หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 61 ปัจฉิมบท (3-2)
ก่อนหน้านี้ เยี่ยนอ๋องใช้เวลากับพวกเขาไปมาก เช่นนั้นใกล้จะครบเวลาแล้ว เยี่ยนอ๋องจะไม่ร้อนรนก็คงไม่สมเหตุสมผล เช่นนั้นความเป็นไปได้เดียวที่มีก็คือหนึ่งในพวกเขา ต้องมีใครสักคนสารภาพไปแล้ว! เยี่ยนอ๋องได้ข้อมูลไปแล้ว!
“มีอะไรหรือ” องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาถาม
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาถามว่า “เยี่ยนอ๋องไปไหนแล้วละ”
องครักษ์ถามกลับว่า “ข้าก็เฝ้าเจ้าอยู่ที่นี่ จะไปรู้ได้อย่างไร!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาขมวดคิ้ว “เมื่อครู่…หลังจากที่พวกข้าถูกพาตัวออกมา เจ้าเห็นเยี่ยนอ๋องออกไปไหนหรือไม่?”
องครักษ์ครุ่นคิด “อ้อ เมื่อครู่น่ะหรือ เหมือนว่า…จะไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม”
ราชา! ศักดิ์! สิทธิ์! ประ! จิม! เจ้าบ้า!
ทันทีที่เห็นเยี่ยนอ๋อง นางก็ละสายตาจากเขาไม่ได้ ถ้าหากเยี่ยนอ๋องไปหานางจริง นางจะทนความลุ่มหลงของตนเองที่มีต่อรูปร่างหน้าตาของเยี่ยนอ๋องได้หรือ?
เหยี่ยนอ๋องเจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้ความงามของตนเพื่อล้วงข้อมูล!
ถ้าหากเยี่ยนอ๋องทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมปริปากพูดออกมาจริง เช่นนัันความเป็นไปได้ที่ข้อมูลจะถูกเปิดเผยก็มีมาก
“คนอื่นสารภาพออกมาแล้วหรือยัง?” ในตอนนั้นราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพามั่นใจว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมพูดออกมาแล้ว
องครักษ์ตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่ได้ถาม”
ตามเงื่อนไขของเยี่ยนอ๋อง ภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วยามถ้าหากทั้งสามคนสารภาพแล้ว มีเพียงเขาที่ไม่สารภาพ เขาก็จะถูกขังไว้ในจวนคุณชายตลอดไป ถ้าหากสารภาพครบทั้งสี่คน อย่างน้อยพวกเขาทั้งสี่ก็จะได้รับการปล่อยตัวออกไป
แน่นอน เขาไม่ได้มั่นใจว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณกับราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรจะสารภาพ แต่ถ้าหากพวกเขาสารภาพไปแล้วเล่า? จะไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเจ้างั่งคนนั้นหรอกหรือ?
ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ใช้ไม่ได้ยามถูกขังอยู่ในคุก
ยามที่เม็ดทรายกลุ่มสุดท้ายกำลังจะไหลลงมา ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด “ข้าสารภาพแล้ว! ข้าจะสารภาพแล้ว!”
เขาไม่ได้คิดจะทรยศ แต่ในยามนี้เยี่ยนอ๋องยังไม่ส่งคนมาสอบสวน ส่งคนมามอบยาให้ หรือปล่อยพวกเขาออกไป เห็นได้ชัดว่าต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่สารภาพไปแล้ว อย่างมากก็คือทั้งสามคนสารภาพไปแล้ว เหลือเขาเพียงคนเดียว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาอมพะนำต่อไปจะมีประโยชน์อันใด ข้อมูลที่เยี่ยนอ๋องควรได้ เขาก็ได้ไปแล้ว ที่เขาสารภาพ ก็เพียงเพื่อให้พวกเขาทั้งสี่คนได้ออกไปพร้อมกันก็เท่านั้น
ยามที่ราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาถูกส่งออกนอกเมืองหลวงด้วยรถม้ามืดสนิท ราชาศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนที่เหลือรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
ก่อนหน้านี้พูดเสียดิบดี ว่าทั้งสี่คนจะไม่สารภาพ ทั้งสี่คนจะได้ไม่เพียงถูกปล่อยตัวออกมา แต่ยังจะได้พลังยุทธ์อีกสิบห้าปีด้วย ทว่าความจริงกลับตรงกันข้าม พวกเขาทุกคนสารภาพออกมา แม้ว่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่ก็ไม่มีพลังยุทธ์กลับคืนมา
ทั้งสี่คนมองหน้ากัน และเห็นว่าต่างคนต่างออกมามือเปล่า ก็รู้ในทันใดว่าพวกเขาล้วนสารภาพออกมา
ความไว้เนื้อเชื่อใจยังมีอยู่ไหม
น่ากระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด!
สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนใจยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาทุกคนล้วนแต่คิดว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมจะสารภาพออกมาคนแรก ทั้งที่ความจริงแล้วราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมสารภาพออกมาเป็นคนสุดท้าย
เยี่ยนอ๋องไม่ได้บอกเองหรือว่าถ้าหากสามคนสารภาพ แต่คนสุดท้ายไม่สารภาพ ก็ต้องอยู่ที่จวนคุณชายตลอดไป นางอยากอยู่กับเยี่ยนอ๋องนี่! จะสารภาพทำไมเล่า!
แต่ในวินาทีสุดท้าย องครักษ์เข้ามาบอกนางว่า “เยี่ยนอ๋องกลับเมื่องเยี่ยนไปแล้ว ไม่ได้กลับมาจวนคุณชายแล้ว”
แล้วนางจะอยู่ไปทำไมเล่า!
นางจึงรีบสารภาพออกมา!
“เยี่ยนอ๋อง…ได้ไปหาเจ้าไหม?” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณถามราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม
“เปล่านี่” ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมส่ายหน้า
ราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นบุรุษทั้งสามคนได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม จึงกังวลว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมจะเป็นคนแรกที่สารภาพ สรุปแล้วเยี่ยนอ๋องปั่นหัวพวกเขาหรอกหรือ?
ทุกคนล้วนแต่กัดฟันกรอด “ถูกหลอกเสียแล้ว!”
ด้านแผนการ หากเยี่ยนอ๋องบอกว่าตนเองเป็นที่สอง ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าเป็นที่หนึ่งแล้ว
เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาถูกเยี่ยนอ๋องปั่นหัวแล้วอย่างไร พวกเขาไม่อาจหลบหนีออกมาจากคุกได้ง่ายๆ พวกเขากล้าแหกคุกหนีออกมาหรือ? คิดว่าพวกเขาไม่กลัวถูกเจ้าหัวขโมยนั่นจับฟาดจนแบนเป็นแผ่นแป้งหรือ?
“คนต้าโจวหน้าเนื้อใจเสือ!” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณเดือดดาล
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมคิดว่า เมื่อก่อนนางชอบคนมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าตอนนี้ นางชอบคนมีสมองแล้ว
……
เรื่องของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไม่อาจปิดบังจวนรัชทายาทได้ จวินฉางอันก็ได้ข่าวส่วนหนึ่งจากอิ่งสือซันแล้ว เขารีบไปรายงานเยี่ยนไหวจิ่งในทันที “…ตอนนี้พวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องกองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พวกเขาจับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้สี่คน และสอบสวนเรื่องตำแหน่งของกองทัพมาแล้ว”
เยี่ยนไหวจิ่งอ้าปากค้าง
หลายวันมานี้เขารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เขาอ่านตำราและบันทึกทั้งหมด ทั้งยังให้จวินฉางอันไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์จากอิ่งสือซันมาอีกไม่น้อย เขาย่อมรู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไร
แข็งแกร่ง น่ากลัว และไร้พ่าย!
แต่จวนคุณชายกลับไม่เพียงจับได้ แต่ยังจับได้ถึงสี่คน?
