หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 16 ความจริง การรวมพล
โจวจิ่นและหลัวช่าน้อยยังคงเดินหน้าตามหาต่อไป โจวจิ่นไม่รู้ว่าหลัวช่าน้อยกำลังตามหาใครและมีอยู่กี่คน ทว่าหลัวช่าน้อยก็ไม่มีความคิดที่จะทิ้งโจวจิ่นแล้วไปคนเดียว เทียบว่ามันชอบโจวจิ่นมาก โจวจิ่นยิ่งรู้สึกว่าความจริงมันไม่ได้สนใจตนมากนัก
ดูเหมือนตั้งแต่พบน้องสาว มันก็จมอยู่ในโลกของตัวเอง ในโลกนั้นมีเพียงน้องสาวและไม่มีผู้ใดอีก
ทั้งสองเดินไปได้ไม่นานก็พบกับทหารเผ่ามารสองคน ไม่เกินความคาดหมาย พวกเขาถูกหลัวช่าน้อยจัดการเช่นเคย
จริงๆ แล้วทหารเผ่ามารแข็งแกร่งมาก หากไม่ใช่เพราะจู่ๆ ในร่างกายก็ปรากฏพลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ด้วยพลังเวทสมัยก่อนของโจวจิ่น เกรงว่าจะไม่อาจรับมือพวกมันได้ ทว่าคู่ต่อสู้ที่ยากเย็นเช่นนี้ก็ยังถูกฆ่าตายในเงื้อมมือของสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยด้วยกระบวนท่าเดียว ทั้งยังไม่ทำให้น้องสาวต้องตกใจตื่น
ยามฆ่าเป็นปีศาจ ทว่ายามอุ้มน้องสาวกลับกลายเป็นอัศวินของนาง
หลังจัดการกับศพ โจวจิ่นก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากและเอ่ยกับหลัวช่าน้อย “ข้าว่ามาตกลงกันดีกว่า พวกเราจะไม่ฆ่าคนแล้วได้หรือไม่? หากยังฆ่าเช่นนี้ต่อไป วังมารคงว่างเปล่า”
ความว่างเปล่ามิได้น่ากลัว ทว่าสิ่งที่น่ากลัวคือ หากจู่ๆ คนก็ลดน้อยลงไปเช่นนี้ ยอดฝีมือที่แท้จริงแห่งวังมารต้องพบว่ามีศัตรูภายนอกบุกรุกเข้ามาแน่ หากชำระล้างทั้งวังมาร พวกเขาก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตามมา
ทว่าหลัวช่าน้อยไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย มันอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อเดินไปโดยไม่สนใจ!
โจวจิ่นเงยหน้ามองฟ้าพลางทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้
วังมารกว้างใหญ่มาก ทั้งสามค้นห้องโถงทีละห้อง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ถูกจับมาถูกขังไว้ที่ใด จริงอยู่ที่คุกใต้ดินมีหนึ่งส่วน แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ขณะที่โจวจิ่นถูกขังอยู่ในโลงระหว่างทางไปวังมาร เขาได้ยินทหารเผ่ามารเอ่ยว่าจะรวบรวมหนึ่งพันชีวิตบูชายันต์ประมุขมาร ไม่ว่าจะเป็นบุรุษ สตรี เด็ก คนชรา
“จะถูกขังไว้ที่ใดได้นะ?” โจวจิ่นพึมพำเบาๆ ทันใดนั้นทหารเผ่ามารอีกคนก็เดินมา ไม่เกินความคาดหมาย หลัวช่าน้อยตัดสินใจจะลงมืออีกครั้ง แต่คราวนี้โจวจิ่นห้ามไว้
โจวจิ่นกระซิบ “อย่าฆ่าเขา เราจะแอบตามเขาไป บางทีอาจพบที่ที่ครอบครัวเจ้าถูกขังอยู่ก็ได้”
เพราะกังวลว่ามันจะไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเอ่ย โจวจิ่นจึงทำไม้ทำมือ “ตามหาคน ตามหาคน เจ้าเข้าใจหรือไม่? เขา จะพาเรา ไป”
เจ้าสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยดูเหมือนกับเข้าใจ และมันก็ไม่โจมตีทหารเผ่ามารจริงๆ
โจวจิ่นภาวนาให้ทารกน้อยไม่ตื่น ไม่ส่งเสียงดังใดๆ ออกมา ไม่เช่นนั้นเพื่อรักษาความลับ พวกเขาก็จำต้องฆ่าทหารคนนี้
โชคดีที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อหลับสนิทและยังยิ้มในความฝัน ไม่ละเมออะไรออกมา
โจวจิ่นและหลัวช่าน้อยเดินตามทหารเผ่ามารไปอีกตำหนัก ตำหนักนั้นมีม่านพลังเช่นกัน ที่ที่พวกเขาเคยค้นหาไม่มีคนที่ถูกจับมาและไม่มีม่านพลัง แต่ที่ที่ตนกับหลัวช่าน้อยถูกขังไว้มีม่านพลัง หรือนี่จะหมายความว่า ตำหนักที่มีม่านพลังก็คือที่ที่ขังมนุษย์ผู้เป็นเครื่องสังเวย?
