หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 15 เยี่ยนเสี่ยวซื่อผู้เป็นที่รักใคร่เอ็นดู!
หลังจากเอ้อร์เป่าเข้าไป ม่านพลังด้านหน้าต้าเป่าและเสี่ยวเป่าก็เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน ทั้งสองใช้ขาสั้นๆ กระโดดผ่านเข้าไป
หลังจากได้เห็นการอัญเชิญนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ ฟันเหล็กปะทะเถาวัลย์ปีศาจ ชายชราก็รู้สึกว่าตนสามารถทำใจยอมรับได้แล้ว แม้จะไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวเล็กเหล่านี้ทำได้อย่างไร
เรื่องของน้องสาว ไข่น้อยทั้งสามไม่ได้ให้ชายชราเข้าไปก่อน แต่ชายชราเสนอตัวเป็นผู้นำทาง “พวกเจ้ารอที่ประตู ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากมีอันตรายอะไร…”
ก่อนจะเอ่ยจบ ก็พบว่าไข่น้อยทั้งสามกำลังมองเขาด้วยความสงสัย
ความสงสัยนั้นไม่ใช่เพียงความสงสัย ทว่ายังดูเหมือนเจือปนไปด้วยร่องรอย…แห่งความดูถูก!
ราวกับรู้สึกว่าเขาจะเข้าไปทำให้เรื่องราวยุ่งยากกว่าเดิม จะว่าไปแล้วเขาไม่น่าเชื่อถือเช่นนี้เชียวหรือ? ล่อทหารเผ่ามารมาเป็นความผิดเขาหรือ? ผู้ใดเอะอะโวยวายก่อนกินผลไม้กันละ? เขาไม่ได้ห้ามแล้วหรือ?
แล้วก็…
ไม่มีแล้วก็อีกต่อไปแล้ว ไข่น้อยทั้งสามเข้าไปด้วยใบหน้าหยิ่งยโส
ชายชรากุมหัวใจ ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องโมโหตายด้วยน้ำมือเจ้าหัวขนพวกนี้แน่!
คนสี่คนและนกหนึ่งตัวเข้ามาในห้องโถงมืด คราบเลือดบนพื้นโจวจิ่นหาวิธีลบออกไปแล้ว ร่องรอยการต่อสู้ก็ถูกปกปิดไว้ให้มากที่สุด หากไม่ดูให้ดีก็จะมองไม่เห็น ทว่าไข่น้อยทั้งสามไม่ใช่เด็กธรรมดา โดยเฉพาะต้าเป่า เขามองดูอย่างละเอียด
เขาเห็นส่วนที่แตกออกมา ซึ่งมีขนาดประมาณเล็บมือที่ฐานของกำแพง
หากเป็นคนธรรมดาก็ยากที่จะตัดสินได้ว่ามันมาจากที่ใด แต่ต้าเป่าจำมันได้ ชุดเกราะของทหารเผ่ามารที่จับพวกเขามาทำจากวัสดุนี้
ต้าเป่าหยิบกระดาษปากกาออกมาเขียนให้ชายชราดู ‘เปิดโลงศพ’
สั้นๆ กระชับได้ใจความเช่นนี้เลยหรือ?
ขอความกรุณาผู้อาวุโสจั๋วฉื่อช่วยเปิดโลงศพได้หรือไม่?
เขียนอีกสักคำสองคำจะเหนื่อยเจ้าหรืออย่างไร?
ชายชรากลอกตา เดินอ้อมไปด้านหลังฝาโลงและผลักมันออก
เขาอยู่ในเขตต้องห้ามมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าที่นี่คือที่ใด แล้วชาวเผ่ามารกลุ่มนี้จะเล่นลูกไม้อะไร แต่ศพในโลงเหล่านี้เขารู้จัก เห็นได้ชัดว่าเป็นทหารเผ่ามารที่เห็นอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะถูกขังในคุกใต้ดิน
ดูจากศพของพวกเขาเหมือนเพิ่งตายไปไม่นานนัก และเป็นการตายอย่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก คนหนึ่งกระดูกหักทั้งตัว อีกสามคนก็คอหัก
นี่คือโลงศพหยกที่ทำจากหยกเย็นพันปี ว่ากันว่าช่วยปกป้องมิให้ร่างผุกร่อนและสะกดพลังปราณได้ สรุปได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ชายชราไม่มีทางคิดว่าพวกเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ จึงถูกเผ่ามารกำจัด แล้วเก็บร่างไว้ในโลงหยกเย็นพันปี
พวกเขาต้องถูกคนฆ่าตายเป็นแน่!
ใครกันละ?
