเอาไว้
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เขาเคยเห็นภาพวาดมาก่อน เขารู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยหน้าตาเป็นอย่างไร เพียงแค่ลักพาตัวราชาศักดิ์สิทธิ์มาก็พอแล้ว และแผนการนี้มิใช่เพียงเพื่อให้พวกเขาควบคุมจวนคุณชายได้ง่ายขึ้น แต่เพื่อใช้ประโยชน์จากราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยในภายภาคหน้าอีกด้วย
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณยกมือขึ้นชี้ “ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ทางนั้น เป้าหมายของพวกเรานั้นมีมาก แยกกันลงมือ ข้าจะไปหาไข่มุกวิญญาณ พวกเจ้าไปจับเด็กคนนั้น จำไว้ว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นหากไม่จำเป็น แม้จะเป็นเพียงจวนคุณชาย ไม่มีอะไรให้น่ากลัว แต่ถ้าหากทหารทั้งเมืองหลวงมาที่นี่ละก็คงยุ่งยากน่าดู ข้าไม่อยากเปิดฉากสงครามในคืนนี้”
ลำพังพลังของทั้งสาม ต่อให้เหล่าทหารกรูกันมา พวกเขาก็สามารถหลบหนีได้ แต่นั่นก็จะนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาล ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะต้องสังหารคนเท่าไร แต่หลังจากที่สังหารแล้วเล่า?
การรบโดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อ จึงจะนับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ขอเพียงได้ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยมา ทุกอย่างก็จะราบรื่น
“อีกประเดี๋ยวมาพบกันที่นี่” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณบอก
“ตกลง” ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรตอบพร้อมกัน
ทั้งสามคนเข้าไปในจวนคุณชายด้วยทางเข้าคนละทาง และมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนหลักของจวนคุณชาย
ในตอนนี้ เยี่ยนเสี่ยวซื่อกำลังถือไข่มุกวิญญาณ หลับไปอย่างสบาย
ตอนกลางวันเล่นสนุกเสียเต็มอิ่ม หลังจากที่เซียวเจิ้นถิงกลับไปแล้ว อวี๋หวั่นก็ป้อนเลือดให้ไข่มุกวิญญาณ และปล่อยให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งนอนอยู่ในเปลถือไข่มุกวิญญาณไว้ในมือ
ในที่สุด เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็หลับไป
ครั้งนี้นางนอนหลับสนิท
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมิได้ใส่ใจเด็กทารกในห่อผ้า เขาไม่ได้เข้าไปในห้องด้วยซ้ำ เขาเพียงแต่ยืนอยู่บนหลังคา แล้วใช้พลังภายในดึงไข่มุกวิญญาณขึ้นมา ไข่มุกวิญญาณชนกับเพดานห้อง จากนั้นก็หล่นลงไปบนพื้น จากนั้นก็ถูกแรงมหาศาลดึงขึ้นไปจนหลังคาเรือนทะลุเป็นโพรง สุดท้ายแล้วก็อยู่ในมือของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมองไปยังไข่มุกวิญญาณซึ่งสูญหายไปนาน ในใจของเขาก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ในที่สุดสมบัติล้ำค่าของเผ่าก็ถูกเขาตามหาพบแล้ว การบรรลุขีดจำกัดของระดับพลังของเขาก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!
ขณะที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหันหลัง หมายจะเดินออกมา เงาสีดำเล็กๆ เงาหนึ่งก็เดินลับๆ ล่อๆ ออกมา
ต้าเป่ากำลังมาป้อนนมให้น้อง
น้องเล็กของเขามากเรื่องเหลือเกิน ขวดนมใหม่ก็ไม่ยอมดื่ม ต้องดื่มนมจากขวดเดิม เขาจึงรีบกลับไปเปลี่ยนขวดนม ไม่คิดเลยว่าน้องเล็กจะหลับไปเสียแล้ว
เอาเถอะ
ต้าเป่าลูบหน้าผากของนางด้วยความเอ็นดู แล้วหันหลังเดินออกไป
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณจดจำเขาได้ทันใด
เดี๋ยวก่อน นี่ไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยในภาพหรอกหรือ?
เป็นเพราะกลิ่นอายของไข่มุกวิญญาณยังคงอยู่ มันจึงกลบกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยไปจนหมด ด้วยเหตุนี้เองราชาศักดิ์สิทธิ์จึงทำได้เพียงอ้างอิงจากภาพวาด
ราชาศักดิ์สิทธิ์มองต้าเป่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าเด็กคนนี้คือเด็กคนเดียวกับในภาพ เขาจึงรีบเหาะลงไป คว้าต้าเป่าก่อนที่ต้าเป่าจะเดินออกมาจากห้อง
ทว่าในตอนนั้นเอง ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรซึ่งแยกเข้าทางด้านหน้าและด้านหลัง ก็เข้าไปยังเรือนของเยี่ยนอ๋อง ต่างก็พบกับเหยื่อของตนเอง เสี่ยวเป่าเพิ่งกลับมาจากการปลดทุกข์ ก็ถูกเงาสีดำจับไป เอ้อร์เป่าซึ่งกำลังแอบกินลูกกวาดในห้องครัวก็ถูกรวบตัวไปเช่นกัน
วรยุทธ์ของทั้งสองคนเหนือกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพา ย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นพวกเขา
ยามที่ทั้งสามคนอุ้ม ‘รางวัล’ จากสงครามกลับมายังจุดนัดพบ พวกเขาก็พบว่าแต่ละคนต่างมีเด็กอยู่ในมือ
ทั้งสามมีสีหน้างุนงง
เกิดอะไรขึ้น มีราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยสามคนได้อย่างไรกัน?
“พวกเขาเป็น…แฝดสามหรือ?” ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรถามด้วยความตื่นตะลึง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ใช่ฝาแฝดแล้วจะหน้าเหมือนกันขนาดนี้ไหมเล่า?”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรตกใจสุดขีด จนราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมกลอกตาใส่เขา แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจ “ไม่ยักเคยได้ยินราชาศักดิ์สิทธิ์พูดเรื่องนี้? สรุปแล้วคนไหนคือราชาศักดิ์สิทธิ์ คงไม่ได้เป็น…ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนหรอกกระมัง”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามพยายามสัมผัสกลิ่นอายจากเด็กทั้งสาม แต่ไข่มุกวิญญาณยังคงสว่างอยู่ พลังของมันกลบกลิ่นอายราชาศักดิ์สิทธิ์บนร่างของพวกเขาทุกคน อย่าว่าแต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเด็กเลย แม้แต่พวกเขายังสัมผัสกลิ่นอายของตนเองไม่ได้เลย
“ข้าว่า คนที่เจ้าอุ้มอยู่ไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์” ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรมองไปยังเอ้อร์เป่าซึ่งอยู่ในมือราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม “ไม่พูดไม่จา ท่าทางทึ่มๆ”
เอ้อร์เป่าเกิดโทสะขึ้นทันใด “เจ้าสิทึ่ม! พวกเจ้าทึ่มทุกคนเลย!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรชะงักไป “พูดได้ด้วยรึ…อ่า ข้านึกได้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาเหมือนจะเคยบอกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยพูดไม่ได้ เหอะๆๆ ต้องเป็นคนที่ข้าจับมาแน่นอน!”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเป่าก็พูดขึ้นว่า “ต้าเป่า! ทำไมเจ้าถือขวดนมละ เจ้าแอบไปป้อนนมน้องเล็กอีกแล้วใช่ไหม?”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรชะงักไปอีกครั้ง ทำไม…เจ้านี่ก็พูดได้ละ
ต้าเป่าซึ่งอยู่ในมือของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณก็เดือดดาลขึ้นมา ป้อนนมน้องเล็กอะไรกัน เสี่ยวเป่าพูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง!
“เจ้ายอมรับซะเถอะ! เจ้าไปป้อนนมน้องเล็กมา!” เสี่ยวเป่าเท้าเอว!
