หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 60 ปัจฉิมบท (2-2)
นางกะพริบตาปริบๆ แทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง นางใช้กระบวนท่านี้ไปนับครั้งไม่ถ้วน ไฉนอยู่ๆ ถึงใช้การไม่ได้เสียเล่า
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมเพิ่มพลังภายในอีกครั้ง เปลวเพลิงก็ลุกขึ้นอีกเช่นกัน ทว่าในทันทีที่ไหม้ไปถึงนางเจียง มันก็ดับมอดลง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมไม่เชื่อสายตาตนเอง อันที่จริงแส้นี้มีกลไกของมัน ด้านนอกเคลือบผงชนิดหนึ่งไว้ เมื่ออากาศร้อนพอสมควร ก็จะสามารถติดไฟเองได้ แต่ต้าโจวอากาศหนาว นางจึงต้องใช้พลังภายใน แต่เห็นอยู่ว่านางใช้พลังภายในไปแล้ว แต่เหตุใดทันทีที่สตรีคนนี้แตะเปลวเพลิง มันก็มอดลงไปเอง
นางเจียงมองนางด้วยใบหน้าบ้องแบ๊ว ราวกับกำลังบอกว่า ‘มาสิ มาอีกครั้ง!’
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมไม่ไปหรอก!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมหันไป และตวัดแส้ของตนกลับมา
นางจับแส้ พลางมองด้วยความเหลือเชื่อ “แส้ของข้าพังแล้วหรือ?”
นางปล่อยพลังภายในใส่แส้ เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น แส้ของนางกลับมาติดไฟอีกครั้ง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมซึ่งหลบเปลวไฟไม่ทัน “…”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมโดนไฟไหม้จนเกรียม พ่นควันดำออกมาจากปาก และร่วงลงไปในหลุมพร้อมกับราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
ทันใดนั้นเอง ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมา มือข้างหนึ่งถือไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ อีกข้างหนึ่งมีกลุ่มของพลังภายในซึ่งปะทุออกมาจากร่าง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรต่อสู้ นับเป็นการถ่วงเวลาให้เขา เขาใช้จังหวะนี้เก็บไข่มุก และดูดซับพลังของไข่มุก และเมื่อครู่นี้เอง เขาก็บรรลุระดับพลัง!
เขาไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดอีกต่อไป แต่เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์!
เขาเพียงขยับนิ้วมือ ชั้นเมฆก็ก็คล้อยออกจากกันแล้ว!
เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติ ทั้งยังสัมผัสได้ว่าตนแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เขาเป็นผู้ครองโลกมนุษย์ เขาเป็นผู้ที่อยู่เหนือราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมองนางเจียงด้วยสายตาคมกริบ ในขณะเดียวกัน พลังภายในและพลังราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งรวบรวมเป็นก้อนในมือของเขาก็พุ่งไปยังเด็กทั้งสาม!
แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจหยุดกลุ่มพลังนี้ได้ นับประสาอะไรกับเด็กเล็กที่กำลังนั่งดื่มนม!
นางเจียงนัยน์ตากระตุกวูบ แต่พลังก็ถูกปล่อยออกไปแล้ว นางทำได้เพียงใช้ร่างของตนกำบังพลังโจมตีของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณแทนเด็กทั้งสาม
ยามที่นางถูกโจมตี ทั้งโลกก็คล้ายกับเงียบสงัดลง
เสียงของลมราวกับหยุดลงชั่วขณะ ใบไม้ซึ่งกำลังร่วงโรยก็ค่อยๆ หล่นลงบนพื้นอย่างเชื่องช้า
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมองสตรีตรงหน้าค่อยๆ ล้มลงบนพื้น ผ้าเช็ดหน้าในมือของนางลอยหลุดไป นางมองไปที่เขาอย่างสิ้นหวัง และกระอักเลือดสีแดงสดออกมา…
ในที่สุดการแก้แค้นของเขาก็สัมฤทธิ์ผล!
สตรีที่เคยเหยียดหยามเขาและเผ่าศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายแล้วก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเขา!
“ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆๆ…ฮ่าๆๆๆๆ!”
“หัวเราะพอหรือยัง?”
