หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 7.1 หมอเทวดา (1)
เยี่ยนจิ่วเฉาตวัดสายตาคมกริบไปยังอิ่งลิ่ว ถ้าเขาจัดการนาง นางจะยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้หรือ?
อวี๋หวั่นอธิบายว่า “นางไม่สบายกะทันหัน จำเป็นต้องผ่าตัด รีบพานางกลับกระโจมเร็ว!”
ทั้งสองคนพานางกลับไปยังกระโจม
แม้ว่าชุยเฒ่าจะเป็นหมอเทวดา เขาเคยลงมีดบนร่างของคน แต่นั่นล้วนเป็นแผลภายนอกหรือบาดแผลซึ่งแทงทะลุลำตัวเทือกนั้น ส่วนการผ่าท้องคนนั้น…เอ…เขาไม่เคยทำมาก่อน เพราะฉะนั้นการผ่าตัดในครั้งนี้จำต้องให้อวี๋หวั่นจัดการ
“ประเดี๋ยวข้าเป็นผู้ช่วยเจ้าเอง” ชุยเฒ่าบอก
แต่ไหนแต่ไรมา ชุยเฒ่าล้วนทำหน้าที่เป็นหมอใหญ่ ส่วนอวี๋หวั่นเป็นผู้ช่วยของเขา ทว่าวันนี้พวกเขาต้องสลับหน้าที่กัน ในใจของชุยเฒ่าก็พลันรู้สึกแปลกพิกล เขาอายุก็มากแล้ว แต่วิชาแพทย์สู้เด็กสาวคนหนึ่งไม่ได้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงเสียหน้าน่าดู
กระนั้นความสงสัยและความปรารถนาในการเรียนรู้ได้กดความรู้สึกในใจของชุยเฒ่าเอาไว้ เขารู้มาตลอดว่านางหนูคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น แต่ทุกครั้งที่คิดว่าตนเองรู้จักเด็กคนนี้ดีแล้ว เด็กคนนี้กลับทำให้เขาทึ่งได้เสมอ
ผิงเอ๋อร์ อิ่งสือซัน และอิ่งลิ่วรู้ว่าอวี๋หวั่นและชุยเฒ่ามีวิชาแพทย์ ปกติแล้วพวกเขามักเห็นการรักษาอยู่บ่อยครั้ง จึงรู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไร ผิงเอ๋อร์รีบไปเปิดม่านกระโจมของตนเอง เพื่อให้อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วพาเซียงเหลียนเข้าไป
หลังจากที่อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วพานางเข้าไปวางบนฟูกแล้ว พวกเขาก็ออกไปหยิบของที่เซียงเหลียนไม่รู้ว่าคืออะไรจากรถม้า แล้วนำมาแขวนไว้บนกระโจม
เซียงเหลียนรู้สึกเจ็บจนปฏิกิริยาตอบสนองของนางเชื่องช้า แต่ก็ไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียว นางรู้สึกราวกับตนเองเป็นปลาตัวหนึ่งซึ่งกำลังถูกจับขึ้นเขียงรอชำแหละ นางยื่นมือออกไปกระตุกแขนเสื้อของอิ่งสือซัน แล้วเอ่ยถามด้วยความกลัวและความเจ็บปวด “พวกเจ้า…พวกเจ้าจะทำอะไรข้า”
อิ่งสือซันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ชะตาของเจ้า ขึ้นอยู่กับฮูหยินน้อย!”
ไม่ใช่…นี่ไม่ใช่คำตอบสักหน่อย
เซียงเหลียนมองไปยังอิ่งลิ่วซึ่งอยู่ด้านข้าง ไหนเลยจะรู้ว่าอิ่งลิ่วมิได้ใส่ใจกับสายตาอ้อนวอนขอความเมตตาของนางแม้แต่น้อย หลังจากเตรียมสถานที่ในกระโจมเสร็จก็ออกไปพร้อมกับอิ่งสือซัน
พื้นที่ในกระโจมนั้นมีไม่มาก หลังจากที่ผิงเอ๋อร์เก็บของที่พอเก็บได้ออกไป ก็มิได้กลับเข้ามาอีก
คนเรามักจะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องกินอาหารที่ไม่รู้จัก เซียงเหลียนไม่เข้าใจว่าท้องของตนเองเป็นอะไร และไม่เข้าใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะลงโทษนางอย่างไร นางหวาดกลัวจนตัวสั่นเทิ้ม
นางได้ยินอวี๋หวั่นสั่งว่า “ไปต้มน้ำหมาฝูมา”
“เจ้าค่ะ!”
เป็นเสียงของผิงเอ๋อร์
น้ำหมาฝูคืออะไร เซียงเหลียนเคยได้ยินมาบ้าง มันคือยาที่ทำให้คนสลบ คนที่จะรักษาอาการบาดเจ็บจึงจะใช้มัน เหตุใดพวกเขาจึงต้องให้นางดื่มยาสลบด้วย…หรือว่า…พวกเขาจะ…
ทันใดนั้นเอง ม่านของกระโจมก็เปิดออก!
