หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 11 เยี่ยนเสี่ยวซื่อเคลิบเคลิ้ม!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อน้ำลายไหลย้อย ขาของนางเตะไปมา จนไม่ทันระวังไปเตะโดนบางอย่างเข้า นางเหยียบขึ้นไป ร่าง
เล็กพุ่งลงไปในโลงศพ
แน่นอนว่านางไม่เจ็บ อย่างไรเสียนางก็ตัวอวบอ้วน ทั้งยังสวมเสื้อผ้าหนา ที่สำคัญก็คือเสื้อผ้าของนางเป็นขนนุ่ม!
“เอ๊ะ? พวกเจ้าได้ยินเสียงอะไรไหม?”
ด้านนอกเขตหวงห้าม ทหารเผ่ามารเอ่ยขึ้น
“เหมือนว่าจะมีของตกลงบนพื้น?”
ทหารอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ไปเร็ว รีบเข้าไปดู!”
ทหารทั้งสี่คนรับคำสั่ง ในมือของพวกเขาถือกุญแจสำหรับเข้าไปในเขตหวงห้าม แล้วเดินเข้าไปในด้านในอย่างง่ายดาย
ทั้งสี่คนไม่ได้ไปที่อื่นใด นอกเสียจากตรงไปยังโลงศพหยก
ในขณะเดียวกันเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันและเสียงฝีเท้า สัญชาตญาณบอกนางว่าต้องรีบซ่อนตัวโดยเร็ว นางหันก้นเล็กๆ ดึงแขนเสื้อของเด็กหนุ่ม แล้วรีบมุดเข้าไป
มองไม่เห็นข้า มองไม่เห็นข้า มองไม่เห็นข้า…
ทันทีที่ทหารทั้งสี่เดินมาถึงโลงศพ ก็เห็นเด็กหนุ่มซึ่งกำลังหลับสนิท แล้วก็…เด็ก…ไม่สิ แกะตัวหนึ่ง?
ลูกแกะตัวอวบอ้วน กำลังมุดเข้าไปใต้แขนเสื้อของเด็กหนุ่ม หัวของมันถูกซ่อนไว้จนมองไม่เห็น แต่ตัวอวบอ้วนของมันอยู่ด้านนอก ก้นโก่ง หางของมันดุกดิกไปมา
หางเล็กของมันขยุกขยิก ราวกับกำลังบอกว่า ‘พวกเจ้ามองไม่เห็นข้าใช่ไหมละ เหอๆๆ’
ทหารเผ่ามารทั้งสี่คน “…”
แน่นอนว่าทหารเผ่ามารมองไม่ออกว่านั่นคือเด็ก ยังคิดเสียอีกว่าเป็นลูกแกะตัวหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะทำให้ชุดของเยี่ยนเสี่ยวซื่อเหมือนจริง อวี๋หวั่นลงทุนลงแรงไปมาก หากสังเกตท่าทางของเยี่ยนเสี่ยวซื่อจริงๆ ละก็ ย่อมต้องมองออก แต่นางซ่อนตัวอยู่เช่นนี้ เป็นใครก็ต้องคิดว่าเป็นลูกแกะจริงๆ
ถ้าหากทหารเผ่ามารจับเยี่ยนเสี่ยวซื่อขึ้นมา ก็ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแกะปลอม แต่พวกเขาดันไม่คิดจะใส่ใจลูกแกะตัวนี้
“ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เองรึ ข้าก็คิดเสียอีกว่าโจรบุกเข้ามา” ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระ
เมื่อเทียบกับโจรแล้ว ลูกแกะตัวนี้น่ากลัวน้อยกว่ามาก