“ลูกปัด” เสี่ยวเป่าก้มลงหยิบลูกปัดขนาดเท่าเม็ดถั่วขึ้นมาจากใต้โลงศพ
นี่คือลูกปัดบนรองเท้าของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เสื้อผ้าของนางเปียก แต่รองเท้าไม่เปียก ดังนั้นรองเท้าจึงยังสวมอยู่บนเท้าของนาง ยามที่หลัวช่าน้อยอุ้มนางกระโดดไปมา ก็ไม่ระวังทำลูกปัดตกไว้เม็ดหนึ่ง
“น้องเล็กเคยมาที่นี่จริงๆ” เอ้อร์เป่ากล่าว
“หรือคนพวกนั้นจะถูกน้องสาวของพวกเจ้าฆ่าตาย?” ชายชราถามไข่น้อยทั้งสามอย่างอ่อนแรง
ไข่น้อยทั้งสามมองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม
ชายชราก็ตระหนักได้ว่าตนพูดผิดไป พลันกระแอมในลำคอและกระซิบว่า “ข้าล้อเล่น จะมีเด็กตัวเล็กๆ เช่นนี้ฆ่าคนได้อย่างไร? ฮ่าๆๆ…”
ไข่น้อยทั้งสามคิดในใจ เจ้าโง่! น้องสาวฆ่าพวกมัน ก็ไม่ฆ่าให้น่าเกลียดเช่นนั้นหรอก!
ไข่น้อยทั้งสามค้นหาทั้งด้านในและด้านนอกโถงมืด แน่ใจว่าน้องสาวของพวกเขาไม่อยู่ที่นั่น พวกเขาจึงวางแผนไปค้นหาที่อื่นต่อ
ขณะที่ไข่น้อยทั้งสามพยายามตามหาที่อยู่ของน้องสาว โจวจิ่นกับหลัวช่าน้อยก็พบคุกใต้ดินที่พวกเขาเคยถูกขังไว้
คุกใต้ดินขังคนไว้มากมาย ทั้งเด็ก ชาวบ้านธรรมดาและผู้ฝึกตน จับมาทำอะไรโจวจิ่นก็ไม่รู้
โจวจิ่นค้นหาทีละห้องขัง แต่ก็ไม่พบเงาคนติดตาม ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้ถูกขังไว้ที่นี่
ขณะที่เขาคิดให้หลัวช่าน้อยไปหาที่อื่นกับตน ก็พบว่าหลัวช่าน้อยเข้าไปในห้องขังว่างห้องหนึ่ง หลัวช่าน้อยสูดดมทั่วห้องขัง หันไปมาราวกับกำลังหาบางสิ่งบางอย่าง
โจวจิ่นลูบรูบนประตูห้องขัง มันถูกทะลวงด้วยใบมีดคม แน่นอนเขาไม่คิดว่าทหารเผ่ามารว่างมากจนพังห้องขังของพวกตนเล่น พูดได้เพียงว่านักโทษในคุกหนีออกไปแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยขมวดคิ้ว ทำท่าทางราวกับกำลังหาใครสักคน โจวจิ่นก็กระซิบถาม “มีคนในครอบครัวของเจ้าอยู่ที่นี่อีกหรือ?”
หลัวช่าน้อยยังคงไม่ตอบ อุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อแวบกายออกไป
มันว่องไวดุจสายฟ้า วิ่งผ่านห้องขังไปด้วยความเร็ว คนที่ถูกขังไม่แม้แต่จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่ามีพายุพัดผ่านไป รู้ตัวอีกทีหลัวช่าน้อยก็ตรวจดูห้องขังทั้งหมดและอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อออกมาแล้ว
โจวจิ่นก็ก้าวออกไป
หลัวช่าน้อยอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ยืนครุ่นคิดใต้แสงจันทร์
โจวจิ่นมองร่างผอมบาง ข้อมือเล็กๆ ราวกับไม้เท้าของมัน จากนั้นก็มองทารกอ้วนในอ้อมแขนของมัน จนรู้สึกจะอุ้มไม่ไหวแทนเสียแล้ว
แต่โจวจิ่นก็รู้ว่ามันไม่มีทางปล่อยให้ตนอุ้มน้องสาวของมันแทน
“นี่ เจ้าตัวเล็ก เมื่อครู่เจ้าหาใครอยู่หรือ? ในเมื่อพวกเราต่างก็กำลังตามหาคน ไม่สู้เจ้าบอกข้าว่าคนที่เจ้ากำลังตามหามีหน้าตาเช่นไรดีกว่าหรือ ข้าจะได้ช่วยดูให้เจ้าด้วย” โจวจิ่นพูดกับมัน
หลัวช่าน้อยยังคงใช้ความคิด
ใบหน้างดงามไร้ที่ติของโจวจิ่นถูกอาบด้วยแสงจันทร์เจิดจ้า ยิ่งทำให้เขาดูงดงามยิ่งนัก “กำลังหาพ่อแม่ของเจ้าอยู่หรือ? พ่อแม่ของเจ้าก็ถูกจับมาด้วยหรือ?”