อวี๋หวั่นเดินเข้ามาอย่างยากลำบาก เหตุที่ต้องลำบากเช่นนี้ก็เพราะกระโจมนั้นมีขนาดเล็ก เธอต้องค้อมตัวลง อายุครรภ์ก็มากแล้ว จึงเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกนัก
ชุยเฒ่าเดินตามหลังอวี๋หวั่นมา ในมือของเขาถือล่วมยาสี่เหลี่ยมมาใบหนึ่ง
“นางหนู มีแผนไหม?” ชุยเฒ่าถาม
เขากับอวี๋หวั่นคุกเข่าลงด้านข้างเซียงเหลียน
เซียงเหลียนมองเขาด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็หันไปมองอวี๋หวั่นซึ่งอยู่ด้านข้างเขา
อวี๋หวั่นสวมถุงมือที่ทำขึ้นเอง และให้ชุยเฒ่าสวมด้วยหนึ่งคู่ “นี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกของข้า”
ชุยเฒ่ามุมปากกระตุก “เช่นนั้นเจ้านับว่าใจกล้ามาก”
เซียงเหลียนเห็นว่าอวี๋หวั่นเปิดล่วมยา หยิบมีดคมกริบวาววับออกมา นางขมวดคิ้ว “เจ้า…เจ้าจะทำอะไร”
อวี๋หวั่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ต้องกลัว ทักษะการใช้มีดของข้านับว่าดี ในท้องของเจ้ามีบางอย่างกำลังอักเสบ ต้องเปิดท้องของเจ้าออก แล้วตัดของนั่นออก เป็นเพียงการผ่าตัดเล็กเท่านั้น อาจารย์ของข้าเป็นหมอเทวดา”
เซียงเหลียนรีบมองชุยเฒ่า
ชุยเฒ่าตอบว่า “ไม่ต้องมองข้า ข้าไม่เคยทำ!”
เซียงเหลียนอยากจะร้องไห้
พวกเจ้าไม่ใช่หมอเถื่อนจริงๆ ใช่ไหม?
อีกอย่าง มีดนั่นคืออะไรกัน? เจ้าคิดว่ากำลังแล่เนื้ออยู่หรือ?
เซียงเหลียนมั่นใจว่าพวกเขาคิดจะทรมานนาง นางหนีสุดชีวิต แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายกลับต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของอวี๋หวั่น นางหญิงอ้วนคนนี้ไม่มีวรยุทธิ์ เหตุใดมีแรงมากเช่นนี้ นางขยับไม่ได้เลย!
อวี๋หวั่นบอกว่า “อย่าขยับ! ประเดี๋ยวจะโดนมีดผ่าตัด แล้วเจ้าจะบาดเจ็บเอาได้”
เซียงเหลียนไม่รู้แล้วว่าตนเองควรทำอย่างไรดี นางมองไปรอบๆ นางใช้ความคิดแล้วพูดว่า “กระโจมมืดถึงเพียงนี้ จะ…เจ้า…เจ้ามองเห็นหรือ?”
ทันทีที่นางพูดจบ นัยน์ตาของอวี๋หวั่นก็กระตุกวูบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เปิดไฟ!”
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ในกระโจมก็สว่างขึ้นทันใด!
ในที่สุดเซียงเหลียนก็เจ้าใจแล้วว่าสิ่งที่อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วนำมาแขวนคืออะไร ที่แท้ก็เป็นหินที่ให้แสงสว่าง แต่ที่น่าแปลกก็คือ หินทั่วไปจะส่องแสงได้อย่างไร? ทั้ง…ทั้งยังมีแสงเจ็ดสีด้วย!!!
อวี๋หวั่นถอนหายใจ “ไอ้หยา ข้าไม่ได้จัดงานเลี้ยง จะเปิดหลายสีไปทำไมกัน…”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อพ่นฟองออกมาเล็กน้อย
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นแสงสีขาวแสบตาในทันใด
เซียงเหลียนคิดว่าคนเองเจอผีเข้าแล้ว
ยาสลบไม่จำเป็นอีกต่อไป นางสลบไปอย่างง่ายดาย…
ปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเซียงเหลียนไม่นับว่าแปลกประหลาด แม้แต่อวี๋หวั่นและคนอื่นๆ ก็ยังไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ในตอนแรก พวกเขาค่อยๆ ค้นหาความจริง จากหนานจ้าวไปถึงเผ่าปีศาจ จากเผ่าปีศาจไปจนถึงหมิงตู พวกเขาเริ่มจากการฟังแล้วนึกสงสัย สงสัยแล้วตามหาความจริง พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับความตกใจเช่น ‘เป็นอย่างนั้นจริงหรือ? ของนั่นหายสาบสูญไปแล้วหรือ?’ อยู่ทุกวัน
พวกเขาค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ หากเป็นเมื่อก่อน เมื่อเห็นศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์สว่างวาบตรงหน้า ปฏิกิริยาของพวกเขาคงไม่ต่างอะไรกับเซียงเหลียน
เพื่อป้องกันไม่ให้เซียงเหลียนตื่นขึ้นมาระหว่างการผ่าตัด อวี๋หวั่นจึงกรอกยาสลบให้นาง
ที่โชคร้ายก็คือ พวกเขากรอกยาไปได้เพียงครึ่งเดียว เซียงเหลียนก็ตื่นขึ้น เพียงแต่นางไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝันหรือไม่
“ข้าจะทดสอบฤทธิ์ของยา” อวี๋หวั่นบอกเซียงเหลียน
อวี๋หวั่นหยิกนางครั้งหนึ่ง “รู้สึกอะไรไหม?”