หากจะโทษที่ทหารเผ่ามารคิดเช่นนี้ก็คงไม่ได้ อันที่จริงเป็นเพราะการสร้างเมล็ดพันธุ์มาร พื้นที่แถบนี้จึงมีพลังมารมากขึ้นเรื่อยๆ ดึงดูดให้เหล่านักบวชผู้ผดุงคุณธรรมเข้ามาโจมตี เมื่อวานนี้เอง ก็มียอดฝีมือขั้นเสวียนเทียนคนหนึ่งบุกเข้ามาสังหารทหารของเผ่ามารไปสามสิบกว่าคน สร้างความเสียหายมหาศาล
สุดท้ายต้องให้ผู้พิทักษ์แดนมารออกโรง สังหารยอดฝีมือผู้นั้นเสีย
ทว่าเรื่องนี้ก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ก่อนที่ยอดฝีมือคนนั้นจะตาย เขาได้ปล่อยกระแสจิตออกไป กระแสจิตนั้นมี-ข้อมูลเกี่ยวกับวังมารมากน้อยแค่ไหนไม่มีผู้ใดรู้ ถ้าหากนักบวชขั้นเสวียนเทียนได้ข้อมูลเหล่านี้ไป และบุกมาที่นี่ เมล็ดพันธุ์มารผู้นั้นของพวกเขาอาจไม่ได้ถือกำเนิดเป็นพญามารอย่างราบรื่น
เพราะฉะนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว ลูกแกะไร้เดียงสาเพียงตัวเดียว ย่อมไม่มีผู้ใดนำมาใส่ใจ
“ว่าแต่มันเข้ามาได้อย่างไรกัน” ทหารเผ่ามารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เจ้าลืมแล้วหรือ? อาณาเขตที่กั้นไว้นั้นกว้างมาก แม้แต่ภูเขาด้านหลังก็ถูกรวมเข้าด้วย มันอาจมาจากด้านหลังเขาก็ได้”
“โอ้”
“เลิกพูดเรื่องนี้ก่อน ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ยกคนไปเถิด”
“ได้!”
ทหารทั้งสี่ปิดฝาโลง คนหนึ่งจับหนึ่งมุม แล้วยกโลงศพขึ้นมา
โลงศพหยกพันปีนี้หนักมาก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับทหารเผ่ามาร
เดิมทีเยี่ยนเสี่ยวซื่อซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ ทันใดนั้นกล่องใบใหญ่ก็ปิดลง กลายเป็นกล่องมืดสนิท นางจึงถอยออกมาจากแขนเสื้อ ดวงตากลมโตกะพริบตาปริบๆ มองไปรอบๆ
“แอ๊” นางร้องด้วยความสงสัย
“เอ๋? พวกเจ้าได้ยินเสียงอะไรไหม? หรือว่าเขาตื่นแล้ว?” ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เอาละ พอได้แล้ว เขาโดนยาพิษของเผ่ามาร จะไปตื่นได้อย่างไร เขาใกล้ตายแล้ว! เป็นเสียงเจ้าแกะนั่นต่างหาก!”
“อย่างนั้นหรือ?” ทหารเผ่ามารเกาศีรษะ “ทำไมข้ารู้สึกว่าไม่ใช่”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเม้มปากสนิท
ทหารทั้งสี่คนยกโลงศพเข้าไปในตำหนักแห่งหนึ่งของวังมาร แล้วหยิบโซ่เหล็กซึ่งเตรียมไว้เกี่ยวกับมุมทั้งสี่มุมใต้โลงศพ
“ประเดี๋ยวพิธีเริ่มต้นขึ้น แท่นบูชามารจะดูดพลังของประมุขศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ระดับพลังของพวกเราไม่เพียงพอ ถ้าหากอยู่ใกล้เกินไป อาจถูกพลังของประมุขศักดิ์สิทธิ์ทำร้ายได้ เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าเข้ามาใกล้แท่นบูชามารมากเกินไป เข้าใจไหม?”