ไม่รู้ว่าประโยคใดที่สิ่งชั่วร้ายตัวน้อยได้ยิน โจวจิ่นเห็นว่าในที่สุดสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันจ้องมองท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิดไร้ขอบเขตอย่างเหม่อลอย ปากเล็กๆ ส่งเสียงราวกับคนละเมอ “ม๋า…ม๋า”
โจวจิ่นไม่เข้าใจมันอีกครั้ง
ขณะนั้นโจวจิ่นรู้สึกว่ามันดูเหมือนเจ้าตัวน้อยน่าสงสารที่ถูกทอดทิ้ง ครอบครัวไม่ต้องการมันหรือ? เพราะถูกคนทำให้กลายเป็นหลัวช่าโลหิต?
“เอ่อ เจ้า…” โจวจิ่นเพิ่งเอ่ยปาก เสียงฝีเท้าเล็กๆ ก็ดังมาจากด้านข้าง ดวงตาโจวจิ่นขยับวูบ เอ่ยกับหลัวช่าน้อยว่า “รีบหลบเร็ว! อย่าให้ใครเห็น…”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ พายุลูกหนึ่งได้พัดโจวจิ่นผู้มีใบหน้างดงามไร้ที่ติจนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ส่วนหัวโจกก็อุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่เหนือศีรษะ
โจวจิ่นใช้พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ พ่นใบไม้ใบหนึ่งออกมา แล้วเอ่ยกับหลัวช่าน้อยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ต้องขอบคุณ”
คนที่มาเป็นทหารเผ่ามารอีกสี่คน พวกเขาก็ไปคุ้มกันส่งคนเช่นกัน แต่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งเช่นโจวจิ่นกับหลัวช่าน้อยที่จำเป็นต้องใช้โลงศพหยกเพื่อปิดกั้นพลังปราณ ทว่าเป็นเด็กธรรมดา พวกเขาคุ้มกันไปส่งชุดหนึ่งแล้ว กำลังไปส่งชุดที่สอง
โจวจิ่นเป็นราชาพ่อมด เขาจะอุทิศตนเพื่อชาวพ่อมดแม่มด มิใช่เพื่อคนทั้งใต้หล้า เขาไม่มีหน้าที่นี้ และก็ไม่มีความสามารถเช่นนั้น ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจึงไม่เคยคิดจะทุบหินด้วยก้อนกรวด ทำลายทั้งวังมาร
เป้าหมายของเขาคือ หลังจากช่วยออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ก็จะดูแลผู้ติดตามของตนให้ดี
และสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยก็ดูเหมือนจะเห็นตรงกับเขาในแง่นี้ แค่ตามหาคนเท่านั้น มิใช่เพื่อช่วยทุกชีวิต
ไม่ใช่ไม่ต้องการช่วย แต่ไม่อาจช่วยได้
ด้วยความสามารถของพวกเขาในยามนี้ ต่อให้ร่วมมือกัน เกรงว่าจะสังหารผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารก็ยังยาก
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มีมากกว่ายอดฝีมือเผ่ามารนั่นผู้เดียว
ทั้งสองปกปิดพลังปราณของตน ทหารเผ่ามารเดินผ่านไปโดยไม่ทันรู้ตัว แต่เดินไปได้ไม่ไกล จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวซื่อในอ้อมแขนก็ละเมอออกมา “อูว้า อูว้า~”
“ใครน่ะ!” ทหารเผ่ามารพลันชักดาบหันกลับมา
ก่อนที่ดาบจะออกจากฝัก หลัวช่าน้อยก็พุ่งเข้าไปหาเขา
หลัวช่าน้อยเหวี่ยงเยี่ยนเสี่ยวซื่อขึ้นไปในอากาศ ด้วยความเร็วที่ยากจะจินตนาการ หักคอของทหารเผ่ามารทั้งสี่และรับเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่ตกลงมาได้อย่างมั่นคง
เยี่ยนเสี่ยวซื่อละเมอเสียงหวาน “อูว้า~”
“อ๊าก!” ทหารเผ่ามารอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นสหายสี่คนถูกฆ่าตาย เขาไม่ได้ก้าวขึ้นมาต่อสู้ แต่กลับคิดจะจากไปเงียบๆ
โจวจิ่นสังเกตเห็นทันเวลา พลันสะบัดแขนเสื้อกว้าง ขว้างมีดออกไปแทงทะลุหัวใจของเขา
เขาไม่ชอบฆ่า แต่บางครั้งไม่ฆ่าก็ต้องฆ่า
หลัวช่าน้อยหันขวับเดินจากไป!
โจวจิ่นมองแผ่นหลังเล็กๆ ของมันสลับกับซากศพบนพื้นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เจ้ามีหน้าที่แค่ฆ่าคน ไม่สนใจผลที่ตามมาเลยใช่หรือไม่? ดูเหมือนสี่ในห้าคนนี้เจ้าเป็นคนฆ่า ช่วยอย่าเอาความเละเทะมาทิ้งให้ข้าทีจะได้ไหม?
แต่หลัวช่าน้อยได้เดินจากไปไกลแล้ว!
โจวจิ่นกัดฟันลากศพเข้าไปในพุ่มไม้
………………………