หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 8.1 ความทรงจำหวนคืน (1)
เพื่อที่จะยืนยันว่าการคาดเดาของตนนั้นถูกต้อง อวี๋หวั่นจึงต้องค้นหาหนอนพิษซึ่งเดิมทีถูกเตรียมไว้ปล่อยใส่เยี่ยนจิ่วเฉา
จากคำพูดของเซียงเหลียน นางถูกคนปล่อยหนอนพิษใส่ไปแล้ว อวี๋หวั่นจึงให้สัตว์พิษตัวน้อยของเธอไปจับหนอนพิษในร่างของเซียงเหลียนออกมา หนอนพิษสองตัวประกบกันสนิท เป็นหนอนพิษเสน่หาอย่างที่คิด ทั้งยังเป็นหนอนพิษซึ่งแยกจากกันได้ยากที่สุดในบรรดาหนอนพิษเสน่หา เรียกว่าหนอนพิษสังวาส
ถ้าถามว่าเธอมองออกได้อย่างไรว่าเป็นหนอนพิษสังวาส เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้อาเว่ย ก่อนหน้านี้ที่หมิงตู เธอได้เรียนรู้เรื่องหนอนพิษจากอาเว่ยมาไม่น้อย หนึ่งในสิ่งที่เธอจำได้แม่นก็คือหนอนพิษสังวาส
หากกล่าวถึงระดับพลัง หนอนพิษสังวาสนั้นเทียบไม่ได้แม้แต่ราชันร้อยสัตว์พิษ แต่ถ้าหากจับมันมาทำยา ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดนั้นจะดีกว่ายาที่มีขายตามท้องตลาดเสียอีก ฤทธิ์ของมันไม่เพียงทำให้คนสองคนลุ่มหลงจนไม่อาจแยกจากกันแล้ว ยังทำให้ชีวิตของทั้งสองนั้นผูกติดกัน กล่าวง่ายๆ ก็คือหากคนหนึ่งเป็นอะไร อีกคนหนึ่งก็ไม่อาจอยู่ได้โดยลำพัง
อวี๋หวั่นเคยเห็นหนอนพิษร่วมชะตาและหนอนพิษชะตาเดิม หนอนพิษเหล่านั้นเป็นหนอนพิษธรรมดา ไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างที่มันเข้าไปอยู่ ไม่รู้ว่าปรมาจารย์พิษเสียสติคนไหนสร้างหนอนพิษสังวาสขึ้นมา สรุปแล้วก็คือฤทธิ์ของมันนั้นรุนแรงผิดธรรมชาติ แม้แต่อาเว่ยยังเคยเตือนเธอว่าให้อยู่ห่างหนอนพิษสังวาส
ถ้าหากเยี่ยนจิ่วเฉาถูกหนอนพิษชนิดนี้เข้า เยี่ยนไหวจิ่งก็จะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ เขาเพียงจัดการเซียงเหลียน เยี่ยนจิ่วเฉาก็จะถูกฝังไปพร้อมกับเซียงเหลียน
ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ อวี๋หวั่นจะทำได้เพียงยืนมองสามีหักหลังตน จากนั้นก็จะถอดใจจากเขา
แน่นอนว่า เรื่องนี้คงเกิดขึ้นจริงถ้าหากอวี๋หวั่นไม่มีสัตว์พิษตัวน้อยอยู่ในครอบครอง
ผู้ที่ปล่อยหนอนพิษใส่เซียงเหลียนนั้นอาจคิดไม่ถึงว่าบนร่างของเยี่ยนจิ่วเฉานั้นถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของจักรพรรดิสัตว์พิษ หนอนพิษสังวาสตัวใดก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขา
และหากถามว่าเพราะเหตุใดเจ้าสัตว์พิษตัวน้อยถึงสัมผัสไม่ได้ว่าเซียงเหลียนมีหนอนพิษอยู่กับตัว นั่นก็เพราะว่าระดับของหนอนพิษสังวาสนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกินไป จนสัตว์พิษตัวน้อยที่เลือกกินเพียงราชันพันสัตว์พิษนั้นไม่เหลียวแล!
ส่วนความกลัวน่ะหรือ? อันตรายน่ะหรือ? ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เคยเห็นพญาอินทรีบนท้องนภาสนใจมดปลวกเล็กๆ บนพื้นดินหรือไม่เล่า? นั่นมันออกจะขัดกับสัญชาตญาณไปสักหน่อยกระมัง?
