หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 6.2 พี่จิ่วถูกใส่ความ (2)
ทันทีที่ฝ่ายหนึ่งไม่ไว้ใจอีกฝ่ายหนึ่ง เช่นนั้นทุกสิ่งที่เขาทำก็พลอยเป็นที่สงสัย อิ่งสือซันมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองจากไป แล้วพูดกับอิ่งลิ่วว่า “เจ้าดูคุณชายน้อย ประเดี๋ยวข้ากลับมา”
อิ่งลิ่วดึงแขนของเขาไว้ “เฮ้ยๆๆ! พวกนางไปปลดทุกข์! หากเจ้าไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”
“เจ้าไม่อยากให้ข้าเห็น?” อิ่งสือซันถามกลับ
อิ่งลิ่วชะงักไป “ข้า…”
อิ่งสือซันพูดว่า “วางใจเถิด สิ่งที่ไม่ควรเห็น ข้าก็จะไม่มอง ข้าเพียงแต่กังวลว่านางจะตบตาผิงเอ๋อร์ แล้วไปติด
ต่อกับคนอื่น หรือวางกับดักอะไรเทือกนั้น…พวกเราได้ตัวยามาครบแล้ว ตอนนี้ขอเพียงเข้าไปถึงเมืองหลวง ก็จะถอนพิษให้คุณชายได้ ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จำต้องรอบคอบไว้ก่อน”
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล”
อิ่งสือซันซ่อนกลิ่นอาย แล้วตามไปยังทิศทางที่สองคนนั้นเดินไป
ต้องบอกก่อนว่า อิ่งสือซันเป็นมือสังหารมาหลายปี เขามีสัญชาตญาณต่ออันตรายซึ่งนับว่าว่องไวจนน่ามหัศจรรย์ เซียงเหลียนไม่ได้ไปปลดทุกข์อย่างแน่นอน และนางคิดจะหลอกใช้ผิงเอ๋อร์ก็เท่านั้น
เพียงแต่ว่า สิ่งที่เซียงเหลียนคิดไม่ถึงก็คือ เดินไปได้เพียงครึ่งทาง นางก็ปวดท้องขึ้นมา!
นางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ท้องของนางก็ปวดแปลบขึ้นมา…
“ไอ้หยา เจ้าเป็นอะไรไป” ผิงเอ๋อร์สังเกตเห็นความผิดปกติ จึงเข้าไปพยุงนาง
เซียงเหลียนปวดท้องรุนแรง ปวดจนเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง “ข้า…ข้าเหมือนจะท้องเสีย…”
อิ่งสือซันตามรอยมาถึง เขามองออกว่าเซียงเหลียนไม่ได้แกล้งปวดท้อง จึงรีบกลับไปยังกระโจม
ในคืนนี้ เซียงเหลียนคิดจะหนีให้พ้นสายตาของผิงเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางก็ต้องพ่ายแพ้แก่ท้องไม่รักดีของตนเอง
“ทำไมข้าไม่เป็นอะไรเลยละ เจ้าท้องไส้ไม่ดีหรือเปล่า?” ผิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจ ทุกคนกินอาหารหม้อเดียวกัน ข้าวชามเดียวกัน เป็นไปได้อย่างไรที่เซียงเหลียนจะท้องเสียเพียงคนเดียว!
ผิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาออกมาอยู่ต่างถิ่น อาหารการกินมิได้ประณีตและสะอาดสะอ้านเหมือนกับครั้งอยู่ที่บ้าน พวกเขาจึงได้ฝึกฝนวิชากระเพาะเหล็ก ทว่าเซียงเหลียนนั้นธาตุอ่อน กินมันไปเพียงหัวเดียว และน้ำแกงเนื้อสามชั้นไปหนึ่งชาม ไม่นานก็รู้สึกปวดท้องเสียแล้ว
แต่เซียงเหลียนกลับไม่คิดเช่นนั้น นางสงสัยว่าเพราะเหตุใดตนกินอาหารหม้อเดียวกับพวกเขา แต่มีนางคนเดียวที่ท้องเสีย หรือว่า…พวกเขาวางยาพิษในชามและตะเกียบของนาง?
พวกเขาคิดว่านางมีที่มาที่ไปไม่แน่ชัด และนึกสงสัยนางแล้วหรือ?
มิน่าเล่า ไม่ว่านางจะถามอะไรผิงเอ๋อร์ ก็ไม่ได้ข้อมูลสำคัญแม้แต่อย่างเดียว
ไมผิดแน่ ต้องเป็นอย่างที่นางคิด!
เซียงเหลียนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้น่ากลัวเหลือเกิน สาวใช้ที่ชื่อผิงเอ๋อร์คนนี้ท่าทางเซ่อซ่า แต่กลับใจคอโหดเหี้ยม
“ข้าพยุงเจ้ากลับไปเอง” ผิงเอ๋อร์ยื่นมือออกมา
“ไม่ต้อง!” เซียงเหลียนยกแขนขึ้นมาปัดมือของผิงเอ๋อร์
การกระทำของนางรุนแรง จนผิงเอ๋อร์หวาดผวา “เจ้า…เจ้าเป็นอะไรไป”
“ข้าไม่เป็นไร! เจ้า…เจ้าไปไกลๆ! ไม่ต้องเข้ามา!” เซียงเหลียนนัยน์ตาดุดัน
เซียงเหลียนคิดว่า เจ้าโง่ผิงเอ๋อร์คนนี้ไม่แน่ว่าอาจเป็นยอดฝีมือ ไม่เช่นนั้นหลังจากที่เจ้าพวกนั้นรู้ตัวตนของนาง ก็ยังวางใจให้ตนไปนั่งรถคันเดียวกับนางอีก? เป็นเพราะต้องการให้จับตาดูตน นางจะยังไม่ทำอะไรผิงเอ๋อร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิงเอ๋อร์ทำอะไรนาง
ถ้าหากอวี๋หวั่นและผิงเอ๋อร์ล่วงรู้ความคิดของเซียงเหลียนเข้าละก็ พวกเขาคงต้องขำกลิ้งจนฟันร่วงเป็นแน่
ผิงเอ๋อร์? ยอดฝีมือ? นางผอมแห้งแรงน้อยเสียขนาดนั้น แม้แต่เด็กน้อยสามคนนางยังอุ้มไม่ขึ้นเลย
“ข้านึกออกแล้ว! บนรถม้ามียา! ข้าจะไปหยิบมาให้เจ้า! เจ้าอย่าไปไหนนะ ที่นี่อาจไม่ปลอดภัย!” ผิงเอ๋อร์เตือน จากนั้นก็จับชายกระโปรงและวิ่งกลับไปยังบริเวณที่ตั้งกระโจม
นางคิดเพียงว่าจะไปหยิบยาให้เซียงเหลียน แต่สำหรับเซียงเหลียนแล้ว นางกลับคิดว่านางกำลังจะกลับไปรายงานเรื่องนี้ต่ออวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา
อยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้ว!
เซียงเหลียนไม่สนความเจ็บปวดอีกต่อไป นางตัดสินใจรีบหนีโดยเร็วที่สุด!
ทางด้านผิงเอ๋อร์นั้น หลังจากที่ออกมาจากกระโจม ก็พบกับอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งเพิ่งกลับมาจากเดินเล่น อวี๋หวั่นเห็นท่าทางกระวนกระวายของนาง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ ผิงเอ๋อร์”
ผิงเอ๋อร์ตอบว่า “อ่า คือว่า เซียงเหลียนปวดท้องเจ้าค่ะ ข้ามาเอายาแก้ถ่ายท้องไปให้นาง!”
“ปวดท้องหรือ? ไปกินอะไรมา” อวี๋หวั่นพึมพำด้วยความประหลาดใจ แล้วบอกกับนางว่า “ประเดี๋ยวเจ้าให้นางมาหาข้า ข้าจะช่วยดูให้”
อวี๋หวั่นชื่นชอบสาวใช้คนนี้จริงๆ อย่างไรเสียนางก็เซ่อๆ ซ่าๆ ปลอบใจง่ายเหลือเกิน ถ้าหากเป็นคนที่เก่งกาจฉลาดเฉลียว ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะยังตบตาได้แนบเนียนเช่นนี้หรือไม่
อวี๋หวั่นหวังว่าเซียงเหลียนจะไม่เป็นอะไร จริงๆ นะ!
ผิงเอ๋อร์เข้าไปหาเซียงเหลียน แต่กลับพบว่าเซียงเหลียนหายไปแล้ว!
“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ! เซียงเหลียนไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ!” ผิงเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ใช่หรือ? หนีไปแล้วหรือ? เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่!
ไม่ได้การละ!
ต้องตามกลับมาให้ได้!
ขณะที่อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันไปตามหาเซียงเหลียน อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปเก็บผักผลไม้ป่าเพื่อใช้สำหรับทำอาหารในวันรุ่งขึ้น สัตว์พิษตัวน้อยซึ่งรออยู่ที่เดิมคอยคุ้มครองอาม่า ชุยเฒ่า และเด็กน้อยทั้งสาม
ท้องของเซียงเหลียนนั้นปวดราวกับถูกมีดกรีด นางรู้สึกประหนึ่งตนเองกำลังตกนรก นางสัมผัสได้ว่าพวกเขาตามมาแล้ว ทำให้นางรีบร้อนจนสะดุดบนเนินเขาลูกหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่ากลับบังเอิญไปพบอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาเข้า
“เซียงเหลียน” อวี๋หวั่นตกใจ ในฐานะที่เป็นหมอ สิ่งแรกที่อวี๋หวั่นสังเกตเห็นก็คือสีหน้าของเซียงเหลียน นางไม่สบายจริงๆ แต่ว่าไม่ยักคล้ายกับคนท้องร่วงทั่วไป ดูจากอาการและตำแหน่งที่นางกดท้องแล้ว นางน่าจะมีปัญหาที่ไส้ติ่ง
“เซียงเหลียน เจ้ามานี่ ข้าจะดูให้” อวี๋หวั่นมีสีหน้าจริงจัง
เซียงเหลียนไหนเลยจะกล้าเข้าไปให้เธอดู?
