หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม - บทที่ 27 ต้าเป่าเรียกพ่อ
จิ้งอู๋โจ้วรู้สึกว่าความคิดของตนถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง สตรีไร้พลังคนหนึ่งกับเด็กน้อยผู้ผอมโซจะวิ่งเร็วเช่นนั้นได้อย่างไร?
เร็วกว่าจะจินตนาการได้ เป็นผู้ใดที่ใช้พลัง เขาก็ยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นอวี๋หวั่นมุ่งไปด้วยความเร็ว เยี่ยนจิ่วเฉาก็เร่งตามไปเช่นกัน จิ้งอู๋โจ้วกลับมีความคิดว่า พวกเจ้าไปให้พ้นเสียก็ดี ข้าจะได้โยนเด็กนี่ทิ้ง แล้วกลับวังมารเพียงผู้เดียว
ทว่าเพียงความคิดแล่นผ่าน กริชเย็นเยียบเล่มหนึ่งก็พาดลงบนลำคอเขา
“รีบตามไป” โจวจิ่นพูดขู่เขาอย่างอ่อนแรง
จิ้งอู๋โจ้วไร้คำพูด
มิใช่เจ้ากำลังสะลึมสะลือหรอกหรือ? เหตุใดคิดจะตื่นก็ตื่น? แล้วเหตุใดจึงเอากริชมาพาดคอตน? บอกมา เจ้าไปเอากริชมาจากที่ใด?
โจวจิ่นเอ่ยจบก็หมดแรงหลับลงอีกครั้ง
ทว่าจิ้งอู๋โจ้วไม่กล้าประมาทอีก เขารีบแบกโจวจิ่นตามเยี่ยนจิ่วเฉาไป
อย่างไรเขาก็เป็นชนพื้นเมืองในโลกฝั่งนี้ ระดับพลังก็ไม่นับว่าต่ำนัก ทว่าในการต่อสู้กับเผ่ามาร วิชาอายุวัฒนะใช้ได้ผลตรงจุด หากเปรียบไอมารเป็นเชื้อโรค วิชาอายุวัฒนะก็คือยายับยั้งเชื้อโรค
จิ้งอู๋โจ้วไม่รู้เรื่องนี้ เขาไม่อาจสู้เผ่ามารได้ ทว่าปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาเอาชนะได้ ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาเก่งกล้าเหนือกว่าเขา!
ทว่าตนเองกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าตลอดเส้นทางหลบหนี แม้หลัวช่าน้อยกับเยี่ยนจิ่วเฉาจะเร่งความเร็วเพียงใด เขาก็ยังไล่ตามอีกฝ่ายทัน
เวลานี้ฟ้าใกล้สางแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะฟ้าสาง หมอกดำที่กักเก็บไอมารได้สลายไป หรือเพราะพวกเขาหนีออกจากดินแดนของเผ่ามารมาแล้วกันแน่ จู่ๆ บรรยากาศรอบตัวก็กลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง
“เยี่ยนจิ่วเฉา ดูนั่นสิ มีหมู่บ้านอยู่ตรงนั้น” อวี๋หวั่นชี้บ้านเรือนสองสามหลังที่ตั้งอยู่อย่างกระจัดกระจายด้านหน้า และเอ่ยต่อว่า “ไปดูกันเถอะ”
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้าน
หมู่บ้านแห่งนี้ช่างเงียบสงบนัก
อวี๋หวั่นอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวามานาน รู้จักนิสัยของชาวบ้านเป็นอย่างดี ฟ้าใกล้สางเช่นนี้ผู้คนทยอยตื่นกันแล้ว อีกไม่นานไก่ก็จะร้องขัน ทว่าทั่วทั้งหมู่บ้านแห่งนี้กลับเงียบสงัดจนน่ากลัว ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่เลย
“ข้าจะเข้าไปดูก่อน” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
อวี๋หวั่นเอ่ย “ระวังตัวด้วย”
“ข้าจะระวัง” เยี่ยนจิ่วเฉากระชับบุตรสาวในอ้อมแขนแน่นขึ้นขณะเดินดูรอบหมู่บ้าน หลังจากออกมาก็เอ่ยกับอวี๋หวั่นว่า “หมู่บ้านว่างเปล่า ไร้ผู้คนและสัตว์ต่างๆ”
