หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 17 พานพบญาติมิตร
ไข่น้อยทั้งสามถูกจับ หากพูดก็ดูเหมือนกล่าวหา ยามที่พวกเขาข้ามม่านพลังเข้ามา ไม่รู้ว่าม่านพลังแตกเป็นรูใหญ่ได้อย่างไร พวกเขาเข้ามาได้อย่างงงๆ แต่ยามที่พวกเขาจะออก ม่านพลังกลับไม่ขยับเสียแล้ว
ทุบตีอย่างไรก็ไม่เป็นผล ม่านพลังไม่เปิดออกแม้แต่น้อย พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร
เอ้อร์เป่าเท้าเอวตะโกนให้เปิดอยู่นาน แต่ม่านพลังก็ไม่เปิดออก
พวกเขาคิดว่าหากไปด้านหน้าไม่ได้ เช่นนั้นเดินอ้อมภูเขาไปก็ได้ ผลกลับถูกตาข่ายใหญ่หลังเขาดักไว้
ไข่น้อยทั้งสามมือสองข้างไพล่หลัง ถูกเชือกรัดตัว มองยอดฝีมือในห้องโถงด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
ความจริงตอนที่ทหารเผ่ามารไปพบพวกเขาก็ไม่ได้คิดจะมัดทั้งสาม เด็กตัวเล็กๆ เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องป้องกันมิใช่หรือ?
ไม่คิดว่าหลังจากเห็นชายชราถูกมัด ในใจของทั้งสามกลับรู้สึกไม่เท่าเทียม
ไข่น้อยทั้งสามเดินมาและขอให้ทหารเผ่ามารมัดตัวพวกเขาด้วย!
มีสิทธิ์อะไรมัดกระทั่งไก่ตัวนั้นแต่กลับไม่มัดพวกเขา หรือว่าพวกเขาทำตัวร้ายกาจได้ไม่เท่าไก่ตัวนึง? ฮึ!
เมื่อผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารเห็นว่าพวกเขามัดกระทั่งเด็กตัวเล็กๆ สามคนก็ขมวดคิ้ว เจ้าพวกนี้ปอดแหกอะไรกัน? แม้แต่เด็กไม่กี่คนก็ต้องมัดด้วยหรือ?
นี่ไม่ได้หมายความว่าเผ่ามารเห็นอกเห็นใจไข่น้อยทั้งสามมากมายแต่อย่างใด เพียงแค่รู้สึกว่าไม่จำเป็น ลูกน้องพวกนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญรุ่นก่อนๆ ดูหวาดกลัวเป็นนกตื่นธนู สิ่งนี้ทำให้ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารรู้สึกไม่สบายใจ
จู่ๆ ร่างกายของเขาก็ระเบิดไอสังหารอันน่าสะพรึงออกมา อุณหภูมิในห้องโถงคล้ายกับเย็นลง
หลังเสาขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น โจวจิ่นและหลัวช่าน้อยเบิกตากว้างขึ้นพร้อมกัน
โจวจิ่นไม่คิดว่าตนจะได้พบกับคนรู้จักในโลกฝั่งนี้ หากเขาจำไม่ผิด เจ้าถ่านสามก้อนนั้นก็คือบุตรของพี่หวั่นกระมัง? แปลกจริง เหตุใดพวกเขาก็มาที่นี่ด้วย? แล้วตกไปอยู่ในเงื้อมมือคนเผ่ามารได้อย่างไร?
ฟังรายงานจากทหารเผ่ามารเมื่อครู่ พวกเขาหนีออกจากคุกใต้ดิน แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานเขากับสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยก็ไปที่คุกใต้ดินมาแล้ว ทว่าไม่พบพวกเขาเลย
นอกเสียจากว่า…
โจวจิ่นจำฉากที่หลัวช่าน้อยพยายามค้นหาในคุกใต้ดินที่ถูกคนทำลายได้ หรือว่าที่นั่นจะเป็นห้องขังที่พวกเขาเคยอยู่? สิ่งชั่วร้ายตัวน้อยรู้ได้อย่างไร?