นางถอยไปด้านหลัง
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปหานาง “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก เจ้าปวดท้องมากใช่ไหม? เจ้าต้องผ่าตัด ไม่เช่นนั้นจะอันตรายมาก”
“อย่าเข้ามานะ!” เซียงเหลียนดึงมีดสั้นซึ่งซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อออกมา!
ดูก็รู้ว่ามีดสั้นเล่มนั้นไม่ใช่อาวุธธรรมดา สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉากระตุกวูบ ร่างกายของเขามิได้ขยับ มีเพียงพลังภายในรุนแรงสายหนึ่งพุ่งออกมาราวกับศรเกาทัณฑ์
เซียงเหลียนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่นางได้ยิงเสียง ‘ปัง’ มีดสั้นเล่มนั้นก็แหลกสลายเป็นผุยผงเสียแล้ว ในขณะเดียวกันนั้นเอง ฝ่ามือ ข้อมือ แม้แต่แขนและร่างกายท่อนบนของนางก็คล้ายกับถูกระเบิด และชาไปชั่วขณะหนึ่ง
เซียงเหลียนตกใจจนนิ่งไป
นางไม่เคยพบยอดฝีมือที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้มาก่อน!
ความจริงก็คือ นั่นคือมีดชั้นสูงซึ่งทำจากเหล็กนิล ตัดโลหะได้ดุจตัดดินเหนียว แม้แต่หินผานหลงในตำนานก็ยังสามารถตัดได้ แต่บุรุษผู้นี้กลับทำลายมันแหลกเป็นจุณอย่างง่ายดาย
ด้วยความตื่นตระหนก เซียงเหลียนจึงล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
แต่นางไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย นางกลัวเสียมากกว่า เหงื่อกาฬไหลโทรมกาย ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ ปากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ร่างกายของนางสั่นเทิ้มจนควบคุมไม่อยู่
“นางจะไม่ไหวแล้ว!” อวี๋หวั่นเดินเข้าไป ท้องของเธอใหญ่แล้ว นั่งยองไม่สะดวก จำต้องนั่งคุกเข่าแทน
เซียงเหลียนนึกอยากต่อต้าน แต่นางปวดท้องจนทนไม่ไหว นางทำได้เพียงมองไปยังฮูหยินผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าซึ่งคุกเข่าลงบนพื้นดินพื้นหญ้าเฉอะแฉะเพื่อตรวจอาการให้นาง
“ตรงนี้เจ็บไหม?” หลังจากที่อวี๋หวั่นจับชีพจรให้นางเสร็จ ในใจก็มีคำวินิจฉัยแล้ว เธอจึงกดลงบนด้านขวาล่างของท้อง
“อ๊าาาา” เซียงเหลียนร้องเสียงดัง
“เป็นไส้ติ่งไม่ผิดแน่” อวี๋หวั่นบอกนางว่า “เจ้าไส้ติ่งอักเสบ เรื่องนี้เร่งด่วนมาก จำเป็นต้องผ่าตัดให้เจ้า ไม่เช่นนั้นไส้ติ่งอาจแตกและเยื่อบุช่องท้องอักเสบได้ หากเป็นเช่นนั้นก็จะแย่กว่าเดิม”
อะไรอักเสบอะไรแตก เซียงเหลียนฟังไม่เข้าใจ ผ่าตัดคืออะไรนางก็ไม่รู้ นางไม่ได้เป็นหมอ!
อวี๋หวั่นบอกเยี่ยนจิ่วเฉาว่า “ท่านช่วยประคองนางกลับไปที”
“ไม่” คุณชายเยี่ยนเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ แล้วเงยหน้ามองฟ้าทำไม่รู้ไม่ชี้
อวี๋หวั่นหายใจเข้าลึกๆ เธอมองไปยังทิศทางที่พวกเขาเดินมาแล้วร้องเรียก “สือซัน! เสี่ยวลิ่ว! มานี่หน่อย!”
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วได้ยินเสียงเรียกของอวี๋หวั่น จึงใช้วิชาตัวเบารุดมา
เมื่อทั้งสองคนเห็นสภาพของเซียงเหลียน พวกเขาก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง
“นางเป็นอะไรหรือขอรับ คุณชายจัดการนางไปแล้วหรือ” อิ่งลิ่วถามด้วยความตื่นตะลึง
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
………………………….