เอ้อร์เป๋าพูดเสียงแหลมว่า “พวกเจ้าพูดอะไรกัน ป้อนนมน้องเล็กอะไร พวกเจ้ามีเรื่องปิดบังข้าอยู่ใช่ไหม มันจะมากไปแล้วนะ!”
ต้าเป่าก้มหน้าด้วยความอับอาย แล้วยกขวดนมขึ้นมาดื่มเสียเอง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนมีสีหน้ามึนงง
คล้ายกับมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เด็กสามคนนี้เป็นตัวประกันที่พวกเขาจับมาไม่ใช่หรือ? เด็กทั้งสามไม่ได้สนใจว่าพวกตนเป็นคนดีหรือคนร้าย? แต่กลับเปิดฉากทะเลาะกันขึ้นมา? หนึ่งในนั้นอยู่ๆ ก็ยกนมขึ้นมาดื่ม?
พวกเขาจับตัวประกันปลอมมาหรือเปล่าเนี่ย?
พวกเจ้าทำตัวให้เหมือนตัวประกันหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร!
“ปล่อยข้า ข้าจะไปต่อยเขา!” เสี่ยวเป่าหันไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร พร้อมทั้งชี้ไปยังต้าเป่า
“ข้าก็จะต่อยเขา!” เอ้อร์เป่าบอกกับราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองไม่เคยพบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน พวกเขาสับสนจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงปล่อยเด็กทั้งสองลงบนพื้นด้วยความงุนงง
เสี่ยวเป่าจูงมือเอ้อร์เป่า แล้วเดินไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางดุดันว่า “เจ้า วางเขาลง! ข้าจะต่อยเขา!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหัวเราะเย็นชา แล้ววางต้าเป่าลง
ยามที่พวกเขาไม่ขยับ ไข่มุกวิญญาณยังคงกลบกลิ่นอายของพวกเขา แต่ทันทีที่พวกเขาสู้กัน กลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจถูกกลบไว้ได้
เขาอยากรู้เหมือนกัน ว่าคนไหนเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง
กระนั้น สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่เด็กสองคนเข้าไปคว้าตัวอีกคนหนึ่งมา พวกเขาก็ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่กลับสับเท้าหนีไปทันที!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ “…”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร “…”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม “…”
เด็กทั้งสามวิ่งหายเข้าไปในความมืด ก็ช่วยไม่ได้ พวกเขาผิวเข้มจนกลืนไปกับความมืด
สีหน้าของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนั้น เรียกว่า ‘งง’ ก็คงจะได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีไข่มุกในมือของราชาศักดิ์สิทธิ์
ทักษิณ ทั้งสามคนคงสงสัยว่าสรุปแล้วพวกเขาได้จับคนมาหรือเปล่า หรือว่าพวกเขาคิดไปเอง
“ยืนนิ่งอยู่ทำไมกัน! ตามไปสิ!” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณตวาดด้วยความโกรธ
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่าง พลังกำจายออกมาบดบังกลิ่นอายของมนุษย์ ไม่เพียงเท่านี้ พลังของไข่มุกวิญญาณยังส่งผลต่อวรยุทธ์ของพวกเขาอีกด้วย โลหิตในร่างของพวกเขาพลุ่งพล่าน ร่างกายตื่นตัว ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ได้รับผลกระทบ พวกเขาไม่อาจใช้พลังภายในเพื่อสัมผัสว่าเด็กทั้งสามอยู่ที่ไหน จึงทำได้เพียงใช้ตาเนื้อมอง และใช้มือควานหา
ใครจะไปหาเจอ!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมลัดเลาะไปตามตรอกเล็ก
ทันทีที่นางเลี้ยวไป เด็กทั้งสามก็เดินออกมาจากด้านหลังกำแพง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงหันกลับไปยังตรอก
เด็กทั้งสามหลับตาและไม่เคลื่อนไหว
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมขมวดคิ้ว แล้วเดินออกจากตรอกไปทางทิศตะวันออก
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณก็ได้รับผลกระทบจากไข่มุก เขารู้สึกว่าระดับพลังของตนกำลังจะบรรลุ เขาติดอยู่ที่ระดับสูงสุดมาเจ็ดแปดปีแล้ว ลองมาสารพัดวิธี แต่ก็ยังไม่อาจทลายกำแพงของระดับสูงสุดได้ ที่แท้ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ร้ายกาจเช่นนี้เอง
เขาไม่ได้กดพลังของตนเองไว้ คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์กับยอดฝีมือทั่วไปมีวิธีบรรลุระดับพลังไม่เหมือนกัน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าระยะอันตราย เมื่อบรรลุระดับแล้วก็บรรลุเลย และได้ครอบครองพลังนั้นในทันที
เขาตามหาเด็กทั้งสามไปพลาง รับพลังจากไข่มุกวิญญาณไปพลาง
เด็กทั้งสามใช้ข้อได้เปรียบด้านความคุ้นเคยต่อพื้นที่ หลบหนีจากราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรได้สำเร็จ
“ตรงนั้นข้าหาแล้ว ไม่เห็นพวกเขา เจ้าละ?”