“เหตุใดเป็นเช่นนี้?” อวี๋หวั่นพึมพำ
จิ้งอู๋โจ้วกล่าว “มีสิ่งใดน่าประหลาดเล่า? นับตั้งแต่เผ่ามารมาที่นี่เมื่อสามปีก่อน ชาวบ้านต่างเดือดร้อน ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างปกติสุข จับกังที่จับได้ก็ถูกเผ่ามารจับตัวไปหมด บางส่วนก็หนีไปที่อื่น ส่วนสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้คงถูกคนเผ่ามารปล้นไปแล้วกระมัง”
“ช่างวุ่นวายอะไรเช่นนี้?” อวี๋หวั่นทอดถอนใจ “เราเข้าไปพักกันก่อนเถิด”
“ดี” เยี่ยนจิ่วเฉาเลือกห้องที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากทำความสะอาดพอประมาณแล้ว ก็สร้างเตียงสองเตียงให้เด็กๆ
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์แบกไข่น้อยทั้งสามบินลงหน้าประตูบ้าน
ไข่น้อยทั้งสามหลงมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลังจากทานอาหารกลางวัน เมื่อมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว อีกสองสามชั่วยามก็ถึงรุ่งสาง ทว่าสำหรับไข่น้อยทั้งสามกลับเป็นเวลานอนยามค่ำคืนของพวกเขา
ตอนกลางคืนพวกเขามีพลังกระฉับกระเฉงเป็นที่สุด!
เมื่อเห็นทั้งสามยังไม่ง่วง เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเรียกพวกเขามาข้างหน้า ไต่ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง นับตั้งแต่ตอนที่พวกเขาลักพาตัวน้องสาวไปที่สำนักบัณฑิต
บิดาและบุตรชายสนทนากันอยู่ในห้อง อวี๋หวั่นวางหลัวช่าน้อยลงบนเตียงที่ทำใหม่ เสื้อผ้าเขาขาดรุ่งริ่ง อวี๋หวั่นจึงค้นหาเสื้อผ้าเด็กสะอาดๆ จากตู้เสื้อผ้าในห้องนั้นเปลี่ยนให้เขา
เตียงหลังนี้กว้างใหญ่นัก โจวจิ่นกับเยี่ยนเสี่ยวซื่อเข้านอนแล้ว
หลังจากหลัวช่าน้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็คลานมาอยู่ระหว่างโจวจิ่นกับเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ใช้ก้นเล็กๆ ดันโจวจิ่นไปสุดขอบเตียง หากไม่ใช่เพราะกลัวอวี๋หวั่นโกรธ เขาคงดันโจวจิ่นตกเตียงไปแล้ว
เขากอดเยี่ยนเสี่ยวซื่อและหันมองโจวจิ่นซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งแสนแปดพันหลี่ พลันพยักหน้าอย่างพึงใจ ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่นิทรา
ตอนแรกไข่น้อยทั้งสามไม่ยอมรับว่าพวกเขาลักพาตัวน้องสาว ทว่าภายใต้สายตาดุดันและบีบคั้นอย่างที่ไร้ผู้ใดทัดเทียมของผู้เป็นบิดา ในที่สุดทั้งสามก็รับสารภาพ อย่างไรการยอมรับผิดก็ช่วยลดโทษหนักให้เป็นเบา
ที่แท้ทั้งสามพาน้องสาวไปที่สำนักบัณฑิตเป็นครั้งแรก คนอื่นนำสัตว์ตัวเล็กไป พวกเขาก็นำน้องสาวคนเล็กไป ส่วนเรื่องที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อล้มสัตว์ในสำนักบัณฑิต พวกเขาไม่รู้เรื่องจึงไม่ได้บอก
เมื่อถึงเวลาเที่ยง พวกเขาก็ออกไปทานอาหาร ขณะนั้นคาบเรียนช่วงบ่ายถูกยกเลิกและสามารถกลับจวนได้ ทว่าเด็กซุกซนอย่างพวกเขา มีหรือจะยอมกลับจวนแต่โดยดี?