แน่นอนโจวจิ่นไม่มีทางเดาว่าสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยรู้จักไข่น้อยทั้งสาม เขาเหลือบมองชายชรา และแอบเดาว่าชายชราผู้นี้จะเป็นคนในครอบครัวของสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยหรือไม่?
โจวจิ่นมองหลัวช่าน้อย ดวงตาของหลัวช่าน้อยลุกวาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่อาจหลบซ่อน
เป็นครอบครัวไม่ผิดกระมัง?
ไม่เช่นนั้นคงไม่มีท่าทีตอบสนองมากเช่นนี้
ขณะที่โจวจิ่นแอบคาดเดาความสัมพันธ์ของหลัวช่าน้อยกับชายชรา ทหารเผ่ามารที่อยู่ตรงกลางห้องโถงก็จำชายชราได้
เขาหรี่ตาและเอ่ยว่า “ช้าก่อน นี่มิใช่ทูตเหมยจั่วแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ? ทูตเหมยจั่วมาแล้ว เสียมารยาทจริงๆ เสียมารยาทแล้ว”
ชายชรายกมือปิดหน้าอย่างไม่รู้ตัว “เจ้าจำผิดคนแล้ว”
“ไม่ต้องปิดหรอก ทูตเหมยจั่ว คนอย่างเจ้า ต่อให้กลายเป็นขี้เถาข้าก็จำได้ ทำไมน่ะหรือ? ยามนั้นเจ้าทรยศต่อนิกายศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่ถูกบรรพบุรุษของพวกเจ้าฆ่าตายอีกรึ? หรือว่าเจ้าหนีมาได้?”
“เจ้าพล่ามอะไร? ข้าทรยศต่อนิกายศักดิ์สิทธิ์เมื่อไร? ยามนั้นข้า…แค่ขโมยสุราดีสองสามไหจากอาจารย์ปู่ ผู้ใดจะรู้ว่ามียาดองอยู่ด้านใน…” เอ่ยจบ เสียงของชายชราก็แผ่วลง
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ยามนั้นเขาเป็นอันธพาลไม่เอาถ่าน ครั้งหนึ่งบังเอิญช่วยศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ผู้นี้มีสถานะไม่ต่ำนักในนิกายศักดิ์สิทธิ์ และยังให้สถานะแก่เขาในนิกายศักดิ์สิทธิ์ด้วย
คนผู้นี้คุ้นเคยกับการปลีกวิเวกไม่เข้าสังคม จะยอมรับกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของนิกายศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? เผลอครู่เดียวก็วิ่งไปขโมยสุราของอาจารย์ปู่ดื่ม
ผลคือสุรานั่นมิใช่สุราชั้นดีทั่วไป แต่เป็นยาดองที่มีพลังวิญญาณ ว่ากันว่ามีประโยชน์มหาศาล อาจารย์ปู่ไม่ได้บอกว่ามันใช้ทำอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ทำลายเรื่องสำคัญของอาจารย์ปู่ อาจารย์ปู่โกรธจัด จึงลงโทษเขาให้ไปเฝ้าทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์
“เฮอะ” ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารไม่สนใจเรื่องเก่าๆ เหล่านี้ เขาแค่อยากรู้ว่าเหตุใดคนของนิกายศักดิ์สิทธิ์ถึงมาที่นี่ เขามาคนเดียวหรือยังมีคนอื่นที่ซุ่มซ่อนอยู่ในวังมารอีก
เขาเดินไปหาชายชราผมหงอกทีละก้าว “พูดมา เจ้าซ่อนพวกเขาไว้ที่ใด?”
ชายชราตกใจ “ซ่อนใครที่ใด?”
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารเยาะเย้ย “อย่ามาเล่นละครกับข้า กลอุบายอ่อนๆ ของเจ้าไม่พอจะใช้กับข้า หากเจ้าไม่ยอมพูดตรงๆ ข้าก็ได้แต่ต้องบีบให้เจ้าพูดออกมา”
“ช้าก่อน! เจ้าพูดให้ดีๆ!” ชายชราเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “สิ่งใดคือกลอุบายอ่อนๆ ของข้าไม่พอจะใช้กับเจ้า? ครั้งหนึ่งเจ้าเคยถูกหลอกเอาศิลาวิญญาณไปใช่รึไม่? ให้บทเรียนที่เจ้ายังขาด?”