“ข้าก็ไม่เห็นเหมือนกัน!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมาพบกันด้านหน้าสิงโตหิน
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมกำลังสับสน “เด็กประเภทไหนกัน ซ่อนตัวเก่งเหลือเกิน”
ที่สำคัญก็คือไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รบกวนประสาทสัมผัสของพวกเขามากเหลือเกิน อย่าว่าแต่การบรรลุระดับพลังของ
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณเลย พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังของพวกเขาก็เพิ่มมาครึ่งระดับแล้วเช่นกัน หัวใจของพวกเขาเต้นแรง ต้องพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะทำให้มันกลับมาเต้นเป็นปกติ
“ไม่ต้องพูดแล้ว รีบหาเถอะ!” ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรบอก
“อืม” ในตอนนี้ ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมไม่คิดจะชวนทะเลาะแล้ว
ทั้งสองคนแยกย้ายกันหา
ด้านหลังสิงโตหิน เด็กทั้งสามมองหน้ากัน แล้วรีบเดินออกมา
เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นกำแพงของจวนคุณชาย มีโพรงเล็กๆ พอให้สุนัขลอด พวกเขาสามารถเข้าไปได้!
เด็กทั้งสามมุดเข้าไปในโพรง
ไม่มีคน!
ไปเร็ว!
มุดเข้าไปเร็ว!
ต้าเป่าให้น้องชายทั้งสองเข้าไปก่อน เขารอเข้าเป็นคนสุดท้าย
ทั้งสามคนคลานเข้าไปในจวน
ทั้งสามคนหัวเราะออกมา!
“หัวเราะตอนนี้จะไม่เร็วไปหน่อยหรือ?”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้นเหนือศีรษะ เด็กทั้งสามตัวสั่นเทิ้ม หันขวับไปมองพร้อมกัน ก็เห็นว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมีสีหน้าถมึงทึง ไม่รู้จริงๆ ว่าเขามารออยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณยื่นมือซึ่งแลดูประหนึ่งกรงเล็บปีศาจออกมาจับเด็กทั้งสาม
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้าๆ!” เสี่ยวเป่าดิ้น เขาถูกจับไว้จนรู้สึกเจ็บ!
หากครั้งนี้พวกเขาโวยวายจนคนแห่กันมาคงไม่ดีแน่ นอกจากนั้นแล้ววันนี้พวกเขาจับเด็กได้ทีเดียวสามคน ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก จึงไม่คิดจะใจดีกับพวกเขา
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณยื่นมือออกมา หมายจะทำให้พวกเขาหมดสติ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียง ‘ป้าบ’ ไข่มุกวิญญาณในมือของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณก็หลุดออกไป
ไข่มุกวิญญาณกลิ้งกลุกๆ ไปยังสนามหญ้าด้านหน้า
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณรีบตามไปเก็บ แต่กลับพบรองเท้าปักดิ้นดอกไม้เหยียบอยู่บนไข่มุกด้วยท่าทางโอหัง
…………………………