เสียงของพญามัจจุราชดังขึ้นด้านหลังของเขา ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณได้สติ หลุดจากห้วงแห่งความคิด เขามองไปยังพื้นว่างเปล่าตรงหน้า จากนั้นก็หันไปมองนางเจียงซึ่งกำลังแสยะยิ้มให้ หัวใจของเขาแทบร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม!
เกิดอะไรขึ้น
ถูกพลังโจมตีของเทพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว แต่นางยังไม่ตายรึ?
“สิ่งนี้…คืนให้เจ้าก็แล้วกัน!” นางเจียงยิ้มอย่างเย็นชา ในมือมีกลุ่มพลังซึ่งส่องแสงสว่างจ้า แล้วเขวี้ยงกลับไปยัง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ
“อ๊ากกกก”
นั่นเป็นพลังของเทพศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์เองก็ยากที่จะต้านทาน
ราชาศักดิ์สิทธิ์ถูกพลังของตนโจมตีจนกระเด็นไป กระดูกทั้งร่างของเขาส่งเสียงผิดปกติ
การโจมตีในครั้งนี้ ทำให้พลังของเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้มาอย่างยากลำบาก พลันลดลงไปกึ่งหนึ่ง!
กระนั้นฝันร้ายก็มิได้จบลงเพียงเท่านี้
สู้กับนางมิใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อใดที่คิดจะรังแกเด็กน้อยทั้งสาม นางไม่เอาไว้แน่
เพราะนั่นหมายความว่าเป็นคนนิสัยไม่ดี ต้องถูกสั่งสอน!
นางเจียงคว้าราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณไว้ ราวกับจับลูกหมีอ้วนตัวหนึ่ง แล้วเหวี่ยงลงกับพื้นดังตุ้บๆๆ จนพลังระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ของเขาร่อยหรอลงเรื่อยๆ จนกลับไปเหลือเพียงพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด ตามมาด้วยระดับสูง ระดับกลาง ระดับแรกเริ่ม…
ตุ้บ!
พลังราชาศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เหลืออยู่แล้ว
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
พลังของครึ่งราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่เหลือแล้ว
นางเจียงฟาดจนเขาเหลือพลังเท่ากับทารกคนหนึ่ง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณกุมศีรษะ ร้องไห้น้ำตาไหลพราก อย่าทำแบบนี้… ถ้าเก่งนักก็โกนผมข้าเลยสิ…โกนเลย…
…ผมของเขาถูกกล้อนจนเกลี้ยง
แต่นางก็ยังไม่หยุดฟาด
ราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความทนทาน ทุกคนล้วนมีความทนทาน หลังจากที่จัดการราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณได้แล้ว ราชาศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนก็ฟื้นฟูพลังกลับมาพอดี นางเจียงลากทั้งสองคนออกมาฟาดกับพื้นอย่างไม่ยั้งมือ จนพลังราชาศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองไม่เหลือเช่นกัน
หลังจากที่จัดการพวกเขาเสร็จเรียบร้อย นางเจียงก็สังเกตเห็นอีกปัญหาหนึ่ง
นางถลึงตาใส่พวกเขาทั้งสาม “พลังของพวกเจ้า…สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีกไหม?”
ทั้งสามมองนางด้วยใบหน้าอันบวมฉุ
พูดมาสิ!!!
จะกลับมาได้อย่างไรเล่า พลังของพวกเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากการฝึกฝน ไม่ได้กินยาแล้วพลังจะเพิ่มขึ้นมาได้ง่ายๆ สักหน่อย เมื่อหมดไปแล้วก็ไม่ยากที่จะ…ไม่สิ เรียกว่ายากก็คงได้ หลายปีมานี้พวกเขาต่อสู้มามาก เผชิญหน้ากับยอดฝีมือมามาก ไม่เคยมีใครที่ไหนวิปลาส จับพวกเขาฟาดจนพลังราชาศักดิ์สิทธิ์กับเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไม่เหลือแล้วเช่นนี้มาก่อน
พวกเขาร้องไห้ยังร้องไห้ไม่ได้เลย ไม่เข้าใจรึ?
นางเจียงเบ้ปาก “แก้แค้นไม่ได้แล้วสินะ? เหอะ อ่อนหัด!”