หัวหน้าทหารของเผ่ามารกำชับ
ทหารที่เหลืออีกสามคนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
หัวหน้าทหารพูดต่อว่า “เอาละ มีโลงศพหยกอีกใบหนึ่งต้องไปยก พวกเจ้าตามข้ามา”
ทหารทั้งสี่พูดจบ ก็เดินออกจากตำหนักแห่งนี้ไป
ทันทีที่พวกเขาออกไป ในโลงศพหยกก็มีการเคลื่อนไหว
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น ใช้พลังของประมุขศักดิ์สิทธิ์ในร่างดันโลงให้เปิดออก
ที่นี่แม้ว่าจะเป็นตำหนักมืด แต่ก็มีเทียนจุดเอาไว้บนเชิงเทียน เปลวเทียนสั่นไหวเล็กน้อย ทำให้เงาซึ่งทอดยาวไปบนพื้นพลอยสั่นไหวไปด้วย
เด็กชายลุกขึ้นนั่งในโลง
“อุว้า” เยี่ยนเสี่ยวซื่อกะพริบตาปริบๆ มองเขา
ถ้าหากอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่นี่ ย่อมต้องรู้ทันทีว่าเด็กคนนี้คือโจวจิ่นซึ่งหายตัวไปหลายวัน แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่เคยพบโจวจิ่น และโจวจิ่นก็ไม่เคยพบเยี่ยนเสี่ยวซื่อหลังจากที่คลอดออกมา
ก่อนหน้านี้โจวจิ่วเดินทางไปยังต้าโจวเพื่อเยี่ยมเยียนอวี๋หวั่นและเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็จริง แต่อวี๋หวั่นเกิดเรื่องขึ้นพอดี โจวจิ่นจึงพากองทัพของเผ่าพ่อมดบุกไปยังเผ่าศักดิ์สิทธิ์ หลังจากจบศึก ก็มาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และกลายเป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่คนเรียกกัน
“อุว้า~” เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอียงคอ ใบหน้าบ้องแบ๊วมองโจวจิ่น
ชุุดที่นางสวมใส่ก็น่ารัก กอปรกับใบหน้าที่น่ารักของนาง ทำให้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่
แต่ว่า โจวจิ่นเป็นคนที่มีเหตุผล
เขามิได้หลงใหลในท่าทางเอียงคอแลดูน่ารักของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ อาจเป็นเพราะเด็กแปลกหน้าคนนี้ทำให้เขาหวนคิดถึงอดีตของตนเอง เมื่อนึกถึงเจ้าก้อนอ้วนกลมทั้งสาม สีหน้าของโจวจิ่นก็ซับซ้อนขึ้นมา
“เจ้าก็ถูกคนพวกนั้นจับมาเหมือนกันหรือ? แม้แต่เด็กเล็กขนาดนี้พวกเขาก็ไม่ปล่อยไป?” โจวจิ่นถามเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
“อุว้า~” เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังคงทำหน้าตาบ้องแบ๊ว
โจวจิ่นมองไปรอบๆ เขานึกถึงบทสนทนาของทหารเผ่ามารเมื่อครู่ ก็ตระหนักได้ว่าในตอนนี้ที่นี่นับว่าปลอดภัย จึงบอกกับเยี่ยนเสี่ยวซื่อว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าออกไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยแล้วจะกลับมาหาเจ้า เจ้าอย่าไปไหน อย่าร้อง เข้าใจไหม?”
ไม่สิ เขายังไม่วางใจ โจวจิ่นมองดวงตากลมของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ แล้วใช้พลังเวทกับนาง เพื่อให้นางอยู่ที่นี่อย่างว่าง่าย
ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่ลุกขึ้น แขนขวาของเขานั้นก็หนักอึ้ง
เขาหันไปมอง ก็พบว่าเยี่ยนเสี่ยวซื่อนั่งอยู่ในแขนเสื้อของเขา ดวงตาบ้องแบ๊วจ้องมองมา
โจวจิ่น “…”
เข้าไปได้อย่างไรกัน
ไม่สิ พลังเวทของเขาใช้ไม่ได้หรือ?
โจวจิ่นจับเยี่ยนเสี่ยวซื่อออกมา จากนั้นก็ใช้พลังเวทอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าในสายตาของเยี่ยนเสี่ยวซื่อเคลิบเคลิ้มแล้ว…ไม่สิ เมามายแล้ว เขาจึงลุกขึ้นอีกครั้ง
ในครั้งนี้ เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็มุดเข้าไปในแขนเสื้อด้านซ้ายของเขาอีกครั้ง
“เจ้าเด็กคนนี้ คลานเร็วเหลือเกิน”
อีกทั้งพลังเวทของเขา สรุปแล้วใช้การไม่ได้หรืออย่างไร? หรือว่าได้รับผลกระทบจากวังมาร?!