นี่มัน…อะไรกัน
“ใครเป็นคนจับหรือ” เยี่ยนไหวจิ่งถาม
จวินฉางอันตอบว่า “ข้าก็ไม่กระจ่าง อิ่งสือซันไม่ได้บอกอะไรมาก แต่ข้าคิดว่า พวกเขาต้องมียอดฝีมือลับอะไรสักอย่างเป็นแน่! ส่วนเรื่องการสอบสวน ข้าคิดว่าคงจะเป็นเยี่ยนอ๋อง”
ต่อสู้เป็นงานที่ใช้กำลัง สอบสวนเป็นงานที่ใช้สมอง งานแรกเยี่ยนไหวจิ่งไม่มั่นใจว่าใครทำ แต่สิ่งที่เขามั่นใจก็คือ บนโลกนี้ ถ้าหากมีใครสักคนที่สามารถทำให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ยอมสัมผัสได้ถึงความต่างชั้นของตนกับเยี่ยนจิ่วเฉา ที่แท้ตนเองก็ถูกโชคชะตากำหนดมาให้แพ้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องถึงกับเปรียบเทียบตนเองกับเยี่ยนจิ่วเฉา แค่เปรียบเทียบบิดาของทั้งสอง เขาก็พ่ายแพ้ราบคาบแล้ว
ในตอนนั้น เยี่ยนอ๋องไม่ต้องการบัลลังก์ฮ่องเต้แห่งต้าโจวกระมัง ไม่เช่นนั้นจะมีเรื่องอะไรกับเสด็จพ่อของเขา
ด้วยความปราดเปรื่องของเยี่ยนอ๋อง สามารถทวงความยุติธรรมและล้างมลทินให้ตนเองได้อย่างง่ายดาย จากนั้นค่อยขึ้นครองบัลลังก์ฮ่องเต้
เสด็จพ่อของเขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี เพียงแต่หากเทียบกันเรื่องกุศโลบาย ก็ยังนับว่าห่างไกลกับเยี่ยนอ๋องอยู่มาก
ทันใดนั้นเยี่ยนไหวจิ่งก็ทรุดลงบนเก้าอี้ด้วยความท้อแท้ “ฉางอัน เจ้าว่า…ข้าคิดผิดไหม…ที่ร่วมมือกับจวน
คุณชาย บางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของแผ่นดินต้าโจวอาจไม่ใช่เผ่าศักดิ์สิทธิ์ หากแต่เป็นจวนคุณชาย”
จวินฉางอันจึงปลอบว่า “องค์รัชทายาท ท่านไม่ต้องคิดมาก พวกเขาสองพ่อลูกไม่สนใจบัลลังก์ฮ่องเต้ องค์รัชทายาทปล่อยวางทิฐิลง แล้วขอโทษเยี่ยนจิ่วเฉาสำหรับความผิดที่ผ่านมา อย่าสร้างหาเรื่องกับจวนคุณชายอีก อย่าไปแข่งขันกับเยี่ยนจิ่วเฉาอีก ข้าคิดว่าพวกเขาก็จะไม่หาเรื่ององค์รัชทายาทเช่นกัน”
เยี่ยนไหวจิ่งกำหมัดแน่น “ให้ข้าไปขอโทษเขา?”
จวินฉางอันตอบอย่างจริงใจว่า “อย่างไรเสียท่านก็เป็นคนผิดก่อน ไม่ใช่หรืออย่างไร? เพื่อตำแหน่งฮ่องเต้ ถึงกับทำความผิดลงไป ถ้ายังยอมสำนึกในความผิดที่ทำไว้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับการปกครองต้าโจวทั้งดินแดน การต่อกรกับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ จำเป็นต้องพึ่งพาจวนคุณชาย ฝ่าบาทอย่าได้ทำผิดซ้ำอีก”
ครั้งนี้ที่ทำเรื่องลงไปจนไม่อาจเก็บกวาดได้ ก็เพราะเขาไม่พอใจเยี่ยนจิ่วเฉา และต้องการแย่งชิงสิ่งที่เป็นของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เยี่ยนจิ่วเฉามีหรือจะยอมปล่อยให้เขามาแย่งภรรยาไป เยี่ยนจิ่วเฉาต้องตอบโต้อยู่แล้ว!
เพื่อที่จะตั้งรับแผนการของเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนไหวจิ่งจึงฟังคำแนะนำของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แอบจ้างกองทัพมา สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านเสียเอง
ก่อนหน้านี้คุยกันแล้วว่ามีทหารหนึ่งหมื่นคน แต่กลับมารู้ภายหลังจากปากของราชาศักดิ์สิทธิ์ว่าในกองทัพมีทหารถึงหนึ่งแสนคน!
ทหารเหล่านั้นยังมิใช่ทหารธรรมดา หากแต่เป็นกองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์!
ทหารทุกคนมีพลังเทียบเท่าหน่วยกล้าตาย สามารถสู้กับศัตรูได้หนึ่งต่อร้อย เพราะฉะนั้นหากจะต่อสู้กับทหารของเผ่าศักดิ์สิทธิ์หนึ่งแสนคน พวกเขาใช้ทหารหนึ่งล้านคนก็ยังไม่พอ!