“คนโกงผู้นั้นคือเจ้ารึ?” ไอสังหารของผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารพลันเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า
ชายชราเอ่ยว่า “หึๆๆ แน่นอนว่าไม่ แต่ข้าสามารถหลอกนำศิลาวิญญาณนั้นคืนมาให้เจ้าได้!”
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามาร “…”
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารกำหมัดแน่น “เอามันไปรมควัน ยอมพูดเมื่อใด ก็ให้มันได้สนุกเมื่อนั้น!”
ชายชราตื่นตระหนก
นี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดต้องนำเขาไปย่างไฟ?
เขาไม่ได้ซ่อนใคร! เขาไม่เกี่ยวอะไรกับการตายของทหารพวกนั้น!
เหตุใดคืนนี้ยังโยนความผิดให้เขาไม่หมดอีก?
ชายชราถูกลากตัวลงไป
“ผู้พิทักษ์ใหญ่ จะทำอย่างไรกับนกและเด็กพวกนี้ขอรับ?” ทหารเผ่ามารนายหนึ่งเอ่ยถาม
“เอาไปไว้ที่แท่นบูชาอีกที่แล้วมัดมันซะ! โยนนกตัวนั้นไปที่เก็บสัตว์ แล้วปล่อยให้สัตว์ประหลาดพวกนั้นกินมันซะ!” ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
ทหารเผ่ามารแยกนกหลวนศักดิ์สิทธิ์และชายชราออกไป ส่วนทหารเผ่ามารอีกกลุ่มก็พาไข่น้อยทั้งสามไปที่ห้องลับใต้ดิน
ผู้พิทักษ์ใหญ่แห่งเผ่ามารเอ่ยกับยอดฝีมือที่เหลือ “พวกเจ้ามากับข้า ในวังมารต้องมีผู้ฝึกตนคนอื่นอีกเป็นแน่ ต้องไปจับตัวพวกมันออกมา อย่าให้พวกมันขัดขวางการกลับมาของประมุขมาร!”
หลังจากกลุ่มคนเดินออกไปอย่างเกรียงไกร โจวจิ่นก็เดินออกมาจากหลังเสา เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารบนตัวของสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยอยู่หลายครั้ง เขากังวลว่ามันจะทนไม่ไหวแล้วทำอะไรผลีผลาม นึกไม่ถึงว่าจะนิ่งจนถึงยามนี้
เป็นสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยที่ต้องมองเสียใหม่จริงๆ
แต่ไม่รู้เหตุใด โจวจิ่นไม่อาจสนิทใจกับสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยนี้ได้เลย ไม่ใช่ว่าเขาปฏิเสธหลัวช่าโลหิต แต่เพราะเขารู้สึกว่าสักวันหลัวช่าโลหิตน้อยตัวนี้จะแย่งบางสิ่งบางอย่างกับเขา!
ฟึบ!
หลัวช่าน้อยอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อไปที่ห้องลับ
ห้องลับอยู่ใต้ดิน ที่แท้ใต้ดินก็เป็นที่ที่วังมารตั้งอยู่ ห้องโถงขนาดใหญ่ เสาแปดสิบแปดต้น แต่ละต้นสลักด้วยสัญลักษณ์มังกรดำดุร้าย และเมื่อผ่านมังกรดำแปดสิบแปดต้น พวกเขาก็มาถึงสถานที่ที่คล้ายกับสุสาน
มืดมัวราวกับไร้ขอบเขต ทุกสองสามก้าวจะพบหลุมศพ คนที่ถูกจับมาจะถูกมัดไว้บนเสาหลุมศพ
เสาทางทิศตะวันออกเต็มแล้ว เสาทางทิศตะวันตกน่าจะกำลังทยอยมา
คนที่ถูกมัดไว้เหล่านี้ไม่มีสติอีกแล้ว ทุกคนก้มหน้าราวกับผีที่อาจตื่นขึ้นมาทุกเมื่อ
ว่าไปแล้วการกลับมาของประมุขมารยิ่งใหญ่เช่นนี้เชียวหรือ? อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่? แล้วมีความสามารถมากเพียงใด?