โจวจิ่นเดินตามหลังทหารผู้นั้นไปเงียบๆ
หลัวช่าน้อยยังคงอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อเหาะขึ้นลงในอากาศ
จู่ๆ ทหารผู้นั้นก็หยุดเดินและหันกลับมามองด้วยสีหน้าแปลกๆ
โจวจิ่นรีบหลบหลังต้นไม้
หลัวช่าน้อยตกลงตรงหัวมุมชายคาพอดี ไม่อาจหลบทัน มันทำสีหน้านิ่ง เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นรูปปั้นเล็กๆ ตราไข่ดำ และใช้กำลังภายในหยุดชายผ้าที่ปลิวสยายให้แข็งทื่อไม่เคลื่อนไหว
ทหารเผ่ามารเหลือบมองรูปปั้นพิเศษที่ไม่รู้ว่ามาอยู่บนชายคาตั้งแต่เมื่อใด สายลมยามค่ำคืนพัดมา ทว่าเสื้อคลุมที่พลิ้วไสวกลับไม่ขยับ
อ๋อ เป็นรูปปั้นไม่ผิดแน่
ทหารเผ่ามารหันกลับ หมายจะเดินต่อ
“ฮัดชิ่ว!”
จู่ๆ หลัวช่าน้อยก็จามออกมา
ทหารเผ่ามารหันกลับไปอย่างรวดเร็ว หลัวช่าน้อยยังคงทำตัวเป็นรูปปั้นตราไข่ดำไม่ขยับเขยื้อน
องครักษ์เผ่ามารเกาหัว เขาหูฝาดไปหรือ? รูปปั้นจะจามได้อย่างไร?
ทหารเผ่ามารเดินต่อไป
“ฮัดชิ่ว!”
จามอีกครั้ง คราวนี้เป็นโจวจิ่น
ทหารเผ่ามารดึงกระบี่ออกจากเอว เดินไปหลังต้นไม้ใหญ่
เวลานี้เองแมวป่าตัวหนึ่งก็โผล่ออกมา “เมี้ยว~”
“เจ้าหนูนี่เอง” ทหารเผ่ามารทอดถอนใจด้วยความโล่งอก เก็บดาบเข้าฝัก
อันที่จริงพวกเขาเข้ามาถึงตำหนักนี้แล้ว หากจะฆ่าเขาทิ้งก็ไม่เป็นไร แต่ไม่นานโจวจิ่นก็ต้องขอบคุณที่พวกตนไม่ฆ่าเขาไปเสียก่อน เพราะทหารผู้นี้มิใช่ทหารธรรมดา แต่เป็นคนสนิทของผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่าปีศาจ เขามาเพื่อรายงานต่อผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่าปีศาจ!
ไม่กล้าคิดเลยว่า หากเขาหายไป ผู้พิทักษ์ใหญ่ต้องรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติในวังมาร
โจวจิ่นและหลัวช่าน้อยเดินตามทหารเผ่ามารเข้าไปในห้องโถงที่มืดและเย็นเยียบ ห้องโถงนี้กว้างใหญ่มาก ด้านบนบันไดสูงมีที่นั่งสลักด้วยสัญลักษณ์มังกรดำดุร้าย
ยอดฝีมือเผ่ามารหลายสิบคนคารวะที่นั่งว่างเปล่านั้น ตามคำสั่งของผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามาร
ทุกคนไขว้แขนสองข้าง วางฝ่ามือไว้บนบ่า โค้งคำนับสามครั้งอย่างเคร่งครัด
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารซึ่งเป็นผู้นำกล่าวว่า “เราขอถวายเลือด รอการกลับมาของประมุขมาร!”
“เราขอถวายเลือด รอการกลับมาของประมุขมาร!”
“เราขอถวายเลือด รอการกลับมาของประมุขมาร!”
“เราขอถวายเลือด รอการกลับมาของประมุขมาร!”