กำลังพลทั้งหมดในต้าโจวรวมกันยังไม่ถึงหนึ่งล้านคน ทั้งยังมีส่วนหนึ่งประจำการอยู่ในชายแดน หากต้องใช้ทหารทั้งหมดมาสู้รบกับกองทัพของเผ่าศักดิ์สิทธิ์จริงละก็ ชายแดนต้าโจวคงไม่เพียงถูกข้าศึกยึด สถานการณ์ในแผ่นดินเองก็จะวุ่นวายไม่แพ้กัน
“ข้า…ข้าไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายเช่นนี้…” เยี่ยนไหวจิ่งก็เสียใจเช่นกัน เขาเพียงอยากทำลายเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่คิดเลยว่าจะกลับเป็นการทำลายแผ่นดินต้าโจว
“ฝ่าบาทไม่รู้จริงๆ หรือว่าฝ่าบาทระแคะระคายแล้วว่าคนกลุ่มนี้เชื่อถือไม่ได้ แต่ฝ่าบาทยังมีแผนในใจ?” จวินฉางอันไม่รอให้เยี่ยนไหวจิ่งแก้ตัว เขาคำนับครั้งหนึ่ง “ข้าจะไปเก็บของ ศึกครั้งนี้ ฝ่าบาทต้องออกศึกแทนฮ่องเต้”
เรื่องนี้อิ่งสือซันเป็นคนแจ้งมา นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่งของเยี่ยนอ๋อง
นี่เป็นศึกใหญ่ ฮ่องเต้ประชวรจนล้มหมอนนอนเสื่อ ผู้สำเร็จราชการก็จำเป็นต้องออกว่าราชกิจแทน และสิ่งที่จะปลุกขวัญเหล่าทหาร ปลอบประโลมราษฎรได้ก็มีเพียงองค์รัชทายาทซึ่งมีแต่ชื่อทว่าไร้อำนาจคนนี้
เยี่ยนอ๋องอยากไปด้วยตนเอง ทว่าราชสำนักก็สำคัญ เสบียงก็สำคัญ หากให้เขาไป แล้วเยี่ยนไหวจิ่งอยู่ที่นี่ เกรงว่าเมื่อถึงยามศึก กองทัพสู้กันไปครึ่งทาง เสบียงของพวกเขาอาจขาดแคลนก็เป็นได้
ด้วยมาตรฐานที่สูงของเยี่ยนอ๋องนั้น ทำให้นิสัยและความสามารถของเยี่ยนไหวจิ่งไม่เข้าตาเขา
แต่หากปล่อยไปจริงๆ เขากังวลว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น จะโทษเยี่ยนอ๋องที่ไม่เชื่อมั่นเยี่ยนไหวจิ่งก็คงไม่ได้ เพราะแท้จริงแล้วสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ล้วนเกิดขึ้นจากเยี่ยนไหวจิ่ง
สำหรับเยี่ยนอ๋องแล้ว ความปรารถนาของคนเรานั้นไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวก็คือความปรารถนานั้นกลืนกินสมองจนคิดไม่ได้ต่างหาก
“ท่านอ๋อง พระชายารัชทายาทมาขอเข้าพบขอรับ” ลุงวั่นมารายงาน
“พระชายารัชทายาทมีอะไร” เยี่ยนอ๋องถาม
ลุงวั่นนึกถึงสิ่งที่หานจิ้งซูบอก แล้วกล่าวว่า “พระชายารัชทายาทบอกว่า หลังจากที่รัชทายาทออกศึก นางกังวลเรื่องความปลอดภัย จึงอยากเข้ามาอยู่ในจวนคุณชาย เพื่อให้จวนคุณชายปกป้องนาง”
นี่นับว่ายินยอมเป็นตัวประกัน
เพื่อให้แน่ใจว่าเยี่ยนไหวจิ่งจะไม่หน้ามืดตามัว และทำเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้ลงไป หานจิ้งซูซึ่งตั้งครรภ์ได้สองเดือนจึงต้องการเข้ามาอยู่ในจวนคุณชาย
หากเยี่ยนไหวจิ่งทรยศ สิ่งแรกที่จวนคุณชายจะทำก็คือสังหารหานจิ้งซู!
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้!” ด้านนอกจวนคุณชาย เยี่ยนไหวจิ่งกำลังรั้งหานจิ้งซูซึ่งเดินลงมาจากรถม้าไว้ “ข้าไม่ทำเรื่องโง่ๆ หรอก! เจ้ากลับจวนรัชทายาทไป! หรือจะกลับจวนอัครมหาเสนาบดีไปก่อนก็ได้!”