ทั้งสามเดินเล่นในสำนักบัณฑิตและเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ได้พบกับรูปปั้นหิน เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอื้อมมือจับที่หัวของรูปปั้นนั้น และคล้ายกับว่าสัมผัสถูกกลไกบางอย่าง ประตูหินจึงเปิดออก
“ด้านในมีคุณปู่ท่านหนึ่ง” เอ้อร์เป่ากล่าว
“แล้วก็นกตัวใหญ่อีกตัว!” เสี่ยวเป่ากล่าว
เอ้อร์เป่าโบกมือ “ไม่ใช่ๆ นกตัวใหญ่บินออกมาจากด้านหลังภาพวาดบนผนัง!”
เสี่ยวเป่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นั่นก็ด้านในไง!”
“ภาพวาดบนผนังด้านใน!”
“นั่นก็อยู่ด้านใน!”
ไข่ดำทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน อวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ เสี่ยวเป่าหมายถึงห้องลับทั้งห้อง ส่วนเอ้อร์เป่าเจาะจงทุกตำแหน่ง อันที่จริงทั้งสองล้วนถูกต้อง เพียงแต่แตกต่างที่ระดับความละเอียดเท่านั้น
“แล้วเป็นอย่างไรต่อ?” อวี๋หวั่นถาม
เอ้อร์เป่าเอียงคอครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แล้วปู่หนวดขาวก็บอกว่าเรากลับไปไม่ได้แล้ว ได้แต่ต้องเข้าไปในภาพวาดบนผนังเท่านั้น ต้าเป่าขอให้นกตัวใหญ่กับปู่ชราลองออกไปดู แต่ก็ไม่มีทางกลับไปจริงๆ พวกเราเลยบินเข้าไปในภาพวาด!”
ภาษาของเด็กมักมีลักษณะเฉพาะของตน คนอื่นอาจไม่เข้าใจสิ่งที่เอ้อร์เป่าบอก เข้าไปในภาพวาดบนผนัง? คนที่ใดจะทำเช่นนั้นได้? แต่อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาเคยไปที่ห้องลับนั้นแล้ว ที่ภาพวาดบนผนังมีรูขนาดใหญ่ แน่นอนว่าเป็นทางเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นเข้าไปในภาพวาดบนผนังที่เขาหมายถึง ก็คือเข้าไปจากทางเข้าบนภาพวาด
อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉาและถามเบาๆ “ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าชายชราผู้นั้นดูแปลกๆ? เขาดูเหมือนจะรู้ว่าทุกคนที่เข้ามาไม่สามารถออกไปได้ และข้าก็รู้สึกว่าเขาตั้งใจรอผู้ที่จะเข้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์”
เยี่ยนจิ่วเฉาก็คิดเช่นนั้น
ชายชราผู้นั้นอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาทั้งหมด
“แล้วปู่หนวดขาวผู้นั้นเล่า?” อวี๋หวั่นถามไข่น้อยทั้งสาม
ไข่น้อยทั้งสามสะดุ้งโหยงตามๆ กัน
แย่แล้ว ลืมเอาไว้ที่วังมาร!
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกว่าอีกไม่ช้า ตนจะถูกบุตรชายทำให้โมโหเจียนตาย โบราณว่าไว้ ธรรมชาติย่อมเคลื่อนโคจร สวรรค์ไม่เคยละทิ้งผู้ใด ยุคที่คุณชายน้อยเยี่ยนทำให้ผู้คนโกรธเคืองค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปช้าๆ และคืนวันที่เขาถูกทำให้โมโหก็ถาโถมคืนกลับมาอย่างน่าเศร้า
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อยากยอมรับชะตากรรมนี้
แต่ก่อนเขาเป็นผู้เดียวที่ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง ไม่มีใครทำให้เขาโกรธได้ แม้กระทั่งบุตรแท้ๆ
เขาเอ่ยเสียงขรึมด้วยใบหน้าบึ้งตึง “พวกเจ้าไปยืนหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดอยู่ตรงนั้น”
ไข่น้อยทั้งสามเดินก้มหน้าคอตกไปยืนข้างกำแพงด้วยสีหน้าเศร้าสลด
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา “หันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิด ไม่ใช่หันหลังเข้ากำแพงสำนึกผิด!”