โจวจิ่นลองใช้พลังเวทอีกครั้ง เพื่อให้นางอยู่ที่นี่ แต่ทันทีที่ก้าวออกจากโลงศพหยก เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ปีนขึ้นมาบนหลังของเขา
เขาวางเยี่ยนเสี่ยวซื่อกลับลงในโลงศพ แล้วก้าวขาอีกข้างหนึ่งออกมา ทันทีที่ข้ามออกมาแล้ว ก็พบว่าเยี่ยนเสี่ยวซื่อกำลังเกาะอยู่ที่ขาของเขา
โจวจิ่น “…”
โจวจิ่นหายใจเข้าลึก กำหมัดแน่น จับเยี่ยนเสี่ยวซื่อขึ้นมา แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าไม่ได้จะไปเล่น เจ้าไม่ต้องตามมา มันอันตรายมากรู้ไหม?”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ขยับ นางเม้มปาก ลำตัวเล็กสั่นเทิ้ม ราวกับว่ากำลังกลั้นบางอย่างเอาไว้
โจวจิ่นสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ทันใดนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เขากำลังจะวางนางลง แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวซื่อฉี่ออกมาแล้ว
หลังจากที่ได้ปลดทุกข์ นางก็รู้สึกสบายตัวขึ้น ดวงตาอันเมามายของนางปิดลง “ว้า~”
โจวจิ่นมองไปยังหน้าอกของตนซึ่งเปียกชื้นเป็นวงกว้าง เขาก็สีหน้าย่ำแย่ขึ้นมา!
กระนั้นอีกฝ่ายก็เป็นเพียงทารกที่ฟันยังไม่ขึ้น เขาจะไปพูดอะไรได้!
เขารีบวางเยี่ยนเสี่ยวซื่อไว้ด้านข้าง แล้วหยิบเสื้อผ้าสะอาดออกมาจากถุงเฉียนคุน เขาเดินอ้อมไปยังอีกด้านหนึ่งของโลงศพหยก หันหน้ากลับไปมองทารกซึ่งนั่งอยู่ที่พื้น “เจ้าไม่ต้องตามมา!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อหันหลังไปอีกด้านหนึ่ง
โจวจิ่วปลดเข็มขัดออก
เยี่ยนเสี่ยวซื่อลอบหันไปมอง จากนั้นก็น้ำลายไหล…
“เจ้า…อย่าแอบมองสิ!” โจวจิ่นหันหน้ามา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อยกมือเล็กขึ้นปิดตา
โจวจิ่นขมวดคิ้ว แล้วหันหลังกลับไป เขาถอดเสื้อผ้าออกแล้ว กำลังจะล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสียงน้ำไหลดังขึ้น
เยี่ยนเสี่ยวซื่อลอบมองจากช่องระหว่างนิ้วมือ…
ครั้นโจวจิ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น…หมดสติ น้ำลายไหลย้อยไปแล้ว
เสื้อผ้าของนางก็เปียกเช่นกัน ทารกตัวแค่นี้อาจหนาวจนเป็นไข้ได้ โจวจิ่นครุ่นคิด และหยิบเสื้อของตนเองออกมาจากถุงเฉียนคุน ถอดชุดลูกแกะของนางออก ใช้เสื้อผ้าของตนคลุมให้นาง
นางหลับไปแล้ว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะปล่อยนางไว้ แต่โจวจิ่นคิดว่าจากนิสัยของเจ้าตัวเล็ก เมื่อตื่นขึ้นมา จะต้องคลานเพ่นพ่านไปมา และไม่แน่ว่าอาจถูกคนพบเข้าก็เป็นได้
เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พลางหยิบผ้าออกมาผูกเยี่ยนเสี่ยวซื่อไว้กับอก
โชคดีที่นางหลับสนิท
โจวจิ่นคิด
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไหนเลยจะรู้ว่าไม่ทันไร เยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งกำลังสะลึมสะลือก็จะหานมกิน
นางเอียงคอ กัดเข้าที่หน้าอกแบนราบของโจวจิ่น
โจวจิ่น “…!!”
…………………………………