ทหารเผ่ามารสองคนพาไข่น้อยทั้งสามไปที่หลุมฝังศพสามตำแหน่งติดกัน ขณะที่พวกเขากำลังจะถูกมัด เสี่ยวเป่าก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่เอาอันนี้ ข้าไม่เอาอันนี้!”
เขาพูดพลางมองไปที่หลุมฝังศพข้างๆ ต้าเป่า
ทหารเผ่ามารงวยงง ยามที่เด็กคนนี้เอ่ยปาก ก็คิดว่าเขาจะร้องขอความช่วยเหลือ ผลกลับขอให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นหลุมศพที่ใกล้กว่านี้? นี่ นี่มันอะไรกัน?
“ไม่ได้! นี่ของข้า!” เอ้อร์เป่าเอ่ยอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมให้หลุมศพของตนกับเสี่ยวเป่า เขาเหยียบขึ้นไป นี่เป็นอาณาเขตของเขา!
“ข้าจะเปลี่ยนกับเจ้า!” เสี่ยวเป่ากล่าว
“ไม่เปลี่ยน!” เอ้อร์เป่ากล่าว
ทหารเผ่ามารต่างตะลึง พวกเจ้าเป็นเครื่องสังเวย เข้าใจรึไม่? ไม่เห็นหรือว่าที่นี่ทั้งมืดทั้งเงียบทั้งหนาว? เจ้าไม่เห็นหรือว่ารอบกายเจ้ามีคนมากมายถูกมัดไว้ ต่างก็สลบไปหมดแล้ว? ไม่หวาดกลัวร้องห่มร้องไห้ กลับยังต่อรองเปลี่ยนหลุมศพ ดี พวกเจ้าเจ๋ง? มีความรู้สึกของคนใกล้ตายหน่อยได้หรือไม่?
“หนวกหู วางยาพวกมันเถอะ!” ทหารเผ่ามารคนหนึ่งเอ่ย
สหายพยักหน้า หยิบห่อยาผงออกจากแขนเสื้อ คนแรกที่ป้อนคือเสี่ยวเป่า เขาเสียงดังที่สุด
ไหนเลยจะรู้ว่าเขาเพิ่งเปิดห่อกระดาษ
“ฮัดชิ่ว!”
เสี่ยวเป่าก็จามออกมา ผงแป้งเปรอะทั่วใบหน้าของเขา ทันใดนั้น “…!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!” เอ้อร์เป่าเงยหน้ามองและหัวเราะเสียงดัง
ทหารเผ่ามารอีกคนยื่นมือออกไปจะบีบคอเด็กคนนี้ และเทผงยาของตนกรอกปาก
เวลานี้โจวจิ่นไม่รอช้า
พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งดุจดาบยาวที่ทะลุทะลวงทุกสิ่ง ยิงตรงไปที่หัวใจของคนทั้งสอง
ทหารเผ่ามารทั้งสองไม่ทันแม้แต่จะอ้าปากร้อง ก็เบิกตากว้างล้มลงกับพื้น
โจวจิ่นใช้พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ปลดโซ่เหล็กให้ไข่น้อยทั้งสาม
ไข่น้อยทั้งสามร้องด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปทางโจวจิ่นพร้อมกัน
แม้จะเป็นก้อนถ่านน้อยที่น่าเกลียด แต่ก็เป็นเลือดเนื้อของพี่หวั่น ยังพอให้ชอบพวกเขาได้
โจวจิ่นเดินไปหาทั้งสามด้วยรอยยิ้ม
ไข่น้อยทั้งสามต่างตื่นเต้นวิ่งเตาะแตะมาทางนี้
อันที่จริง…ไม่ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้ก็ได้ แค่ทักทายสักคำก็พอแล้ว ไม่ใช่ยังจะมากอดด้วยความรักอีก
แม้จะพูดเช่นนี้ โจวจิ่นก็ยังคงอ้าแขนรับพร้อมกับกระแอมเบาๆ
ไหนเลยจะรู้ว่าไข่ดำน้อยทั้งสามกลับวิ่งผ่านเขาไป กระโจนใส่หลัวช่าน้อยที่อยู่ข้างหลังเขา
“น้องชาย!”
โจวจิ่น “…”
………………………