ทั้งสามคน “…!!”
เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือ? เจ้าคิดว่าสวรรค์ประทานพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์มาหรืออย่างไร? จะให้ฟื้นฟูก็ฟื้นฟูง่ายๆ เลยหรือ? ทำไมไม่คิดบ้างเล่าว่าพวกเขาฝึกฝนกันหนักขนาดไหน
ทั้งสามไม่อยากแม้แต่จะพูดด้วยเหตุผล พวกเขางอนแล้ว!
กล่าวตามตรง จะโทษว่าพลังของเขาอ่อนด้อยเกินไปก็คงไม่ได้ ด้วยพลังของพวกเขา สามารถเรียกลมบังคับฝนได้ด้วยซ้ำไป แต่เจ้าหัวขโมยนี่สิที่วิปลาส ราชาศักดิ์สิทธิ์สู้นางไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง ใครจะไปคิดเล่าว่าแม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์ก็สู้นางไม่ได้!
เป็นคนปกติไม่ได้หรืออย่างไร?
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาซึ่งอยู่ระหว่างทางไม่รู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนถูกจัดการไปแล้ว อันที่จริงสถานการณ์ในฝั่งของเขาก็มิได้ดีไปกว่าอีกสามคนเท่าไร เขากับเซียวเจิ้นถิงสู้กันจนถึงที่สุด ชัยชนะกำลังจะใกล้เข้ามา อย่างไรเสียเซียวเจิ้นถิงจะทนทานถึงเพียงใด ก็ไม่มีทางเอาชนะราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ ยอดฝีมือธรรมดาไหนเลยจะเอาชนะราชาศักดิ์สิทธิ์ได้เล่า
แต่ทันใดนั้นเอง ไม่รู้ว่ามีเจ้าโง่คนหนึ่งโผล่มาจากไหน เขาพูดว่า “แม่ทัพเซียว ข้ามาช่วยท่าน!”
เหอะๆ ตัวเองกระจอกงอกง่อย จะไปช่วยอะไรเซียวเจิ้นถิงได้
ตายไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน!
ไหนเลยจะรู้ว่า กลับเป็นตัวเขาเอง ที่ถูกเล่นงานจนสภาพปางตาย…
อวี๋เซ่าชิงตวัดกระบี่ออกไป สิ่งก่อสร้างครึ่งหนึ่งของตรอกก็พังระเนระนาด แต่เขากลับ…สัมผัสไม่ได้ถึงปราณกระบี่ เช่นนั้นใครเป็นคนทำให้ตรอกนี้พังลงมา?
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพายังไม่ทันนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ล้มลงไปเสียแล้ว
จากนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาสูญสิ้นพลังต้านทาน ทำได้เพียงปล่อยให้บุรุษซึ่งไม่มีแม้แต่ปราณกระบี่จัดการตนเองจนไม่เหลือชิ้นดี
เซียวเจิ้นถิงถึงกับตะลึงงัน
อวี๋…อวี๋เซ่าชิงเก่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ เหตุใดก่อนหน้านี้ที่หุบเขาหิมะไม่สังหารทหารซยงหนูเสียเล่า?
อวี๋เซ่าชิงสะบัดมืออย่างสบายอารมณ์ “เอาละ ข้าจะไปปกป้องอาซู เจ้านี่ข้าจัดการเขาไปส่วนหนึ่งแล้ว ที่เหลือแม่ทัพเซียวจัดการเองเถิด”
ในที่สุดก็ได้แสดงฝีมือต่อหน้าเซียวเจิ้นถิงแล้ว อวี๋เซ่าชิงปลื้มปริ่มเหลือเกิน!
เซียวเจิ้นถิงมุมปากกระตุก
เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าลงมือไปส่วนหนึ่งแล้ว?
ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ายังไม่ทันลงมือ เขาก็ล้มลงไปแล้วเล่า
หลังจากที่จบเรื่อง นางเจียงรู้สึกเสียดายนิดหน่อย นางไม่น่าจัดการพวกเขาเช่นนี้เลย พวกเขาทำให้เด็กทั้งสามเจ็บปวด นางโมโหจัด จึงลงมืออย่างเต็มแรง ฟาดเสียระดับพลังของพวกเขาลดฮวบจนไม่เหลือ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าแพะด้วยหมัดเพียงครั้งเดียว
นางเจียงรู้สึกเสียใจ
ถ้าหากให้โอกาสนางอีกสักครั้ง นางจะไม่ลงมือรุนแรงเช่นนี้ นางจะค่อยๆ ลงมืออย่างทะนุถนอม
สุดท้ายแล้ว ราชาศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็ถูกจับไปยังจวนคุณชาย พวกเขาเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องรู้เรื่องราวของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจได้ข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้
ทั้งหมดนี้ ล้วนใช้อำนาจของเยี่ยนอ๋องมาจัดการ
เยี่ยนอ๋องมองไปยังราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ซึ่งหายใจรวยรินด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาคิดว่าต่อให้เจียงป้าเทียนตัดพระเศียรของฮ่องเต้มากองตรงหน้า เขาก็ไม่แปลกใจ
แต่ว่า…
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของนางเจียง เขาจึงตัดสินใจบอกนางไปตามตรง ว่ายามอยู่ข้างนอก จะรบราฆ่าฟันกันอย่างไรเขาไม่สน แต่ในเมื่ออยู่ในจวน ย่อมต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยี่ยนเสี่ยวซื่อ สิ่งของในจวนก็ห้ามเสียหายเป็นอันขาด!
“คือว่า ชินเจีย[1] ของในจวนนี้…” เยี่ยนอ๋องเอ่ยปากอย่างจริงจัง
ตะปูตัวเท่านิ้วโป้งโผล่ออกมาจากระเบียงทางเดิน นางเจียงจึงกดมันกลับไปอย่างง่ายดาย แม้แต่อวี๋เซ่าชิงก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น
แต่ที่เยี่ยนอ๋องเห็น ก็เพราะเขาคอยระแวงนางอยู่ตลอด ระแวงว่านางจะทำอะไรแผลงๆ ให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อเห็นอีก!
นางเจียงมองไปยังเยี่ยนอ๋อง “โอ้ เจ้าว่าอย่างไรนะ ของในจวนอะไรหรือ”
เยี่ยนอ๋องมองไปยังตะปูเหล็กซึ่งยุบลง “…แล้วแต่เจ้าเลย พังก็ช่างมันเถอะ”
นางเจียงและอวี๋เซ่าชิงจึงรีบไปหาอวี๋หวั่นและเยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งเพิ่งลืมตาดูโลก
เด็กทั้งสามนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว กลับเป็นเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่หิวและตื่นขึ้นมากินนมกลางดึก กินไปกินมาด็รู้สึกว่าคนรอบตัวของตนเปลี่ยนไป ดวงตาโตของนางจ้องเขม็งไปด้านนอกฉากกั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อวี๋หวั่นอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อออกมา
อวี๋เซ่าชิงรีบเข้ามาอุ้มนาง
เด็กคนนี้น่ารักเหลือเกิน น่ารักยิ่งกว่าอาหวั่นตอนเกิดเสียอีก น่ารักจนอวี๋เซ่าชิงรู้สึกราวกับหัวใจของตนกำลังจะหลอมละลาย
ฟู่ว~
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเป่าฟองนมออกมา
อวี๋เซ่าชิง “…”
อ๊าาาาาา!
ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้เนี่ย
อยากจะขโมยไปซ่อนไว้ ไม่ให้ใครเห็น!
อวี๋เซ่าชิงอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่เช่นนั้น เขาชอบเด็กคนนี้มาก จนไม่ยอมออกห่าง ทันใดนั้นอวี๋เซ่าชิงก็รู้สึกคล้ายกับว่าตนเองลืมอะไรไปสักอย่าง แต่คิดอยู่นานก็คิดไม่ออก
เถี่ยตั้นซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างโดดเดี่ยว: ท่านพ่อ ท่านยังจำเถี่ยตั้นน้อยจากหมู่บ้านเหลียนฮวาได้อยู่ไหม?
……………………………………………….
[1] ชินเจีย เป็นคำใช้เรียกญาติสองฝั่ง ซึ่งเกี่ยวดองจากการแต่งงานของบุตร