อวี๋หวั่นให้เซียงเหลียนพักผ่อน และไม่ต้องคิดมาก พร้อมทั้งกำชับผิงเอ๋อร์ให้ดูแลนางเป็นอย่างดี
ตอนนี้ผิงเอ๋อร์รู้แล้วว่าเซียงเหลียนเป็นสายลับ แต่เซียงเหลียนบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ นางจึงไม่กังวลว่าเซียงเหลียนจะทำอะไรนาง นอกจากนั้น เซียงเหลียนก็ยังคงไม่ได้สูญเสียจิตสำนึกไป ในช่วงเวลาสำคัญ นางยังตระหนักรู้เรื่องบุญคุณ
อวี๋หวั่นเดินไปยังรถม้าของตน ขณะที่เธอกำลังขบคิดอย่างหนักว่าควรบอกเรื่องนี้กับเยี่ยนจิ่วเฉาหรือไม่ เธอต้องบอกเขาแน่ แต่จะบอกเรื่องของเยี่ยนไหวจิ่งอย่างไรให้เขาไม่รู้สึกขุ่นเคืองนั้นเป็นปัญหาใหญ่
เด็กทั้งสามไปขี่ม้าอีกแล้ว หลังจากที่ได้ขี่ม้า พวกเขาก็ไม่ค่อยหลับในรถม้าอีกต่อไป เป็นเช่นนี้ก็ดี ออกมาเล่นกลางแดดสักหน่อย จะได้ร่างกายแข็งแรง
อวี๋หวั่นตัดสินใจหยั่งเชิงเยี่ยนจิ่วเฉาก่อน
ทันทีที่เธอขึ้นไปบนรถม้า ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้าใส่ ตามมาด้วยนิ้วเรียวและท่อนแขนแกร่งซึ่งเข้ามาโอบรัดรอบตัวเธอ
การเคลื่อนไหวของเขานั้นเอาแต่ใจ แต่ก็มีขอบเขต ไม่ได้ชนเข้ากับหน้าท้องของเธอแม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าถึงแม้เยี่ยนจิ่วเฉาปากจะบอกว่าไม่ยอมรับว่าเธอกำลังตั้งท้อง แต่ลึกๆ ในใจแล้วเขาย่อมรู้ดี ไม่เช่นนั้นในทุกๆ การกระทำของเขาคงไม่ได้ใส่ใจท้องเธอเช่นนี้
เพียงแต่ว่า…อวี๋หวั่นรู้สึกร้อนแล้ว
อันที่จริงเมื่อเข้าใกล้ต้าโจวแล้ว อากาศก็จะไม่ร้อนเช่นในหนานจ้าว แต่ช่วยไม่ได้ เพราะหลังจากที่อายุครรภ์ของอวี๋หวั่นมากขึ้น เธอก็ยิ่งร้อนง่าย เมื่อถูกกอดในอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็รู้สึกราวกับเข้าใกล้กับเตาไฟ เธอกำลังจะเหงื่อออก
“ปะ…ปล่อยข้าก่อนแล้วค่อยคุยกันได้ไหม?” อวี๋หวั่นถามพลางทำคอตก
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก เขาไม่เพียงไม่ปล่อย แต่กลับกอดแน่นกว่าเดิมเสียอีก “เจ้าจะทำอะไรข้าหรือ”
“ข้า…” อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร เธอหันหน้าไปหาคนด้านหลัง “ข้าจะไปทำอะไรท่าน?”
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาไปหยุดอยู่ที่ขวดในมือของอวี๋หวั่น “ในมือของเจ้ามีอะไร”
“อ้อ หนอนพิษสังวาส” อวี๋หวั่นวางขวดหยกในมือลงบนโต๊ะ
สังวาส? แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่หนอนพิษธรรมดา
สีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาพลันแลดูเคร่งขรึมในทันใด “ชนิดเดียวยังไม่พอ ยังจะมีชนิดที่สองอีกหรือ? เจ้าหลงใหลข้าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?!”
ไปกันใหญ่แล้ว
เธอไปหลงใหลเขาตอนไหนกัน?
สำหรับสตรีมีครรภ์ที่ท้องใหญ่อย่างเธอ คนที่ไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดก็คือผู้ชาย เข้าใจไหม!
อวี๋หวั่นมีสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นของเซียงเหลียน! เซียงเหลียนเป็นสายลับ! นางจะใช้มันทำร้ายท่าน!”
เยี่ยนจิ่วเฉาหัวเราะอย่างเย็นชา “แก้ตัว เจ้าแก้ตัว”
อวี๋หวั่นประหลาดใจจนหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “ข้า…ข้าแก้ตัวอย่างไร”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า “หนอนพิษของเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น จะมองไม่ออกเชียวหรือว่านางมีหนอนพิษ?”
แต่ข้าสัมผัสไม่ได้นี่! หนอนพิษระดับล่างอย่างนั้น จะไปสัมผัสได้อย่างไร?
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ เชยคางของเธอ เพื่อให้เธอหันหน้ามา “ดูแล้วข้ายังไม่อาจทำให้เจ้าพอใจ”
อวี๋หวั่นมองไปยังสายตาเปี่ยมไปด้วยอันตรายของเขา หัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมา
ท่านเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว เข้าใจผิดจริงๆ…
“อยากได้ก็บอกกันตรงๆ ถึงกับต้องใช้หนอนพิษสังวาสเชียวหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบขวดหยกมา แล้วโยนมันลงไปที่พื้นอย่างไม่ยี่หระ ไหนเลยจะรู้ว่าจุกขวดปิดไม่สนิทและหลุดออก หนอนพิษสังวาสด้านในกระเด็นออกมา แล้วพุ่งเข้าชนเยี่ยนจิ่วเฉา
แต่นี่ไม่ใช้สิ่งที่หนอนพิษสังวาสต้องการ แต่มันทำอะไรไม่ได้ คุณชายบางคนแข็งแกร่งเกินไป ทำให้มันถูกดูดเข้าไป
อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว!