เซียงเหลียนส่ายหน้า
“อย่างนี้เล่า?” อวี๋หวั่นจิ้มเข็มลงบนตัวนางอีกครั้ง
เซียงเหลียนส่ายหน้าอีก
อวี๋หวั่นชะงักไป “อย่างนี้ก็ไม่เจ็บหรือ ข้าใช้เข็มเชียวนะ!”
ในที่สุดชุุยเฒ่าก็เริ่มทนไม่ไหว “นางจะไปเจ็บได้อย่างไร! ก็เจ้าจิ้มมือข้าอยู่เนี่ย!!”
อวี๋หวั่นมองไปยังมือของชุยเฒ่าซึ่งวางอยู่บนท้องของเซียงเหลียน แล้วหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาบังหน้าของตนไว้…
การผ่าตัดในครั้งนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ยกเว้นการที่อวี๋หวั่นออกจะมือหนักไปสักหน่อย จนชุยเฒ่ารู้สึกเจ็บแทนเซียงเหลียน เขากลัวว่าเซียงเหลียนจะตื่นมาในระหว่างผ่าตัด ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นล้วนแต่ทำให้ชุยเฒ่าประหลาดใจ
ชุยเฒ่าเป็นหมอเทวดา ครั้นเขาพบเด็กคนนี้เป็นครั้งแรก นางยังรักษาสัตว์อยู่เลย แม้ว่านางจะรักษาให้คนด้วย แต่ทุกอย่างล้วนแต่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเหลียนฮวา ตั้งแต่ที่พวกเขาออกจากที่นั่นมา ก็นับเป็นเวลามากกว่าหกเดือน อาจเป็นเพราะเขา เด็กคนนี้เป็นผู้ช่วยของเขามาตลอด จนเขาเกือบลืมแล้วว่านางมีวิชาแพทย์ที่เก่งกาจเพียงใด
อีกทั้งความรู้วิชาแพทย์ที่นางมียังน่าแปลกอีกด้วย
“เจ้า…เจ้าไปเรียนมาจากไหน” ชุยเฒ่าเอ่ยถาม
อวี๋หวั่นถอดถุงมือซึ่งเต็มไปด้วยเลือดสด เธอหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้าเรียนตอนที่หายตัวไป ท่านเชื่อไหม?”
ชุยเฒ่านึกย้อนไปถึงรายละเอียดของการผ่าตัด จากนั้นก็ตัดสินใจส่ายหน้า วิธีการเช่นนี้น่ะหรือ อย่าว่าแต่มือใหม่ ต่อให้เป็นหมอมาทั้งชีวิตอย่างเขาก็ไม่มีทางฝึกฝนจนชำนาญได้ภายในเวลาเพียงปีเดียว
ชุยเฒ่ามองอวี๋หวั่นด้วยความสงสัย
ยังมีเรื่องที่น่าขบคิดอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือทัศนคติของเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่น อย่าว่าแต่สตรีทั่วไป แม้แต่บุรุษก็มิได้มีความคิดเช่นนี้
ตัวอย่างเช่น เธอกำลังตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นธรรมเนียมของต้าโจวหรือหนานจ้าว สตรีมีครรภ์ไม่ควรเห็นเลือด รักษาให้เยี่ยนจิ่วเฉายังพอเข้าใจได้ เพราะสถานการณ์บีบบังคับ อีกทั้งหมอซึ่งทำหน้าที่หลักนั้นไม่ใช่เธอ เธอเพียงแต่เป็นผู้ช่วยและช่วยส่งเครื่องมือ แต่วันนี้กลับต่างออกไป
เซียงเหลียนเป็นคนแปลกหน้า เธอเป็นคนผ่าตัดด้วยตัวเอง และเห็นเลือดสดๆ…จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ?
คิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้นที่รักษาให้เยี่ยนจิ่วเฉา สถานการณ์ก็ไม่นับว่าบีบบังคับ แต่ว่านางไม่เคยมีธรรมเนียมเช่นนั้นอยู่ในสมองตั้งแต่แรกแล้ว
………