หานจิ้งซูลูบหน้าท้องซึ่งนูนออกมาเล็กน้อย พลางมองไปยังจวนคุณชายซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า นางยิ้มแล้วพูดว่า “ยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในเมืองหลวงอยู่ที่จวนคุณชาย ข้าเข้าไปอยู่ที่นี่ หากรัชทายาทไม่เลอะเลือน ก็จะไม่มีใครทำอะไรข้า แต่หากรัชทายาทเลอะเลือน ก็จะไม่มีใครช่วยข้าได้”
นั่นทำให้เยี่ยนไหวจิ่งไร้ทางหันหลังกลับ
แม้ว่าเยี่ยนไหวจิ่งคิดอยากช่วยหานจิ้งซูออกมาก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะยอดฝีมือจวนคุณชายนั้น…เหนือชั้นเกินไป
“ฝ่าบาทรักษาตัวด้วย ข้ากับลูกในท้องจะรอคอยชัยชนะของฝ่าบาท” หานจิ้งซูคำนับเยี่ยนไหวจิ่ง “น้อมส่งรัชทายาท”
ณ จวนสกุลเซียว
เซียวเจิ้นถิงก็คิดออกนำทัพเช่นกัน ครั้งก่อนเขานำทัพลงใต้ไปประกาศศักดา ทั้งยังกดดันให้หนานจ้าวส่งตัวเยี่ยนอ๋องคืนมา ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เพราะพวกเขาต้องทำสงครามจริง
“ครั้งก่อนข้ายังสู้กับซยงหนูไม่หนำใจ!” เซียวเจิ้นถิงพูดพร้อมผายมือออก ให้ซั่งกวนเยี่ยนสวมชุดเกราะให้ นี่เป็นชุดเกราะซึ่งตกทอดมาในสกุลเซียว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเงินมากพอจ่ายค่ารักษาให้เยี่ยนจิ่วเฉา จึงนำชุดเกราะนี้ไปขาย สุดท้ายเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปแย่งกลับคืนมาได้
นี่เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่เยี่ยนจิ่วเฉาให้เขา และเป็นของขวัญที่สำคัญที่สุด
“ฉงเอ๋อร์นำชุดเกราะนี้กลับมาให้ข้า” เซียวเจิ้นถิงตบชุดเกราะด้วยความภาคภูมิใจ
“ข้ารู้ๆ! เรื่องนี้ท่านเล่าให้ข้าฟังทุกวัน ข้าฟังจนท่องได้แล้ว!” ซั่งกวนเยี่ยนถลึงตาใส่เขา นางก็แอบรู้สึกดีใจอยู่บ้าง ฉงเอ๋อร์ไม่เปิดใจให้ผู้ใดง่ายๆ แต่ในเมื่อฉงเอ๋อร์เป็นคนนำชุดเกราะนี้กลับมา ก็เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับบุรุษผู้นี้แล้ว เท่ากับว่าความพยายามหลายปีมานี้ไม่นับว่าสูญเปล่า
เพียงแต่ว่าหากจะให้เขาออกรบ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่นางไม่เคยได้ยินชื่อเสียด้วยซ้ำ ในใจของนางก็อดรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้
“ท่านจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย” ซั่งกวนเยี่ยนบอก
เซียวเจิ้นถิงกอดนาง “วางใจเถิด!”
ถ้าหากข้าไม่กลับมา เจ้าจงกลับไปหาเยี่ยนอ๋องเถิด
ลูกชอบเขามาก
พวกเขาคงไม่เป็นเหมือนเขากับฉงเอ๋อร์ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉงเอ๋อร์ก็นับว่าไม่เลว
ข้าชอบเด็กคนนั้น
‘ทำอะไรอยู่หรือ’
‘เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?’
‘ทำไมข้าต้องกลัวท่านด้วย’
‘ไม่มีอะไร เจ้าใจกล้าเหลือเกิน’
‘แน่นอนอยู่แล้ว! ในนี้มีปลาหรือ?’
‘มีสิ’
‘เช่นนั้นท่านตกขึ้นมาให้ข้าดูหน่อย!’
เซียวเจิ้นถิงหวนนึกถึงตอนที่ตนพบเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นครั้งแรก เสียงเล็กน่าเอ็นดูของเด็กประหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเขา เขาพลันยิ้มออกมา
เซียวเจิ้นถิงเข้าไปอุ้มลูกขึ้นมา
ลูกที่ตกใจกลัวเขาจนร้องไห้ทุกครั้ง กลับนอนอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างว่าง่าย ทารกน้อยมองเขา ไม่ได้ร้องไห้ออกมา
………………………