ทั่วทั้งห้องโถงคล้ายกับสั่นสะเทือนด้วยเสียงอันทรงพลังของบรรดายอดฝีมือ โจวจิ่นรู้สึกว่าหูของตนชาเล็กน้อย ความแปลกประหลาดยากจะอธิบายพุ่งสู่หัวใจ ราวกับมีบางสิ่งจะออกมาจากร่างกาย ต่อต้านพลังปราณจากยอดฝีมือเผ่ามารเหล่านั้น
แต่โจวจิ่นรู้ว่าตนเองทำไม่ได้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้
เขาควบคุมพลังปราณ ระงับความแปลกประหลาดนั้น
“ผู้พิทักษ์ใหญ่” ทหารเผ่ามารที่โจวจิ่นและหลัวช่าน้อยติดตามมาเดินไปข้างกายผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารและยกมือคำนับ
“เรียบร้อยหรือไม่?” ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารลดมือที่คารวะลง ลุกขึ้นแล้วมองเขา
ทหารเผ่ามารพยักหน้า “เขาถูกนำไปที่แท่นบูชามารแล้วขอรับ แต่เขาคือร่างที่กลับชาติมาเกิดจริงๆ หรือ? เหตุใดง่ายดายเช่นนี้ก็…”
“คนผู้นั้นคือคนที่ฆ่าประมุขมารในเวลานั้น เหตุใดถึงถูกข้าปราบได้ง่ายดาย เจ้าอยากพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่?” ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารเยาะเย้ย
“ข้าน้อยมิกล้า” ทหารเผ่ามารก้มหน้าลง
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารยังคงเยาะเย้ย “เขายังไม่ฟื้นคืนความสามารถเดิม หรืออาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
โจวจิ่นขมวดคิ้ว
คนที่ถูกนำขึ้นไปบนแท่นบูชามาร มีเขาแล้วก็หลัวช่าน้อยตนนี้ ผู้กลับชาติมาเกิดที่คนเผ่ามารหมายถึง คือหนึ่งในพวกเขาหรือ? หรือที่นี่ยังมีแท่นบูชามารอื่นอีก?
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารกำหมัดแน่น “ยามนั้นมันฆ่าประมุขมาร บัดนี้ก็ใช้ชีวิตมันเป็นเครื่องสังเวยแก่ประมุขมาร ถือว่าเป็นการแก้แค้นบัญชีเลือดเมื่อหลายพันปีก่อน! เผ่ามารของข้ารอวันนี้มานานแล้ว รอให้ประมุขมารกลับมาค่อยนำคนทั้งเผ่าไปฆ่าพวกมัน แล้วไอ้ที่เรียกว่าผู้บำเพ็ญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก็จะกลายมาเป็นเชลยเผ่ามารของเรา!”
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่ากลับมีข้อมูลมหาศาล ‘คนผู้นั้น’ ที่เขาหมายถึงดูเหมือนจะเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเขากลับชาติมาเกิดแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเขาตายไปแล้วแต่สิ่งที่ไม่รู้คือตายไปพร้อมกับประมุขมาร หรือล่วงลับไปด้วยสาเหตุอื่นหลังจากสังหารประมุขมารแล้ว บัดนี้ คนผู้นั้นได้กลับชาติมาเกิดแล้วก็ถูกคนเผ่ามารจับตัวกลับมา
คนเผ่ามารรู้ที่อยู่ของผู้กลับชาติมาเกิดได้อย่างไร?
แล้วประมุขมารที่จะกลับมา จะกลับมาอย่างไร?
จะเหมือนกับคนผู้นั้น กลับชาติมาเกิดอีกคน หรือเป็นการสร้างร่างมารใหม่ด้วยความแค้นและเลือดเนื้อของเครื่องสังเวยเหล่านั้น?
โจวจิ่นเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่กี่เดือน ข้อมูลที่เขารู้ยังน้อยเกินกว่าจะสรุปความจริงทั้งหมดได้ แต่หนึ่งสิ่งที่แน่นอนคือผู้ที่ถูกจับมาทั้งหมดจะต้องตายอยู่ในวังมารแห่งนี้
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารออกคำสั่ง “เสริมกำลังคุ้มกัน อย่าให้ผู้ใดรบกวนการกลับมาของประมุขมาร ผู้บุกรุกวังมารให้สังหารอย่างไร้ความปรานี!”
ทันทีที่เอ่ยจบ ทหารเผ่ามารอีกคนก็กระวีกระวาดเข้ามา “เรียนผู้พิทักษ์ใหญ่! แท่นบูชามารเกิดเรื่องแล้วขอรับ! คนในโลงศพหยกหายไปแล้ว!”
“คนในโลงใดที่หายตัวไป?” ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารถาม
ทหารผู้นั้นก็เอ่ยว่า “หายไปทั้งสองคนขอรับ! ทหารที่แบกโลงทั้งสี่คนก็ถูกฆ่าตายแล้ว!”
“อะไรนะ?!” ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารขมวดคิ้ว
“ผู้พิทักษ์ใหญ่!” ทหารเผ่ามารอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา ยกมือคำนับแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่จับหัวขโมยสองสามคนได้จากภูเขาด้านหลัง! พวกมันหนีมาจากคุกใต้ดิน! ไม่รู้ว่าพวกมันจะเกี่ยวกับเรื่องที่แท่นบูชามารหรือไม่!”
“พาเข้ามา!”
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารออกคำสั่ง ทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาพร้อมกับนกตัวใหญ่ ชายชราผมขาวและไข่ดำน้อยทั้งสาม!
……………………