ไข่น้อยทั้งสามหันตัวกลับอย่างช้าๆ หน้าผากเล็กพิงแนบกำแพงอันเย็นเยียบ
ในบรรดาไข่น้อยทั้งสาม ความรู้สึกละอายของต้าเป่าค่อยๆ ตื่นขึ้น แม้แต่การเป็นพี่เลี้ยงยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ เช่นนั้นแล้วเขาจะยืนทำโทษตนต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไร?
เขารู้สึกว่าในมือยังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่
หากเขาเผยไพ่ใบสุดท้าย บิดาต้องหลั่งน้ำตาอาบแก้มด้วยความปลื้มปีติและให้อภัยตนเป็นแน่
ต้าเป่ารู้สึกไม่คุ้นเคยนัก แต่เพื่อเห็นแก่หน้าตน เขาจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัว
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วอ้าปากหมายจะเอ่ยคำว่า ท่านพ่อ
วิธีนี้หากเป็นเอ้อร์เป่ากับเสี่ยวเป่าคงไร้ประโยชน์ อย่างไรพวกเขาก็พูดได้มานานแล้ว ได้ยินพวกเขาเรียกท่านพ่อจนเบื่อ แต่ต้าเป่ายังไม่เคยเรียกสักครั้งเลย
ต้าเป่ามั่นใจว่าเยี่ยนจิ่วเฉาต้องหวั่นไหว!
แต่ดูเหมือนเยี่ยนจิ่วเฉาจะเดาออก เพียงแค่ต้าเป่าหันมา ยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ยืนดีๆ ท่านพ่อ ก็เรียกไม่ได้!”
เรียกท่านพ่อก็ไม่ได้หรือ เช่นนั้น…
ต้าเป่าครุ่นคิดอย่างจริงจัง “เพื่อนยาก?”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
…
ต้าเป่าถูกทำโทษอย่างหนัก
หนักยิ่งกว่าตอนที่เสี่ยวเป่าโกหกเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วเรียกท่านพ่อสองคำเสียอีก
…
ชายชราล่วงรู้ปริศนามากมายที่พวกเขาไม่อาจหาคำตอบได้ เพื่อเข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงมาที่นี่ ไม่ว่าเพราะอุบัติเหตุหรือมีความเกี่ยวข้องใดกับโลกฝั่งนี้ เยี่ยนจิ่วเฉาจึงตัดสินใจเสี่ยงไปวังมารอีกครั้ง เพื่อตามหาชายชรา
ทว่าชื่อของชายชราที่ไข่น้อยทั้งสามบอก…ไม่มีไข่?
จะมีคนที่มีชื่อเรียกแปลกประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร?
เสี่ยวเป่ายังกล่าวอีกว่า…เขาไม่มีนก
ไม่มีทั้งนก ไม่มีทั้งไข่ หรือว่าคนที่ตนต้องตามหา เป็นขันที?
“ฮัดชิ่ว!”
เพียงความคิดแล่นผ่าน เยี่ยนจิ่วเฉาก็ได้ยินเสียงจามหนักดังขึ้นนอกประตูไม่ไกล
เยี่ยนจิ่วเฉาเปิดประตูออก เห็นชายชราที่ไข่น้อยทั้งสามเอ่ยถึง
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่รู้ควรดีใจหรือตกใจ
ดีใจที่พบคนที่ตนอยากตามหาโดยไม่ต้องเสียเวลา
และตกใจที่คนที่พาชายชราหนีมาได้…ดูคล้ายสุ่ยเยว่ชิง ยอดฝีมือนิกายศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งถูกตนหลอกไปถึงสองครั้งสองครา!
สี่ตาสบประสานกัน
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
สุ่ยเยว่ชิง “…”
………………………
Comments for chapter "บทที่ 27 ต้าเป่าเรียกพ่อ"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Silarat
555หลายครั้งที่พี่จิ่วขโมยคน