ต่อให้นั่งคิดนอนคิด เธอก็ไม่คิดว่าหมอนี่จะทำให้ตนเองถูกหนอนพิษเข้า ตอนนี้เจ้าสัตว์พิษตัวน้อยก็ออกไปเที่ยวเล่นเสียด้วย ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
อวี๋หวั่นหันหลังไป จับไหล่ของเขาไว้ “ท่านอย่าขยับ! ข้าจะใช้เลือดหลอกล่อมันออกมา!”
เยี่ยนจิ่วเฉาจับมือของเธอไว้ “ไม่ต้องเสแสร้งหรอก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกหรือ? ปล่อยหนอนพิษใส่ข้ามาสองครั้งแล้ว ข้าก็ทำตามที่เจ้าต้องการ!”
ไม่ใช่สิ นี่มันหนอนพิษสังวาสไม่ใช่หรือ? เขาจะมาเสน่หาเธอได้อย่างไร? ถ้าเป็นอย่างนี้เขาคงจะไปชอบเซียงเหลียน…
หรือว่า…ต้องรอเวลาให้พิษออกฤทธิ์?
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
ผ่านไปสองชั่วยาม…
อวี๋หวั่นนั่งนิ่ง ทำไมพิษยังไม่ออกฤทธิ์อีกละ?
อวี๋หวั่นสงสัยเหลือเกินว่าหนอนพิษตัวนั้นเป็นหนอนพิษปลอม!!!
หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีทางเล่นแง่อย่างไม่อายฟ้าอายดินเช่นนี้หรอก อวี๋หวั่นหน้าแดง เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้า ที่แท้เยี่ยนจิ่วเฉาก็เป็นคนแบบนี้…
อวี๋หวั่นจำไม่ได้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าพวกเขาอยู่ระหว่างทางออกจากตำบลชิงเหอแล้ว พวกเขาเข้าไปในเขตแดนของต้าโจว อากาศก็เย็นลงทันใด
ม่านหน้าต่างรถม้าเปิดออกเล็กน้อย แสงสว่างจากด้านนอกลอดเข้ามารำไร
พื้นรถม้าปูด้วยพรมนุ่มและสะอาด เด็กทั้งสามสวมชุดเอี๊ยม นั่งขัดสมาธิเล่นตัวต่อไม้อยู่บนพรม เยี่ยนจิ่วเฉานั่ง
อยู่ริมกำแพงข้างอวี๋หวั่น ร่างของเขาบังแสงแดดจ้าได้พอดิบพอดี
เยี่ยนจิ่วเฉาหันหลังให้แสง ใบหน้าของเขาจึงเกิดเงา อวี๋หวั่นมองไม่ชัดว่าเขามีสีหน้าเป็นอย่างไร แต่เธอรู้สึกว่าท่าทางของเขายามที่เธอหลับนั้นแตกต่างออกไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อวี๋หวั่นก็รู้สึกว่าตนเองจำต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง พวกเขาพาลูกมาด้วย เรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องมีขอบเขต
อวี๋หวั่นกระแอม แล้วพูดกับเด็กทั้งสามว่า “พวกเจ้าปิดหูเสีย”
แต่เด็กทั้งสามเหลือบมองไปยังท่านแม่ซึ่งยังมีสีหน้างัวเงีย พวกเขาไม่ได้ถามว่าทำไม เพียงแต่วางตัวต่อไม้ลง แล้วยกมือเล็กๆ ขึ้นมาปิดหู
อวี๋หวั่นจ้องหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ!”
เดิมทีคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะยอกย้อนเธอว่า ‘นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าปล่อยหนอนพิษใส่ข้าหรอกหรือ ตอนนี้เจ้าจะมาโทษข้าอีกหรือ? เจ้าคนปากไม่ตรงกับใจ!’ ไหนเลยจะรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งหลับตาทำสมาธิ
หรือว่า…หลับไปแล้ว?
อวี๋หวั่นขยับเข้าไปมอง
ในตอนนั้นเธอก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
ใบหูของเขาแดงก่ำ!
เป็นเพราะแสงด้านหลังนั้นสว่าง มองจากระยะไกลจึงมองไม่เห็น แต่เมื่อเข้าไปใกล้ อย่าว่าแต่มองเห็น ต่อให้ไม่มอง เธอก็สัมผัสได้ถึงความร้อนจากใบหูของเขา
เขา…เขินหรือ?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น ดวงตารูปผลซิ่งของอวี๋หวั่นก็จ้องเขม็ง “เยี่ยนจิ่วเฉา! ความทรงจำของท่านกลับมาแล้วหรือ?”
……………..